วันศุกร์, 29 พฤศจิกายน 2567

หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม

วัดเขาพลอง
อ.เมือง จ.ชัยนาท

หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท
หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท

หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาจนได้รับการขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งเขาพลอง จ.ชัยนาท

◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๗ ที่บ้านวัดงิ้ว ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท บิดาชื่อ “นายแส” และมารดาชื่อ “นางจันทร์ ธรรมชัย” หลวงพ่อชื้น เป็นบุตรคนโต ในบรรดาพี่น้องร่วมท้องรวม ๕ คน ได้แก่
๑.หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม
๒.นายเหว่า
๓.นายพร้อม
๔.นางถม
๕.นางปุย

◉ ปฐมวัย
หลวงพ่อชื้น เรียนหนังสือจบชั้น ป.๔ จากโรงเรียนวัดงิ้ว ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท และไม่ได้เรียนต่อ ออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินจนอายุ ๑๘ ปี ก็สมัครเข้ารับราชการทหารที่มณฑลทหารบกที่ ๔ จ.ชัยนาท (สมัยนั้น) จนเลื่อนยศเป็น สิบตรี สิบโท สิบเอก ตามลำดับ

สมัยรับราชการทหาร หลวงพ่อชื้น เคยร่วมรบในสงครามสงครามโลกครั้งที่ ๑ และสงครามอินโดจีน จนสงครามสิ้นสุดลง ก็ลาออกจากราชการไปค้าไม้กับเพื่อนร่วมรบในสงครามอินโดจีนด้วยกันนาน ๒-๓ ปี และกลับเข้ารับราชการอีกครั้งติดยศ จ่าสิบตรี และเลื่อนยศตามลำดับจนถึง ร.ท. ก็ลาออกจากราชการมากินบำนาญตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๕ โดยเพื่อนฝูงและคนคุ้นเคยมักชื่อท่านติดปากเรียกว่า “ร้อยโทชื้น” หรือ “หมวดชื้น

หลังออกจากราชการทหาร ร.ท.ชื้น หันมาสนใจศึกษาธรรมะและแสวงหาความรู้ด้าน “วิปัสสนากรรมฐาน” สมัยก่อนมีพระเกจิหลายรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ท่านเลือกที่จะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ “หลวงพ่อกบ” วัดเขาสาริกา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาทุกคนจะเรียกหลวงพ่อกบว่า “สมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อเขาสาริกา” ด้วยอุปนิสัยหลวงพ่อกบไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ก็รับไว้เป็นศิษย์ โดยให้ ร.ท.ชื้น ศึกษาธรรมะและฝึกนั่งวิปัสสนากรรมฐานและวิชาต่างๆ กับท่าน ที่มีข้อมูลคือหลวงพ่อชื้นสำเร็จ วิชานะปัดตลอด กับ นะมหาอุตม์

จากนั้น ร.ท.ชื้น ก็ไปเรียนพระกรรมฐานเพิ่มเติมกับศิษย์ฆาราวาสของหลวงพ่อกบคือ อาจารย์สาย ยอดสุวรรณ และอาจารย์ชื่น สดศรี ชาว จ.นครสวรรค์ จนแตกฉานและสำเร็จธรรมขั้นสูง รวมทั้งยามว่างจะไปสนทนาธรรมและขอวิชาความรู้จาก หลวงพ่อโอภาสี ที่อาศรมบางมดอยู่บ่อยครั้งด้วย

ภายหลัง หลวงพ่อกบ ชราภาพ มอบหมายให้ ร.ท.ชื้น รับหน้าที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอดสอนวิปัสสนากรรมฐานให้คณะศิษย์ในสายสืบต่อมา โดย ร.ท.ชื้น สอนลูกศิษย์ลูกหาอยู่ที่วัดเขาสาริกาพักหนึ่งก่อนขยับขยาย ย้ายไปปลูกบ้านเปิดเป็นสำนักสอนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง ที่บ้านเลขที่ ๒๘ หมู่ ๔ ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท (ใกล้วัดพระยาตากปัจจุบัน) ได้รับการเคารพนับถือจากบรรดาศิษย์สายหลวงพ่อกบและสายหลวงพ่อโอภาสีด้วยดีเสมอมา โดยเฉพาะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ศรัทธากันมาก ถึงขนาดขยายเรือนชานให้ใหญ่โตกว้างขวางกว่าเดิมหลายเท่า จวบจนหลวงพ่อกบและหลวงพ่อโอภาสีละสังขาร ลูกศิษย์ในสายนี้ยิ่งหลั่งไหลมาหา ร.ท.ชื้น มากขึ้น ซึ่งนับว่าท่านอาคมกล้าแกร่งและเชียวชาญวิปัสสนากรรมฐานยอดเยี่ยมตั้งแต่ยังเป็นฆาราวาส

◉ อุปสมบทครั้งแรก
ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ร.ท.ชื้น ธรรมชัย ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสวพัตร อุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรกที่ตะเคียนเลื่อน ต.ตะเคียนเลื่อน อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ แต่อยู่ในเพศบรรพชิตได้แค่ ๒ ปี จนถึง พ.ศ.๒๕๐๘ ท่านก็ลาสิกขามาเป็นฆาราวาสนุ่งขาวห่มขาว สาเหตุสำคัญ เพราะติดภารกิจสอนลูกศิษย์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งต้องดูแลครอบครัวและลูกหลาน

ในสมัยเป็นฆราวาส ตั้งแต่วัยหนุ่ม ร.ท.ชื้น ได้แต่งงานกับ นางสำลี ธรรมชัย มีบุตรชาย-หญิงด้วยกัน ๓ คน คือ
๑.นางเฉลียง สุนทราคม (ถึงแก่กรรม) แต่งงานกับ ร.ต.แกล้ว สุนทราคม (ถึงแก่กรรม) มีบุตรชาย ๒ คน หญิง ๑ คน ได้แก่ นางลัดดา เมฆสัจจากุล อดีตครูโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม (ถึงแก่กรรมแล้ว) พล.ต.เอกชัย สุนทราคม อดีตนายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย และ นายประวัติ สุนทราคม (ถึงแก่กรรมแล้ว)

๒.นางเฉลา เทพกาญจนา (อดีตข้าราชการครูโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง กทม.) ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ แต่งงานกับ พล.อ.ต.สุพจน์ เทพกาญจนา (ถึงแก่กรรม) พี่ชายของบิดานักการเมืองตระกูลดัง มีบุตร-ธิดาเป็นชาย ๓ คน และหญิง ๑ คน (ถึงแก่กรรม)

๓.พ.ต.ประโยชน์ ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม) อดีตนายทหาร มทบ. ๑๓ ค่ายจิระประวัติ จ.นครสวรรค์ อดีตปลัดอำเภอ หัวหน้ากิ่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย และอดีตผู้จัดการโรงเลื่อยจักรภูกระดึง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แต่งงานกับ นางยุวดี ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม) มีบุตรชาย ๑ คน

นอกจากนี้ ร.ท.ชื้น ยังมีบุตรกับภรรยาชาว จ.อุทัยธานี อีก ๑ คนชื่อ นายจำรูญ ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม)

ในช่วงครองเพศบรรพชิต หลวงพ่อชื้น ได้สนใจศึกษาด้านคาถาอาคม การลงอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ได้ศึกษามาไม่ด้อยกว่าพระเกจิรูปอื่น และท่านยังเป็นสหายธรรมที่สนิทมากกับ หลวงพ่อแสวง ญาติของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข (มีหลักฐานตำราเก่าที่วัดเขาพลอง เกี่ยวกับการลงอักขระเลขยันต์ รวมทั้งตำราพระคาถาต่าง ๆ เก็บไว้ในกุฏิหลังเก่า)

ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ร.ท.ชื้น เห็นว่าที่บ้านคับแคบไม่เพียงพอกับความศรัทธาของคณะศิษย์ที่ต้องการเรียนพระกรรมฐาน จึงหารือกับบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างวัดขึ้นเป็นศูนย์รวมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและใช้ในกิจกรรมทางศาสนา โดยมอบหมายให้ นายทองดี เตชะสุวรรณ หนึ่งในลูกศิษย์เป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตกรมการศาสนา ได้รับความเห็นชอบมหาเถรสมาคม และกระทรวงศึกษาธิการ อนุญาตให้สร้างวัดขึ้นที่บ้านเขาพลอง (สมัยนั้น) ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท ในวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๖ และได้รับพระราชทานวิสูงคามสีมาให้เป็นวัดในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๙ ลงนามโดย นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรี (สมัยนั้น) และมีชื่อเป็นทางการว่า “วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี” แต่ชาวบ้านจะนิยมเรียกว่า “วัดเขาพลอง” กันมากกว่า

◉ อุปสมบทครั้งที่สอง
กระทั่งปี พ.ศ.๒๕๑๒ หลังจาก นางสำลี ภรรยาถึงแก่กรรม ร.ท.ชื้น จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้ง ณ พัทสีมา วัดโคกเข็ม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยมี เจ้าคณะอำเภอสรรพยา (สมัยนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “อริยธัมโม” และสอนวิปัสสนากรรมฐานให้ผู้ศรัทธาเรื่อยมา

ระหว่างครองเพศบรรพชิต หลวงพ่อชื้น ได้รวบรวมปัจจัยจากผู้ศรัทธาหาและทุนทรัพย์พัฒนาวัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) อย่างต่อเนื่องจนเจริญรุ่งเรืองสืบมา รวมทั้งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อสร้าง “พระพุทธอริยธัมโม” พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะสุโขทัยประดิษฐานบนเชิงเขาพลองข้างสวนนกชัยนาท ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองเพราะความงดงามและยกมือไหว้ด้วยความศรัทธา ใช้เวลาก่อสร้างนานหลายปีจนแล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์

◉ มรณภาพ
ในวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๑ หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง ได้มรณภาพลงอย่างสงบ สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี

◉ วัตถุมงคล
ด้วยความที่ หลวงพ่อชื้น เล่าเรียนคาถา วิธีลงอักขระเลขยันต์ และศึกษาธรรมะมายาวนาน เพื่อรำลึกพระคุณครูอาจารย์ หาทุนทรัพย์สร้างวัด สร้างเสนาสนะ จึงอนุญาตให้คณะศิษย์ จัดสร้างวัตถุมงคลไว้เป็นที่ระลึกหลายแบบและหลายวาระ มีทั้งเหรียญ พระสมเด็จ พระผง รูปหล่อบูชาหลวงพ่อกบ หลวงพ่อโอภาสี และตัวท่านเอง รูปบูชา รูปถ่าย แจกญาติโยมที่มาทำบุญและลูกศิษย์ ซึ่งวัตถุมงคลทุกรุ่น ส่วนใหญ่หลวงพ่อชื้นจะปลุกเสกเดี่ยว ๑ พรรษาหรือ ๑ ไตรมาส บางรุ่นก็ มีพระเกจิท่านอื่นที่สนิทสนมกันร่วมอธิษฐานจิตด้วย เช่น หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อพุฒ วัดศรีวิชัยวัฒนาราม หลวงพ่อกล่อม วัดโพธาราม หลวงพ่อประเทือง วัดโพธาราม ถือว่าสุดยอดเข้มขลังไม่เป็นรองใคร

เหรียญ รุ่นแรก หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท
เหรียญ รุ่นแรก หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม วัดเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท

เหรียญอาร์มรุ่นแรก หลวงพ่อชื้น วัดเขาพลอง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อชื้นครึ่งองค์ ปั๊มคำว่า อริยธัมโม (ชื้น) ด้านหลังเป็นยันต์ ๓ กำกับด้วยอักขระ มะ อะ อุ (สุดยอดมหายันต์โดดเด่นด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เกจิสายชัยนาทนิยมกันมาก เพราะนักเลงเยอะ ยิงกัน แทงกัน ฟันกันทุกวัน จึงต้องเน้นคุ้มครองชีวิตเป็นหลัก) ระบุปีที่สร้างคือ พ.ศ.๒๕๑๔ เท่าที่พบเห็นมีเนื้อทองแดงชนิดเดียว กะไหล่ทอง และทองแดงผิวไฟ (หากสภาพเดิมๆ ไม่เคยถูกสัมผัสจะสีคล้ายนากสวยมาก) หากผ่านการใช้มาบ้างกะไหล่จะหลุด เห็นเนื้อทองแดงสีเข้มๆ จำนวนการสร้างประมาณ ๕๐๐ เหรียญ รุ่นนี้มีประสบการณ์จากลูกหลานของลูกศิษย์หลวงพ่อ สมัยผู้เขียนบวชเป็นสามเณรที่วัดเขาพลอง (ประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๓๓) มีลุงคนหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) บ้านอยู่ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เคยให้หลานแกคล้องไปเลี้ยงควายกลางทุ่งนา ฟ้าผ่าเปรี้ยงควายตายไป ๗ ตัว หลานแกสลบหมดสติไปนับชั่วโมง ฟื้นขึ้นมาไม่เป็นอะไรเลย ในคอแขวนเหรียญรุ่นนี้เหรียญเดียว แกมาหาเช่าที่วัดเขาพลอง แต่ไม่มีเหลือแล้ว หมดไปนานแล้ว ลูกศิษย์หวงกันมาก

พระผงว่าน๑๐๘ อริยธัมโม รุ่นแรก หลวงพ่อชื้น วัดเขาพลอง จ.ชัยนาท ปี๒๕๑๘
พระผงว่าน๑๐๘ อริยธัมโม รุ่นแรก หลวงพ่อชื้น วัดเขาพลอง จ.ชัยนาท ปี๒๕๑๘

พระผงว่าน ๑๐๘ อริยธัมโมรุ่นแรก สร้างพร้อมกับเหรียญ สมเด็จพระบรมครู (หลวงพ่อกบ) เหรียญหลวงพ่อโอภาสี ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ โดยคณะศิษย์ขออนุญาตใช้ชื่อว่า “รุ่นพิเศษ” ออกแบบโดย นายช่างยิ้ม ยอดเมือง ผสมมวลสารมงคลมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ทั้งผงพระสมเด็จวัดระฆัง ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม ผงพระกรุสมเด็จปิลันทน์ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ เกสรว่าน ๑๐๘ กิ่งไม้โพธิ์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ไม้ขนุน ไม้แก่นจันทร์ กาฝากรักซ้อน ดินเขาสารพัดดี ดินแร่กรุวัดเขาธรรมามูล กาฝากมะยม ไม้ชัยพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ ราชพฤกษ์ เกศา ชานหมากและจีวรหลวงพ่อชื้น, หลวงปู่แหวน สุจิณโน, หลวงพ่อโอภาสี บางมด, หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก ทำพิธีปลุกเสกวันอาทิตย์ที่ ๑๔ กันยายน พ.ซ.๒๕๑๘ ในศาลาการเปรียญหลังใหญ่บนเขาพลอง

รายนามพระเกจิมาร่วมอธิษฐานจิต เท่าที่มีข้อมูลมีดังนี้ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท หลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท, หลวงพ่อกล่อม วัดโพธาราม, หลวงพ่อประเทือง วัดโพธาราม, หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อพุฒ วัดศรีวิชัยวัฒนาราม, หลวงพ่อชม วัดตลุก, หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม, พระอาจารย์บุญยัง และพระสงฆ์ศิษย์ในสายหลวงพ่อกบ และหลวงพ่อโอภาสี

พระอธิการพุด ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดเขาพลองในปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกศิษย์รับใช้ใกล้ชิด หลวงพ่อชื้น มากที่สุด ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร เล่าว่า “วัตถุมงคลรุ่นนี้เจตนาการสร้างดีมาก วันที่ทำพิธีปลุกเสกในปี พ.ศ.๒๕๑๘ มีพระเกจิคณาจารย์มากันเยอะ จำได้ติดตาเลยคือ หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม, หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ, หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อพุฒ วัดศรีวิชัย ที่เหลือจำชื่อไม่ได้แล้ว เพราะผ่านมานานมาก สมัยก่อนไม่ค่อยมีใครสนใจ เดี๋ยวนี้มาถามหากันเยอะ ไม่มีเหลือแล้ว คนนำไปบูชาติดตัวก็เจอประสบการณ์กันเยอะ นี่ฟังจากเขาเล่า ส่วนอาตมาเองก็เคยเจอ แต่ไม่ไช่พระเครื่องของท่าน เป็นเส้นเกศา เวลาปลงผมให้หลวงพ่อสมัยก่อนจะเก็บเกศาเอาไว้ เพราะเป็นของครูบาอาจารย์ เก็บไว้เยอะใส่โหลเอาไว้ พอท่านมรณภาพไปไม่นาน ปรากฎว่า เส้นเกศากลายเป็นพระธาตุ ใสเหมือนแก้ว แปลกมาก พอแม่ชีและญาติโยมรู้มาขอแบ่งเอาไปหมดเลย เดี๋ยวนี้ไม่มีเหลือ สักเส้นก็ไม่มีแล้ว” (ข้อมูลนี้พระอาจารย์พุดเล่าเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๔)

พระผงว่าน ๑๐๘ อริยธัมโม รุ่นนี้เท่าที่พบเห็นมีหลายสี ได้แก่ สีแดง (แก่ชานหมาก) สีน้ำตาลปึก (แก่ว่าน) สีน้ำตาลอ่อน (แก่ผงพุทธคุณ) และสีดำ (แก่ใบลาน) ใครมีไว้บูชาถือว่า มีบุญและวาสนา เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พุทธคุณหายห่วง ครอบจักรวาล จำนวนการสร้างประมาณ ๑,๐๐๐ องค์