ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร
วัดสนมลาว
อ.หนองแค จ.สระบุรี
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว พระเกจิที่มีพลังเวทที่น่าอัศจรรย์ สำเร็จอภิญาญาณชั้นสูง แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้แห่งเมืองสระบุรี
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว นามเดิมชื่อ “ทวาย หารสาสิริกิจ” เกิดเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน ณ บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี บิดาชื่อ “นายเทศ” และมารดาชื่อ “ตุ้ย หารสาสิริกิจ” บิดามีอาชีพรับราชการทหาร ทำนา ค้าขาย ส่วนมารดามีอาชีพ ค้าขาย มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกันทั้งหมด ๕ คน คือ
๑.นายผินะ หาญสาริกิจ (หลวงพ่อผินะ ปิยธโร)
๒.นายเสริมเกียรต์ หาญสาริกิจ
๓.นางสาวสุรัตน์ หาญสาริกิจ
๔.นายสงวน หาญสาริกิจ
๕.นายสุนทร หาญสาริกิจ
ในช่วงวัยเด็กท่านมีโรคประจำตัวที่รักษาไม่หาย หลังจากการร้องไห้ทุกครั้ง ท่านมักจะชักจนหน้าเขียว และมารดาได้พาไปหาหมอรักษาโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดทาง จึงพาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี หลวงพ่อสิน ได้บอกถึงรางว่าชื่อ “ทวาย” นั้นเป็นความหมายที่เป็นกาลกิณี จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “ผินะ” แปลว่า หันหน้า หันหลัง เปลี่ยนทิศทาง ไม่แยแส หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นมา อาการดังกล่าวได้ทุเลาลง จนหายดีเป็นปกติ
◉ บรรพชาอุปสมบท
หลังจากโยมบิดาของ หลวงพ่อผินะ ได้เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเมื่ออายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๑ ที่ วัดหนองเต่า โดยมี พระครูอุดม คุณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในระหว่างเป็นพระภิกษุ ท่านได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกธุดงค์ไปจำพรรษาที่ วัดเกาะเทพเทโพ หลังจากอุปสมบทแล้วเพียง ๒๐ วัน ท่านจึงขอสึกออกมา เพราะยังกลัวผี กลัวศพอยู่ และท่านไปอยู่บ้านได้เพียง ๑๑ วัน โยมมารดาก็ถึงแก่กรรมลงอีก
ต่อมาก็เจาะจงมาที่พระภิกษุผินะ ต้องจูงศพให้ได้ เพราะศพที่ตายเป็นโรคฝีในท้อง สับปเหร่อก็ผ่าท้องให้ดู ท่านก็ฉันอาหารไม่ได้ถึง ๓ – ๔ วัน และมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ จึงขอเจ้าอาวาสไปพักที่อื่นสัก ๕ วัน แล้วจะกลับมาลาสิกขาบท หลวงพ่อคำ ก็ได้สอบถามท่านและพระภิกษุอีก ๑ รูป ที่เป็นคนกลัวผีเช่นกัน แล้วหลวงปู่คำ ก็สั่งสอนว่า สังขารของคนอื่นนั้น มันก็เหมือนกับของเรา จะรังเกียจไปทำไม ต่อมาท่านได้อยู่กับหลวงพ่อคำที่วัดเกาะเทพเทโพ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ท่านได้ศึกษาพระธรรมกับหลวงปู่คำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ สิ่งมีชีวิต ล้วนมี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่านอยู่กับหลวงปู่คำได้หนึ่งเดือนเต็มๆ ก็เลิกกลัวผี และเกิดมานะว่าท่านจะบวชตลอดชีวิต
ต่อมาท่านจึงได้เดินทางแสวงธรรม หาพระคณาจารย์เพื่อเรียนศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน โดยมุ่งหน้าไปที่ วัดถ้ำตะโก แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะ หลวงพ่อท่านได้มรณภาพไปก่อนหน้านั้นแล้ว ด้วยใจที่มานะ ท่านจึงได้อยู่จำพรรษาอยู่ที่ วัดถ้ำตะโก ๒ พรรษา ในปี พ.ศ.๒๔๘๒ – ๒๔๘๔
ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ หลวงพ่อผินะ เดินธุดงค์ไปหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ภาคใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย หลังจากนั้น ท่านได้กลับมาเมืองไทย และจาริกธุดงค์ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกรนคร ท่านได้อบรมบ่งนิสัยให้ หลวงพ่อผินะ รักการสันโดษ และได้ศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารอีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์หลายท่าน จนถึงปี พ.ศ.๒๕๒๗ ต่อจากนั้นท่านออกธุดงค์ต่อไปเรื่อยๆ มาถึงที่วัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบสถ์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี อันเป็นบ้านเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนั้น ซึ่งปัจจุบันคือวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการแล้ว
◉ มรณภาพ
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว ท่านเริ่มอาพาธ และถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕
ก่อนหน้านี้ หลวงพ่อผินะ ได้ทำหนังสือเขียนสั่งไว้ มีใจความว่า “เมื่อฉันละสังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียมไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด” สั่ง ณ วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววิหาร ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ “หลวงพ่อผินะ ปิยธโร” สิริอายุรวมได้ ๘๙ ปี
ด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ร่างของ หลวงพ่อผินะ นั่งหมดลมหายใจ ในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่ปกติเพราะท่านมรณภาพเวลาประมาณ ๐๕.๑๔ น. แต่เวลาล่วงเลยกว่า ๑๒ ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใด
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว จ.สระบุรี ท่านเป็นพระเกจิที่มีพลังเวทที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ว่ากันว่าท่านสำเร็จอภิญาญาณชั้นสูง สมารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ให้ลูกศิษย์ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แก่สายตาอยู่บ่อยครั้ง เช่น ไม่ว่าผู้ใดจะขอรับวัตถุมงคลจากหลวงพ่อ ต้องนอนภาวนาเอาวัตถุมงคลกำไว้ในมือ หลวงพ่อจะมอบคาถาให้ท่อง แล้วท่านก็จะนำทรายประมาณหนึ่งกำมือ มาโรยใส่ตาผู้นั้น ระยะห่างจากตาเพียง ๗- ๘ นิ้วเท่านั้น ทันทีที่ทรายถูกโรยใส่ตา ที่น่าแปลกมหัศจรรย์ คือ ทรายนั้นไม่ว่าจะมีปริมาณมากสักเท่าใด แม้เพียงอณูเม็ดเดียวที่โรยวิ่งตรงมายังดวงตา ของผู้ที่นอนภาวนาอยู่ ก็หาได้เข้าถึงตาไม่ กลับกระเด็นออกไปจนหมดสิ้น เหมือนมีอะไรมาปิดบังตาไว้
◉ ด้านวัตถุมงคล
วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ ของหลวงผินะ วัดสนมลาว ที่ท่านสร้างไว้เมื่อครั้งท่านยังชีวิตอยู่นั้น มีมากมายหลายอย่างเช่น พระขุนแผน, พระสมเด็จ, ดาวแม่เนื้อหอม, ดวงตาสวรรค์ , ปลัดขิก, แม่เปอ, กุมารทอง, พรายกระซิบ และอื่นๆ อีกมากมาย