ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่หิน ถาวโร
วัดหนองสนม
อ.เมือง จ.ระยอง
พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ (หลวงปู่หิน ถาวโร) วัดหนองสนม พระเกจิคณาจารย์ยุคเก่า วิทยาคมที่เข้มขลังแห่งภาคตะวันออก จ.ระยอง
◉ ชาติภูมิ
พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ หลวงปู่หิน วัดหนองสนม นามเดิมชื่อ หิน หอมหวาน” เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๔ ตรงกับขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑ ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง บิดาชื่อ “นายปล่อง” และมารดาชื่อ “นางทบ หอมหวาน” มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน หลวงปู่หิน เป็นบุตรคนที่ ๓
ในช่วงเยาว์วัย ด.ช.หิน อายุ ๑๒-๑๓ ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระภิกษุที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดา ประกอบอาชีพทำนา
ครั้นอายุครบ ๑๘ ปี นายหินได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง ๕ ปี พออายุ ๒๒ ปี นายหินได้ออกจากราชการทหาร กลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพเช่นเดิม
◉ อุปสมบท
เมื่ออายุได้ ๒๔ ปี นายหิน ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมี พระครูสงฆ์ วัดจันทอุดม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ได้รับฉายาว่า “ถาวโร”
พระหิน ได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมา จนถึง พ.ศ.๒๔๕๔ พรรษาที่ ๘ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาสวดนาค
ในปี พ.ศ.๒๔๖๖ ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง
ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ได้เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ
ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ
ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม “พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ”
ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ เป็นพระอุปัชฌาย์
ในปี พ.ศ.๒๔๘๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ
หลวงปู่หิน เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม
หลวงปู่หิน เป็นพระผู้ทรงธุดงคคุณ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง
นอกจากนี้ หลวงปู่หิน ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาใน หลวงปู่หิน จนกระทั่ง วัดหนองสนม เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
◉ มรณภาพ
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ท่านได้ละสังขารไปอย่างสงบ ณ กุฏิเจ้าอาวาสวัดหนองสนม อันเป็นกุฏิที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษา จนถึงวาระสุดท้าย สิริอายุ ๘๐ พรรษา ๕๖ มีสัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น ๑,๕๓๘ รูป
◉ ด้านวัตถุมงคล
สำหรับวัตถุมงคล ของ หลวงปู่หิน นั้นท่านสร้างหลายแบบด้วยกัน ทั้ง รูปหล่อ มี ๒ รุ่น เหรียญมี ๓ รุ่น ผ้ายันต์ขาวแดง อันโด่งดัง และ ผ้ายันต์พัดโบก ทางด้านค้าขาย ท่านก็มี แต่วัตถุมงคลของท่าน นั้นทำน้อยมาก และ ปัจจุบัน หาพบเจอได้ยากยิ่ง
มีพระรูปหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม มักเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสนม” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า…หลวงพ่อหิน เป็นพระที่หลวงพ่อสังข์เฒ่า บวชให้ โดยมี หลวงพ่อแอ่ววัดป่าประดู่เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” หลังจากที่บวชแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมาประมาณ พ.ศ.๒๔๔๙
หลวงพ่อหิน ท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จาก หลวงพ่อสังข์เฒ่า เนื่องจากอุปนิสัยของหลวงพ่อหินนั้นท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว เป็นคนอยากลองดี โดยเหตุที่พระอุปัชฌาย์ ของท่านเป็นพระที่ดุมาก มีระเบียบวินัยจัด ใครทำผิดวินัยแล้ว หลวงพ่อสังข์เฒ่า จะต่อว่าและดุด่าทีนที คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำ ท่านจะไล่ออกจากนอกวัดทันทีแต่หลวงพ่อหินท่านไม่กลัวหลวงวพ่อสังข์เฒ่า ดุก็ดุไปถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง
เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วยอะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถาม “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” ทันทีจึงทำให้หลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านรักหลวงพ่อหินมาก และก็ได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่อหินจนหมด
หลวงปู่ทิม ได้เล่าว่า หลวงพ่อหินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆ ได้สมัยที่ท่านไปกราบหลวงพ่อหินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเคยเอ่ยถามหลวงพ่อหินว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?”
หลวงพ่อหิน ได้ฟังเช่นนั้นท่านก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งท่านก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปที่มือของท่านหลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงพ่อหินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง
ท่านมองหลวงปู่ทิมและพูดว่า “คาถาอาคมที่เราถืออยู่ทุกวันนี้ ถ้าคิดว่าเป็นจริงมันก็จริง แต่คนที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ ต้องฝึกจิตมาเป็นอย่างดี” ซึ่งครั้งหนึ่ง “หลวงปู่ทิม” ก็เคยเสกผ้าให้เป็น “กระต่าย” กระโดดโลดเต้นให้ลูกศิษย์เห็นต่อหน้า “หลวงปู่แก้ว” มาแล้ว ซึ่งผมและโยมสาย แก้วสว่าง ก็อยู่ในเกตุการณ์วันนั้นด้วย
หลวงพ่อหิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน”
อีกวิชาหนึ่งที่ “หลวงปู่ทิม” เคยไปเรียนกับ “หลวงพ่อหิน” นั้นคือวิชาทำสีผึ้งเมตตา และหลังจากนั้นหลวงปู่ฯ ก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมในสมุดโบราณที่จารึกโดย “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” สีผึ้งของหลวงปู่ทิม ท่านทำได้ขลังและวิเศษมาก ผมเองทุกวันนี้ก็ใช้ติดตัวอยู่เสมอ เรื่องเมตตาไม่ต้องถามถึง เพราะตนเองใช้แล้วรู้สึกดี จึงใส่ตลับห้อยคอไว้ แต่ก็ได้ถูกเพื่อนๆ ที่รักใคร่พากันขอแบ่งไปนิดแบ่งไปหน่อยจนเวลานี้แทบจะไม่มีเหลืออีกเลยก็สมบัติผลัดกันชม จึงไม่คิดอะไรตัวเองตอนนี้ก็อายุมากขึ้นทุกวัน เรื่องเสน่ห์เห็นทีจำเป็นจะต้อง “หยุด” เสียทีถ้าไม่หยุดอนาคตคงจะไม่เหลืออะไรเป็นแน่ เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ปวดหัวเต็มทนอยู่แล้ว เรียนผูกไม่ได้เรียนแก้ ก็เป็นเช่นนี้แหละ ผมพึ่งคิดได้ว่าคำพูดที่หลวงพ่อนิด วัดทับมา เคยพูดกับผมอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าเอ็งมัวแต่เรียนเรื่องเสน่ห์ สักวันหนึ่งเอ็งจะรู้ว่า “นรก” มันมีจริงผ้ายันต์พัดโบกหลวงพ่อหิน วัดหนองสนม “โบกขาว ยันต์ตรี โบกสี เอโหเอหา เลื่องลือฤาชา มหาเสน่ห์!!!” หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม
ท่านเป็นลูกศิษย์คนสำคัญที่ได้เรียนวิชามาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า สุดยอดพระคณาจารย์ยุคเก่าต้นสายวิชาแห่งภาคตะวันออก หลวงพ่อหิน ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบและหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
โดยหลวงปู่ทิม ท่านได้ไปต่อวิชากับท่านและได้กล่าวยกย่องหลวงปู่หินอยู่เสมอ นอกจากนี้ท่านยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อนิด วัดทับมาและหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ
ผ้ายันต์พัดโบกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดวัตถุมงคลที่หายากที่สุดของท่าน ทำจากผ้ายันต์แดงและผ้ายันต์ขาวลงจารอักขระเย็บติดกัน ขึ้นชื่อที่สุดทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ ค้าขาย สุดยอดหายาก ผ้ายันต์พัดโบก หรือ เรียกกันว่า ผ้ายันต์โบกสาว หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ระยอง ด้านสีแดงใช้โบกเรียกสาว เรื่องเมตตามหาเสน่ห์ร่ำลือกันว่า เด็ดขาดนัก ด้านสีขาวเป็นคงกระพัน เหนียวสุดๆ
ถ้าใช้ด้านยันต์แดง ให้เขียนชื่อผู้หญิงที่เรารักเราชอบต่อตรงคำว่าชื่อ (เป็นภาษาขอม) ประสบการณ์เรื่องผ้ายันต์ของท่านเป็นที่ร่ำลือกันในระยอง
แม้กระทั่งหลวงพ่ออี๋ ผู้สร้างปลัดขิกอันโด่งดัง ก็ยังพายเรือมาหาท่านที่วัด เพื่อถามหลวงปู่หินว่า เหรียญที่ท่าน(หลวงพ่ออี๋) สร้างใช้ได้หรือยัง?
ปัจจุบันเป็นผ้ายันต์ที่หายาก คนระยองหวงแหนกันมาก ผ้ายันต์พัดโบกสาวสร้างขึ้นหลายครั้งมีแบบจารด้วยดินสอก็มี
จารด้วยปากปาหมึกซึมหรือคนรุ่นเก่าเรียกปากกาคอแร้งก็มี ของปลอมระบาดกลาดเกลื่อนต้องดูกันให้ดี นอกจากจำเรื่องลายมือ ความเก่าเป็นธรรมชาติของผ้าและหมึกแล้ว ยังมีจุดดูอีกหลายประการ เช่าหาควรดูดีๆ
ตัวจริงโบกเรียกสาวได้จริง เห็นผลกันมาหลายราย ร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันแทบจะเป็นเครี่องรางมหาเสน่ห์ระดับตำนานของระยองเลยทีเดียว
พระเครื่องของหลวงปู่หิน เด่นเรื่องด้านแคล้วคลาด คงกะพัน เหนียว เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย มีประสบการณ์ให้เห็นบ่อยครั้ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าพระเครื่องของหลวงปู่หิน ด้านเมตตา ค้าขาย เจริญในหน้าที่การงานก็ไม่ได้เป็นรองใคร ทำการงานจะรู้สึกราบรื่นดีไปหมด