ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่หนู ปัญญาโสโต

วัดไผ่สามเกาะ
อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

หลวงปู่หนู ปัญญาโสโต วัดไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคตะวันตก ที่ชาวบ้านขนานนาม “เทพเจ้าแห่งเขาขลุง”

◉ ชาติภูมิ
พระครูปัญญาวิภูษิต (หลวงปู่หนู วัดไผ่สามเกาะ) นามเดิมชื่อ “หนู กันขำ” เกิดเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๒ ที่บ้านไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำนวนพี่น้อง ๘ คน บิดาชื่อ “นายนวล” และมารดาชื่อ “นางตุ่น กันขำ” ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

วัยเด็กจบการศึกษาชั้น ป.๔ ที่โรงเรียนเขาขลุง

◉ อุปสมบท
เมื่ออายุ ๒๒ ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดสระตะโก ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง โดยมี พระครูเมธาธิการ (หลวงพ่อหวาน) เจ้าคณะตำบลหนองปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบุญนาค สักการวโร วัดลำพยอม เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ม่วง วัดไผ่สามเกาะ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปัญญาโสโต”

หลังอุปสมบทย้ายมาอยู่จำพรรษาอยู่วัดไผ่สามเกาะ ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก
ได้รับพัดยศสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกและได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ จนถึงปัจจุบัน

หลวงปู่หนู ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาต่อทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มักน้อย สันโดษ มีปฏิปทาน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง

ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาด้านพุทธาคม วิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระเกจิชื่อดัง อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จนเป็นที่ยอมรับ

อีกทั้ง พระอุปัชฌาย์อบรมสั่งสอน เห็นปฏิปทาแนวทางปฏิบัติธรรม ทำให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส เชื่อมั่นในหลักธรรมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในปี พ.ศ.๒๔๙๐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะ
ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ เป็นพระอุปัชฌาย์

ถึงแม้ว่าท่านจะมีตำแหน่งปกครอง แต่หาได้หยุดนิ่งในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติม ศึกษาหาความรู้นำสืบทอดพุทธศาสนาและพัฒนาการศึกษา

อีกทั้งเป็นพระนักพัฒนา สร้างความเจริญให้กับชาวตำบลเขาขลุง ทั้งในด้านพระศาสนา ก่อสร้างอาคารศาสนสถาน ในด้านการศึกษา มอบที่ดินวัดจำนวน ๒๐ ไร่ สำหรับสร้างโรงเรียนวัดไผ่สามเกาะ (ปัญญาประชาสามัคคี) และยังได้ซื้อที่ดินบริจาคสร้างสถานีตำรวจชุมชนเขาขลุง สถานีอนามัยเขาขลุง และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขลุง

ยังสงเคราะห์ช่วยเหลือชาวบ้านจากความแห้งแล้ง ด้วยการยกที่ดินของวัดจำนวน ๕ ไร่ สำหรับขุดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคร่วมกันของชาวบ้าน

เป็นนักอนุรักษ์ป่าและธรรมชาติ ด้วยการชักชวนชาวบ้านให้ปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ บนเนื้อที่ ๒๕ ไร่ ให้กลายเป็นผืนป่าที่สำคัญของชุมชน

อย่างไรก็ตาม สังขารของหลวงปู่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา เวลาใด ปลอดญาติโยมจะเข้าอุโบสถปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน

หลักธรรมคำสอนเน้นในเรื่องของความเป็นผู้สันโดษ มักน้อย ใช้ชีวิตอย่างพอดี พอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ธรรมที่แสดงจึงเรียบง่าย ทุกคนได้ฟังแล้วมีความเข้าใจ

◉ มรณภาพ
พระครูปัญญาวิภูษิต (หลวงปู่หนู วัดไผ่สามเกาะ) ท่านได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา ๑๒.๐๒ น. วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๐ สิริอายุ ๙๘ ปี พรรษา ๗๖ ก่อนหน้านี้มีอาการอาพาธเจ็บป่วยตามวัย โดยอาการทรงและทรุดมาตลอด จนถึงวาระสุดท้าย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลซานคามิลโล อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ระบบทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว คณะแพทย์ไม่สามารถรักษาประคับประคองได้ สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง เป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่จากไป

◉ ด้านวัตถุมงคล
หลวงปู่หนู วัดไผ่สามเกาะ ท่านเป็นพระเกจิมีพุทธาคมเข็มแข็ง สืบทอดวิชาจากสายนครปฐม อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม

การจัดสร้างวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง ในวาระต่างๆ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ศิษยานุศิษย์ วัตถุมงคลที่ออกมาแต่ละรุ่น ได้รับความนิยมจากบรรดานักสะสมพระในตัวจังหวัดราชบุรีและใกล้เคียง อาทิ เหรียญหลวงปู่หนูรุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๕๑๕ เป็นเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดงรมดำ รุ่นแคล้วคลาดเป็นที่นิยมอย่างมาก, พระสมเด็จไผ่ปรก และรุ่นสุดท้าย เหรียญหนุมานอมพลับพลา-เทพบังภัย

วัตถุมงคล ที่ได้รับความนิยมคือ เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่หนู วัดไผ่สามเกาะ ปี พ.ศ.๒๕๑๕ นำรายได้ สมทบทุนด้านสาธารณประโยชน์ ออกให้บูชาในงานปิดทองผูกพัทธสีมา (ฝังลูกนิมิต) ในปีเดียวกัน

ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ แบบมีหูในตัว ขนาดความกว้าง ๒.๑ เซนติเมตร ส่วนสูง ๓ เซนติเมตร ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิมีอักษรภาษาไทยเขียนว่า “พระครูหนู ปัญญาโสโต” ถัดขึ้นไปเป็นอักขระเลขยันต์ ๓ ตัว อ่านได้ว่า มะ อะ อุ ด้านบนเขียนว่า “วัดไผ่สามเกาะ อ.บ้านโป่ง” ด้านหลังเป็นยันต์นะละลวย รายล้อมด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์ ใต้ยันต์มีอักขระและภาษาไทยเขียนว่า “จ.ราชบุรี ๒๕๑๕” เป็นที่เสาะแสวงหากันมากมาย

^{ขอขอบคุณข้อมูลจาก khaosod.co.th}