ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อลา ปุณณชิ
วัดโพธิ์ศรี
อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
พระครูวินิตสีลคุณ (หลวงพ่อลา ปุณณชิ) พระคณาจารย์ผู้ที่ยึดมั่นในสมถกรรมฐาน และมีพลังจิตที่แก่กล้า แห่งวัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อลา ปุณณชิ นามเดิมชื่อ “ลา พันธุ์โสภาคย์” เกิดที่หมู่บ้านบางกะปิ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๔ ในวัยเด็กท่านเป็นคนเงียบขรึม ชอบทำบุญ และช่วยเหลือผู้อื่น
◉ อุปสมบท
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๔๒๔ ท่านได้อุปสมบท ที่วัดโพธิ์ศรี ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี ในสมัยที่ “พระอาจารย์คิ้ม” เป็นเจ้าอาวาส ได้รับฉายา “ปุณณชิ”
ใฝ่ใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและวิปัสสนาธุระจนแตกฉาน ในพรรษาที่ ๔ ท่านได้เริ่มออกธุดงค์เพื่อบำเพ็ญสมถกรรมฐาน ในขณะเดินธุดงค์ท่านได้พบพระคณาจารย์รูปหนึ่ง ที่แก่กล้าในคาถาอาคมมาก จึงฝากตัวเข้าเป็นศิษย์เล่าเรียนไสยเวทย์ จนแตกฉานและสำเร็จดั่งใจประสงค์ (จากการค้นคว้าในภายหลัง พบว่า พระคณาจารย์ท่านนี้คือ หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี)
จากนั้น ท่านจึงเดินออกธุดงค์ต่อไป ในป่าแถบ จ.สิงห์บุรี ชาววัดโพธิ์ศรีได้ตามเสาะหาท่าน จนพบและขอให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี แทนพระอาจารย์คิ้ม ซึ่งลาสิกขาไป ซึ่งท่านก็ตอบรับด้วยความเต็มใจ
ต่อมา หลวงพ่อลาได้สละตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี เพื่อขออุปสมบทใหม่ในนิกายธรรมยุติ เพราะเลื่อมใสในแนวทางปฏิบัติของธรรมยุติ ท่านได้อุปสมบทที่วัดราชบพิธ กรุงเทพฯ โดยมี สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้มาเป็นพระลูกวัดอยู่ที่ วัดโบสถ์ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติแห่งแรกของจ.สิงห์บุรี
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๒ ชาวบ้านวัดโพธิ์ศรีได้มาขอ หลวงพ่อลา กับ พระครูสิงหบุราจารย์ (อินทร์) เพื่อตั้งคณะธรรมยุตขึ้นที่วัดโพธิ์ศรี วัดโพธิ์ศรีจึงเปลี่ยนจากวัดมหานิกายเป็น วัดธรรมยุติกนิกายนับแต่นั้นมา ประจวบกับ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีว่างลง หลวงพ่อลาจึงได้รับนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี เป็นครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ ดูแลปกครองและพัฒนาวัดโพธิ์ศรีจนเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักขจรไกล เป็นที่เคารพรักของพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนทั่ว ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายเป็น “พระครูวินิตศีลคุณ”
◉ มรณภาพ
และเมื่อพ.ศ.๒๔๗๔ หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูวินิตศีลคุณ ได้อยู่ในตำแหน่งจนกระทั่งมรณภาพ เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๔๘๖ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ ๘๒ ปี
◉ ด้านวัตถุมงคล
หลวงพ่อลา เป็นผู้ที่ยึดมั่นในสมถกรรมฐานและมีพลังจิตที่แก่กล้า ได้รับความไว้วางใจจากชาวสิงห์บุรีให้เป็นพระคณาจารย์ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษก “เหรียญกริ่งรูปเหมือน แหวนมงคลเกล้า” ในพิธีสมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ณ วัดราชบพิธฯ เมื่อปี พ.ศ.2481 ซึ่งเป็นพิธี ที่ยิ่งใหญ่มากในยุคนั้น มีพระเกจิคณาจารย์ ชื่อดังจากทั่วประเทศร่วมปลุกเสกถึง 108 รูป
หลวงพ่อลา เป็นผู้ที่ยึดมั่นในสมถกรรมฐาน และมีพลังจิตที่แก่กล้า ท่านได้รับความไว้วางใจจากชาวสิงห์บุรีให้เป็นพระคณาจารย์เข้าร่วมปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษก เหรียญกริ่งรูปเหมือน แหวนมงคลเกล้า ในพิธีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ณ วัดราชบพิธ เมื่อพ.ศ.๒๔๘๑ ซึ่งเป็นพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของเมือง โดยมีพระคณาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศจำนวน ๑๐๘ รูป ร่วมนั่งปรกปลุกเสก
หลวงพ่อลา ได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายชนิด เช่นเหรียญ ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ รูปถ่ายขนาดบูชา เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมี “เหรียญปั๊มรูปเหมือน ปี พ.ศ.๒๔๖๘” ซึ่งเป็นเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกและรุ่นเดียว ที่นับเป็นหนึ่งในเหรียญยอดนิยมของจังหวัด สำหรับเหรียญนั้น ท่านได้สร้างเป็น รุ่นแรกและรุ่นเดียว เมื่อพ.ศ.๒๔๖๘ มีเนื้อทองแดงกะไหล่ทองเพียงอย่างเดียว ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อนาคปรก (พระนาคปรก) เก่าแก่สมัยสมัยลพบุรี สถิตอยู่ในวิหารของวัดโพธิ์ศรี ที่ชาวสิงห์บุรีให้ความเคารพนับถือว่า ศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่ง
ด้านหลัง เป็นรูปหลวงพ่อลานั่งเต็มองค์ ใต้รูปท่านมีคำว่า พระอธิการลา วัดโพศรี พ.ศ.๒๔๖๘ (คำว่า “โพศรี” ที่ถูกคือ โพธิ์ศรี) เป็นเหรียญที่สร้างแจกแก่ผู้ร่วมทำบุญสร้างโรงเรียนประชาบาล “ลาวิทยาคาร” ลักษณะเป็นเหรียญแบบนูนต่ำ แต่ลึกและคม มีจำนวนเพียง ๑,๐๐๐ เหรียญเท่านั้น
ลักษณะเป็นเหรียญรูปทรงเสมา หูในตัว เนื้อทองแดงกะไหล่ทองเพียงเนื้อเดียว พิมพ์ด้านหน้า ยกขอบ ๒ ชั้น ตรงกลางเป็นรูปจำลองพระปางนาคปรก ศิลปะสมัยลพบุรี พุทธปฏิมากรศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานในวิหารวัดโพธิ์ศรี เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูงของชาวสิงห์บุรี พิมพ์ด้านหลัง ยกขอบเส้นลวดด้านใน ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อลานั่งสมาธิเต็มองค์ ล้อมรอบด้วยอักขระขอมพระคาถา๙ ตัว ว่า “กะ สะ ทะ กะ พะ สะ สะ ทะ กะ” ด้านล่างจารึกอักษรไทยว่า “พระอธิการลา วัดโพธิ์ศรี พ.ศ.๒๔๖๘”
ขอขอบคุณข้อมูลจาก khaosod.co.th