วันเสาร์, 26 ตุลาคม 2567

หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม

วัดหนองกระดี่
อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่นอก ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เป็นนามพระเกจิที่รู้จักกันดีในหมู่ศรัทธาสาธุชนชาวเมืองอุทัยธานีได้รับการขนานนามว่า “หลวงพ่อเคลือบ วาจาสิทธิ์ พูดอย่างไร เป็นอย่างนั้น” ทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง

◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม เป็นคนเชื้อชาติจีน สัญชาติไทย เกิดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๓๒ ที่บ้านคลองชะโด ตําบลทุ่งใหญ่ อําเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี นามมารดา บิดายังไม่พบหลักฐาน มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา ๘ คน (ปัจจุบันถึงแก่กรรมหมดแล้ว)
๑) นายตุ๊ ภาคโพธิ์
๒) นายทัด ภาคโพธิ์
๓) นางเกลี้ยง บํารุงรัตน์
๔) นายเคลือบ ภาคโพธิ์ (หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม)
๕) นายสังวาลย์ ภาคโพธิ์
๖) นายสาย ภาคโพธิ์
๗) นางตุ้ย
๘) นางแดง

สมัยเด็กนั้น หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม ท่านอยู่กับมารดาบิดา เป็นคนขยันทํางาน ช่วยมารดาบิดาทํางานมาตั้งแต่เล็กๆ และยังเป็นคนมีเมตตามาตั้งแต่เด็ก เพราะท่านชอบเลี้ยงแมวและสุนัข มีคนเล่าว่า แมวและสุนัขของท่านเป็น มิตรกันไม่ทําร้ายกัน บางครั้งเวลาท่านนอนแมวก็เข้าไปนอนด้วย ท่านก็ปล่อย ให้นอนด้วย โดยไม่ยอมไล่ออกไปจนเป็นเหตุให้ท่านเป็นโรคหืดหอบในภายหลัง

◉ บรรพชาอุปสมบท
ธรรมเนียมประเพณีของชาวพุทธ ถ้าผู้ใดเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย เมื่ออายุ ครบบวชแล้ว ต้องบวชทดแทนคุณมารดาบิดา จึงจะได้ชื่อว่ากระทําการ ตอบแทนบุญคุณอันสูงสุด ถ้าผู้ใดไม่ได้บวชแล้ว สมัยก่อนท่านถือว่าเป็นคนดิบ ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย นายเคลือบ ก็เช่นเดียวกันเมื่ออายุครบบวชแล้ว ก็ได้เข้ารับการบรรพชาอุปสมบท เมื่อปี พุทธศักราช ๒๔๕๓ ที่พัทธสีมาวัดหนองเต่า ตําบลโนนเหล็ก อําเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี โดยมี พระครูอุทัยธรรมวินิฐ (หลวงพ่อสิน) เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่ทราบนาม พระกรรมวาจาจารย์ และ พระอนุสาวนาจารย์ แล้วท่านก็ได้ นามว่า พระเคลือบ ฉายา “สาวรธมโม” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สมัยนั้น หลวงพ่อสิน ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก เล่นแร่แปรธาตุ โดยเฉพาะพระปรอดต้อง มีวิชาแก่กล้าจริงๆ จึงจะเรียกปรอดมาแล้วดับพิษปรอดได้ ปัจจุบันนี้พระปรอด ของหลวงพ่อสินยังพอหาได้บ้าง

หลวงพ่อเคลือบ ท่านได้อยู่จําพรรษาเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อสิน ที่วัดหนองเต่าเป็นเวลา ๓ พรรษาได้วิชาวาจาสิทธิ์และวิชาคงกระพันชาตรีจาก หลวงพ่อสิน เมื่อกล่าวถึงหลวงพ่อสินแล้ว ก็จะได้นําเรื่องอภินิหารของ หลวงพ่อมากล่าวสักสองเรื่อง ครั้งหนึ่งที่วัดหนองเต่ามีต้นโพธิ์ใหญ่

อยู่ที่หลังโบสถ์มีกิ่งยื่นมาที่หลังคาโบสถ์ด้านหลัง วัดหนึ่งพระรูปหนึ่งไปเรียน หลวงพ่อในขณะที่หลวงพ่อกําลังฉันเพลว่า กิ่งโพธิ์จะหักทับโบสถ์ให้พระ ช่วยกันไปรั้งให้หักไปทางด้านอื่น ซึ่งถ้าหักลงมาก็จะทําให้หลังคาโบสถ์เสียหาย หลวงพ่อท่านก็พูดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็หักไปทางอื่น ยังไม่ทันฉันเสร็จเลย กิ่งโพธิ์ก็หักลงไปทางด้านข้างโดยหลังคาโบสถ์มิได้เสียหายเลย นับว่าอัศจรรย์จริงๆ

อีกเรื่องหนึ่ง คนบ้านตานาดคล้องพระปรอดหลวงพ่อสิน ดื่มสุราเมา เกิดมีเรื่องกันถูกรุมตีด้วยขวดเหล้าจนล้มลงแต่ศีรษะไม่แตก คู่อริได้ยืนคร่อม พร้อมชักปืนออกมายิงจนครบทุกลูกกระสุนก็ไม่ดังสักนัดเดียว ภายหลังนํา มายิงใหม่ออกทุกนัด นี่เป็นอิทธิปาฏิหาริย์บางเรื่องของหลวงพ่อสิน

กล่าวถึงหลวงพ่อเคลือบต่อ สมัยนั้นพระภิกษุสามเณรวัดหนองเต่า มีเป็นจํานวนมากไม่เหมาะแก่การบําเพ็ญเพียรทางจิต และหลวงพ่อสิน ท่านพูดอยู่เสมอว่า ถ้าจะให้วิชาขลังนั้น ต้องไปหาที่สงบฝึกจิต หลวงพ่อเคลือบ สนทนาธรรมกับหลวงพ่อสินแล้วก็ขอลาไปฝึกจิตเรียนวิชาเพิ่มเติม หลวงพ่อสินบอกว่ามีพระเก่งวิชาเพ่งกษิณอยู่แถบลพบุรี ท่านก็ลาไปโดยมี พระร่วมเดินทางไปด้วย ๓ รูป ท่านก็ไปพบกับอาจารย์ ซึ่งจากการสอบถาม คนเก่าหลายคนบอกว่า เป็นหลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา ซึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคม แก่กล้ามาก ในสมัยนั้น โดยเฉพาะกษิณไฟ ท่านเพ่งเทียนจนไฟลุกได้ เมื่อหลวงพ่อเดินทางไปถึงแล้วก็เข้าไปกราบพร้อมฝากตัวเพื่อเรียนคาถา

พระอาจารย์พูดว่า ถ้าไม่สึกก็จะสอนวิชาให้ ถ้าสึกก็จะไม่สอนหลวงพ่อเคลือบ ก็ปฏิญาณ แน่วแน่ว่าชาตินี้จะไม่ขอสึก ส่วนพระที่ไปด้วยไม่รับปากจึงไม่ได้ เรียนวิชาด้วยท่านเรียนกรรมฐานทําสมาธิ จนจิตเป็นหนึ่งเดียวและเรียนวิชา กษิณไฟและเรียนอักษรขอมที่ใช้เขียนยันต์ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อกบอีกเป็น เวลาถึง ๖ ปีเต็มท่านก็ลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายปีไม่ทราบว่า ไปที่ไหนบ้างแล้วท่านก็กลับมาที่อุทัยอีก มีคนเก่าเล่าว่าท่านได้ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อแสงวัดป่าช้าและอาจารย์อื่นๆ อีกที่ท่านโด่งดังในสมัยนั้นเพิ่มเติมอีก

◉ ประวัติวัดหนองกระดี่ เมื่อครั้งอดีต
เดิมที่บ้านหนองกระดี่ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นมา โดยการนําของคุณหลวง ศุภมาตร (เคลื่อน ศรลัมพ์) ขณะที่ท่านมาดํารงตําแหน่งเป็นนายอําเภอของ หมู่บ้านหนองกระดี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๑ ท่านก็ได้ริเริ่มสร้างวัดหนองกระดี ขึ้นมาคู่กับหมู่บ้าน มีเจ้าอาวาสองค์แรกชื่อว่าหลวงพ่อกล่ํา และได้ขอ วิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ตอนนั้นหมู่บ้านหนองกระดีมีประชาชนอาศัย อยู่เป็นจํานวนมาก อยู่ต่อมาไม่นานหลวงพ่อกลําได้มรณภาพลงชาวบ้าน หนองกระดีจึงได้นิมนต์หลวงพ่อเคลือบมาเป็นเจ้าอาวาสแทน หลวงพ่อเคลือบ เมื่อได้มาอยู่ที่วัดนี้ก็ได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดหนองกระดีให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเป็น ลําดับ เช่น ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาหนึ่งหลัง และยังได้สร้างพระอุโบสถ อีกหนึ่งหลัง โดยได้ขอบรมราชานุญาตผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๗๐ พระอุโบสถหลังนี้สร้างด้วยอิฐมอญก้อนใหญ่ดังที่ท่านทั้งหลายได้เห็นอยู่ ในปัจจุบันนี้

ต่อมาไม่นานท่านนายอําเภอได้สิ้นบุญลง ก็เหมือนสิ้นร่มโพธิ์ ร่มไทรของชาวหมู่บ้านหนองกระดี ทางราชการก็ได้ย้ายอําเภอหนองกระดีไป เป็นอําเภอทัพทันในขณะนี้แต่ เนื่องจากหมู่บ้านหนองกระดี้ในขณะนั้นแห้งแล้งมาก ประชาชนจึงได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นจนหมดหมู่บ้าน หมู่บ้านหนองกระดี่ จึงกลายเป็นหมู่บ้านร้างไป จะมีผู้คนอยู่บ้างก็ไม่มากนักและอยู่ไกลวัด

อยู่ต่อมาไม่นานหลวงพ่อเคลือบก็ได้มรณภาพลงในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งท่านมีอายุรวมได้ ๖๖ ปีตั้งแต่บวชท่านได้ ๔๕ พรรษา จนมรณภาพในร่มผ้าเหลืองนั้นเอง เมื่อหลวงพ่อเคลือบท่านมรณภาพแล้ว ในตอนหลังต่อมาวัดหนองกระดีก็ได้ ทรดโทรมลงเพราะขาดผู้นํา ดังที่ท่านทั้งหลายได้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เช่น ศาลาหลังเก่า และพระอุโบสถ

◉ สาเหตุที่หลวงพ่อมีความผูกพันกับวัดหนองกระดี่
วัดหนองกระดี่ ตั้งขึ้นที่หมู่บ้านหนองกระดี หมู่ ๓ ตําบลหนองยายดา อําเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี โดยการนําของคุณหลวงศุภมาตร (เคลื่อน ศรลัมท์) ในขณะที่ท่านมาดํารงตําแหน่งเป็นนายอําเภอ ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๓๑ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีวัดประกอบกิจทางศาสนาในสมัยนั้น

นายสาย ภาคโพธิ์ ซึ่งเป็นน้องชายที่หลวงพ่อรักมากได้มาแต่งงาน กับหญิงชาวบ้านอ้อย ต.หนองยายดาแล้วก็สร้างครอบครัวอยู่ที่นี่หลวงพ่อจึง ไปมาหาสู่และอยู่ที่นี่เป็นประจํา

◉ เหตุที่วัดหนองกระดี่มี ๒ วัด
มีผู้คนหลายคนถามว่าวัดไหนกันแน่ที่หลวงพ่อเคลือบเคยอยู่วัดใน หรือว่าวัดนอก เดิมทีนั้นมีวัดเดียวมีพื้นที่ถึงกันหมด ต่อมาภายหลังทาง กรรมการวัด (ทายก) เกิดแตกแยกกันเลยต่างคนต่างสร้างขึ้นมาเป็นวัดถูกต้อง ตามกฎหมายทั้งสองวัด เมื่อสิบกว่าปีมานี่เอง

◉ วัตถุมงคลที่หลวงพ่อเคลือบสร้าง
เหตุที่หลวงพ่อเคลือบมีชื่อเสียงโด่งดังน้อยกว่าเกจิอาจารย์รูปอื่น เช่น หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเดิม เป็นต้น ทั้งที่วิชาอาคมของท่านนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้า เช่นเดียวกันทั้งนี้เพราะหลวงพ่อท่านมีอายุพรรษาน้อยมรณภาพเร็ว เมื่อเทียบกับอาจารย์ท่านอื่นๆ คือมีอายุ ๖๕ พรรษา แค่นั้นเอง และ อีกอย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อทําวัตถุมงคลไว้น้อยมากเท่าที่ทราบท่านทําไว้แค่ ๒ อย่าง คือ

๑. กระตรุด มีทั้งเนื้อทองฝาบาตรและเนื้อตะกั่วเถื่อน เนื้อทอง ฝาบาตรนั้นหลวงพ่อใช้ฝาบาตรทองเหลืองเก่าๆ มาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้ว จารึกอักขระลงไปแล้วก็ม้วนแข็งมากเนื้อตะกั่วนั้นหลวงพ่อใช้ตะกั่วดิบนํามา หลอมรวมกันแล้วนํามาตีเป็นแผ่นแล้วก็จารอักขระลงไปแล้วก็ม้วน นําลงไป หลอมอีกแล้วก็ทําเช่นเดิมอีกหลายครั้ง ตามตําราของท่านจนเสร็จพิธี

๒. ผ้ายันต์มีทั้งสีแดงและสีขาว เป็นผ้ายันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าลง อักขระขอมหลวงพ่อท่านเขียนเองทั้งหมดมีน้อยมาก วัตถุมงคล หลวงพ่อเคลือบนอกจากนี้ ทําขึ้นที่หลังแต่ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ วัตถุมงคลหลวงพ่อเคลือบปี ๒๕๑๕ สร้างที่วัดทัพทันวัฒนาราม พุทธาภิเษก ตลอดวันตลอดคืน ตอนกลางคืนฝนตกอย่างหนักตลอดคืน ขวดสุราแม่ค้า ลอยเกลื่อนเต็มลานวัดนับเป็นอัศจรรย์ยิ่ง วัตถุมงคลปี ๒๕๑๕ ปัจจุบันนี้ ยังพอหาได้บ้าง รุ่นอื่นๆ ก็ยังพอมีบ้างที่วัดทัพทัน วัดหนองกระดี่ และ วัดหนองหญ้านาง หลวงพ่อพระครูอุปการพัฒนกิจ (หลวงพ่อสมัย) จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก แต่เหลืออยู่น้อยเต็มที่ โดยเฉพาะที่ วัดหนองหญ้านางนี้

◉ วัดที่หลวงพ่อเคลือบเคยจําพรรษา
หลวงพ่อท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสถ์ ถึง ๔๕ พรรษา จําพรรษาที่วัดต่างๆ ในจังหวัดอุทัยธานี และต่างจังหวัดหลายวัดด้วยกัน แต่เท่าที่คนเก่าแก่ เล่าให้ฟังและตามหลักฐานที่ปรากฏพอทราบได้ดังนี้
๑. วัดหนองเต่า
๒. วัดเขาสาริกา (ยังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัด)
๓. วัดเนินเหล็ก (ยังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัด)
๔. วัดทัพทันวัฒนาราม
๕. วัดตานาด
๖. วัดหนองไผ่แบน
๗. วัดบุญลือ (ยังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัด)
๘. วัดหนองแก
๙. วัดวังปรากฏ (ยังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัด)
๑๐. วัดหนองกระดี
๑๑. วัดดงแขวน สําหรับวัดที่ยังไม่ได้หลักฐานที่แน่ชัดขึ้น หลวงพ่อท่านเคยไปอยู่แต่ไม่ทราบว่า จําพรรษาหรือเปล่า วัดที่ท่านเคยไปอยู่นั้นต้องมีเหตุการณ์เกี่ยวกับอภินิหาร ของหลวงพ่อทั้งนั้น

หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

◉ มรณภาพ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงพ่อเคลือบ ท่านร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ในระยะหลัง ท่านจําพรรษาอยู่ที่วัดดงแขวน แต่ก็ไปๆ มาๆ ที่วัดหนองกระดี่ เป็นประจําวันหนึ่งหลวงพ่อเดินทางจากบ้านดงแขวนจะกลับมาที่บ้านอ้อย ซึ่งน้องชายท่านอยู่ที่นั่น ในระหว่างทางท่านได้เกิดเป็นลมขึ้นเพราะท่าน ฉันอาหารน้อยประกอบกับมาในเวลาร้อนมาก จึงมีผู้นําเข้าไปพักในบ้านของ นายฟัง นางเล็ก (ไม่ทราบนามสกุล) ที่บ้านดงแขวนนั้น และได้ถึงแก่มรณภาพ ที่นั้นเอง ชาวบ้านจึงได้นําศพหลวงพ่อไปตั้งบําเพ็ญบุญกุศลสวดอภิธรรมและ ทําการฌาปนกิจที่วัดดงแขวน โดยมีหลวงพ่อเทียนเป็นเจ้าอาวาสสมัยนั้น

รูปหล่อ หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
รูปหล่อ หลวงพ่อเคลือบ สาวรธัมโม วัดหนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

นับแต่วันนั้นกระทั่งปัจจุบัน เป็นเวลาหลายปี คนที่รู้เรื่องนี้ดีต้องมีอายุสัก ๘๐ ปีขึ้นไป ถึงจะทราบแน่ชัดถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ซึ่งจะนําเอาเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์มาโดยตรง มากล่าวต่อไป อภินิหารตอนหลวงพ่อเคลือบมรณภาพแล้ว
ถึงแม้ หลวงพ่อเคลือบ ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์ยังมีมาก เมื่อใคร ต้องการสิ่งใดก็จะจุดธูปบนหลวงพ่อก็จะได้สมประสงค์ เมื่อมีงานที่ไม่ต้องการ ให้ฝนตก ก็จุดธูปบนหลวงพ่อฝนก็จะหายไปทันที่ถึงแม้ว่าฝนทําท่าจะตกแต่ ก็ไม่ตก ของหายหาเท่าไหร่ไม่พบบนหลวงพ่อก็สามารถหาพบทันที