ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อเทียม สิริปัญโญ
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
พระวิสุทธาจารเถร (หลวงพ่อเทียม สิริปัญโญ) หนึ่งในเกจิดังแห่งกรุงเก่า วิชาเด่น ตะกรุดมหาระงับ คงกระพัน คลาดแคล้ว แห่งวัดกษัตราธิราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา เป็นเกจิอาจารย์ ที่แม้แต่ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม ชัยนาท ยังให้ความเคารพนับถือ ตะกรุด หลวงพ่อเทียม หรือเหรียญ วัตถุมงคล มีชื่อเสียงในด้านอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด ปลอดภัย จนเป็นที่ประจักษ์แก่คณะศิษย์ ที่ให้ความเลื่อมใสศรัทธาโดยเฉพาะ ตะกรุดมหาระงับ วัดกษัตราธิราช เป็นที่โด่งดังมาก
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อเทียม สิริปัญโญ วัดกษัตราธิราชวรวิหาร มีนามเดิมว่า “เทียม” นามสกุล “หาเรือนศรี” เกิดเมื่อวันเสาร์
ขึ้น ๓ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๗ ในรัชกาลที่ ๕ ณ ตำบลบ้านป้อม หมู่ที่
๗ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ “นายสุ่น” มารดาชื่อ “นางเลียบ”
ประกอบอาชีพเป็นชาวนา
◉ การศึกษาเบื้องต้น
เมื่ออายุประมาณ ๑๐ ปี บิดามารดาได้นำท่านมาฝากไว้ ณ วัดกษัตราธิราช เรียนหนังสือ ก ข กับพระภิกษุมอน ผู้เป็นน้าชาย เมื่อพระภิกษุมอน ลาสิกขา ท่านก็คงอยู่ เรียนหนังสือต่อไป โดยเป็นศิษย์ของ อาจารย์ปิ่น ให้ช่วยสอนหนังสือให้ ในขณะเดียวกันก็ได้ ศึกษาความรู้ทางด้านวิชาช่างเขียน ช่างแกะสลักไปด้วย จากนั้นก็เป็นศิษย์ของอาจารย์จันทร์ เรียนภาษาขอมจนถึงอายุ ๑๕-๑๖ ปี จึงได้ออกจากวัด เพื่อช่วยทางครอบครัว ซึ่งประกอบอาชีพทำนา
◉ ผู้ใฝ่ในการศึกษา
ขณะที่ช่วยบิดา มารดา ประกอบอาชีพ ได้เริ่มเรียนวิชาไสยศาสตร์แบบ ลบผง ลงยันต์กับอาจารย์ทรัพย์ ผู้เป็นลุงและนายสุ่นผู้เป็นบิดา พร้อมกับเรียนวิชาธาตุกสิณ กับนายเงิน ผู้เป็นอา เมื่อเรียนธาตุกสิณเป็นแนวทางแล้ว ได้เรียนวิชาการแขนงอื่นๆ อีกหลายสาขาเช่น การประดับตกแต่ง เรียนช่างก่อสร้าง ช่างปูน ช่างไม้ วิชากระบี่กระบอง และกลองแขกคู่ เป่าปี่ชวา เมื่อเรียนสำเร็จแล้วได้ออกไปแสดงตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในงานสำคัญต่างๆในจังหวัด เช่น งานพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ วัดสุวรรณดาราราม วัดเสนาสนาราม วัดศาลาปูน วัดตูม ฯลฯ และได้เรียนวิชากระบี่กระบองเพิ่มเติม จากนายเขียว บ้านห่อหมก อำเภอบางไทร ในระยะเวลาที่ว่างงานก็ได้ใช้วิชาที่เล่าเรียนมา นำไปประกอบอาชีพเช่น รับจ้างเป็นช่างงานไม้ พอว่างจากงานไม้ก็ฝึกหัดแกะสลักหนังใหญ่ เมื่อหัดแกะได้ตามสมควรก็เริ่มออกแสดงเป็นครั้งคราว
◉ อุปสมบท
ต่อมาเมื่ออายุ ๒๐ ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกษัตราธิราช เมื่อวันศุกร์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๗ โ ดยมี พระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) เจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช เป็นพระอุปัชฌายะ พระสมุห์หล่ำ วัดกษัตราธิราช เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทองดี วัดพระงาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สิริปัญโญ”
เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ สำนักเรียนวัดเสนาสนาราม ๒ พรรษา และได้ศึกษากรรมฐานกับหลวงพ่อสี วัดสนามชัย และ อาจารย์จาบ วัดโบสถ์ อำเภอมหาราช ศึกษากับอาจารย์เหม็ง วัดประดู่ทรงธรรม ครั้นพรรษาที่ ๓ ไปศึกษา วิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงพ่อม่วง วัดโบสถ์ แล้วกลับมาอยู่ ณ วัดประดู่ทรงธรรม อีกครั้ง เพื่อศึกษาวิชา สมถะฝ่ายกสิณ ๑๐ อนุสสติ ๑๐ ยุคล ๖ จงกรม พร้อมด้วนเริ่มเรียนวิทยาคมต่างๆ เช่น เป่า พ่น ปลุกเศก ลงเลขยันต์ ตามตำหรับวัดประดู่ทรงธรรม จนถึงพรรษาที่ ๙ จึงกลับมาอยู่ วัดกษัตราธิราช เนื่องจากพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ของท่าน ได้อาพาธหนัก จึงได้มารับใช้สนองพระคุณของพระอุปัชฌาย์
การกลับมาครั้งนี้ของท่าน ท่านได้นำตำราพิชัยสงคราม กับตำรามหาระงับพิสดาร รวมถึง ตำราเลขยันต์อื่นๆ ติดตัวมาด้วย จนกระทั่งจากพระครูวินยานุวัติคุณ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๗
หลังจากจัดการศพของท่านจากพระครูวินยานุวัติคุณ เสร็จแล้วจึงเดินทางไปศึกษากรรมฐาน ณ วัดวรนาถบรรพต (วัดเขากบ) จ.นครสวรรค์ เมื่อศึกษาสำเร็จได้ตามที่ท่านตั้งใจแล้ว
ท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดกษัตราธิราช ตามเดิม ท่านเป็นลูกศิษย์ของ “ก๋งจาบ“ ฆราวาสจอมขมังเวทย์ยุคเก่าสายวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่ง “ก๋งจาบ ท่านนี้ยังเป็นครูบาอาจารย์ ของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราฯ หลวงพ่อแทน และหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง พระเกจิอาจารย์ทั้งสามรูปนี้ มักได้รับนิมนต์ เชิญให้ไปร่วมพิธีมหาพุทธาภิเศก อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจำ โดย หลวงพ่อแทน หลวงพ่อเทียม และ หลวงพ่อกี๋ คือ สามพระเกจิอาจารย์สายวัดประดู่ทรงธรรม ผู้จารแผ่นชนวนยันต์ หลอมไม่ละลายในเบ้าหลอม ชนวนยันต์ ในพิธีวัดประสาทฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นที่ฮือฮา และ โด่งดังมากในสมัยนั้น
นั่นแสดงถึง ความเข้มขลัง มหายันต์ อันศักดิ์สิทธิ์ และ ความเข้มขลังแห่งพลังจิต ของพระเกจิอาจารย์ทั้ง สาม รูปนี้ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท ท่านยังให้ความเคารพนับถือ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
◉ รับตำแหน่งเจ้าอาวาส
หลังจากที่ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง โดย พระมหาสิน นันโท ลาสิกขาบท เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๓ พระครูไพจิตรวิหารการ (บัว สีลโสภโน) จากวัดประดู่ทรงธรรม ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าวาสสืบต่อ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๔ จนถึง พ.ศ.๒๕๙๖ พระครูไพจิตรวิหารการ ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ทางคณะสงฆ์จึงเห็นสมควรแต่งตั้งให้ หลวงพ่อเทียม ซึ่งในคณะนั้นท่านดำรงสมณศักดิ์ พระใบฎีกา รักษาการแทน จนกระทั่งได้รับแต่งตั้ง เป็นเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช ในปี พ.ศ.๒๔๙๖
◉ สมณศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่
ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ เป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมของพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก) ในตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ บางบาล
ในปี พ.ศ.๒๔๙๖ เป็นเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช
ในปี วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๘ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูพิพิธวิหารการ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี
ในปี วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๙ เป็นเจ้าคณะตำบลภูเขาทอง
ในปี วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๒ เป็นพระอุปัชฌายะ
ในปี วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๔ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท
ในปี วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ในปี วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๒ ได้รับ พระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ที่พระวิสุทธาจารเถร ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
◉ อุปนิสัย
ท่านเป็นพระเถระที่ฝักใฝ่อยู่ในวิปัสสนาธุระ และมั่นคงอยู่ในเพศพรหมจรรย์ ตลอดชีวิตสมณะท่าน ท่านตั้งอยู่ในพรหมวิหาธรรม ให้ความคุ้นเคย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบุคคลทุกชั้นวรรณะ มิได้แสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นเหตุให้อาคันตุกะได้รับความหนักใจเพราะความที่ท่านเปี่ยมไป ด้วยความเมตตากรุณา นั้นเอง ท่านจึงต้องใช้สังขารอย่าลำบากตรากตรำเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่บุคคล ผู้หันหน้ามาพึ่ง โดยท่านมิได้คำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลา ส่วนตัว กิจธุระนอกวัดก็มากขึ้นเป็นลำดับ
เมื่อกลับมาถึงวัดก็ควรได้รับการพักผ่อน พอถึงกุฏิ ก็ต้องมีบุคคลมารอพบหมายจะให้ท่านช่วยแก้ปัญหาทุกข์ร้อน อยู่เป็นประจำ ด้วยความเมตตา และกรุณาของท่านนี้เอง จึงมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสในท่านเป็นจำนวนมาก ท่านบำเพ็ญตน อยู่อย่างนี้ตลอดมา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ความอบอุ่น ร่มเย็นแก่ชาวบ้านและชาววัดตลอดมา ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล เมื่อมาถึงหลวงพ่อแล้วย่อมได้รับ ความอนุเคราะห์ โดยทั่งหน้ากัน เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก
◉ พระนักพัฒนา
นอกจากจะมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้กับบุคคลทุกชั้นวรรณะแล้ว ท่านต้องรับภาระอันหนักยิ่ง กล่าวคือ การบูรณะปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถ ุและถาวรวัตถุภายในวัด ควบคู่กันไป ปรากฏว่า ท่านเอาใจใส่งานก่อสร้างมากถึงกับ ลงมือ ทำด้วยตนเอง จนกระทั่ง ทำด้วยตนเองไม่ได้ ท่านจะคอยควบคุมดูแลสั่งการ เพื่อให้งานนั้นๆ เป็นไปด้วย ความเรียบร้อย และได้ผลดี ด้วยความที่ท่านต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ต่องานก่อสร้างนี้เอง จึงเป็นเหตุให้ ท่านเกิดอาพาธ เป็นโรคอัมพาตขึ้นเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.๒๕๑๗ จนท่านไม่สามารถจะ ไปไหนต่อไหนได้เหมือนแต่ก่อน แต่หลวงพ่อ ท่านห่วงงานยิ่งกว่าสุขภาพ และสังขาร ตนเสียอีก ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เมื่อท่านป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ หลวงพ่อท่าน ก็นั่งรถเข็น ให้พระภิกษุหรือสามเณรช่วยเข็นให้ท่านนั่งในตอนเช้า และตอนเย็น เพื่อตรวจตรา ดูความเรียบร้อยภายใน วัดเป็นพระจำวัน โดยมิได้ย่อท้อสามารถควบคุม และตรวจตรา งานก่อสร้างได้จนงานนั้นๆ สำเร็จเรียบร้อยหลายอย่าง ดังปรากฏแก่สายตาของพวกเรา ทั้งหลายขณะนี้แล้ว
◉ ทูลเกล้าฯ ถวายตะกรุด
ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราช กุศลถวายผ้ากฐินส่วนพระองค์ ณ วัดศีลขันธาราม ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านจึงมอบให้พระสำรวย ฐิตปุญโญ รองเจ้าอาวาส วัดกษัตราธิราช นำรูปจำลองของท่านพร้อมด้วยตะกรุดมหาระงับแบบพิสดาร ลงตามตำรับเดิมของ วัดประดู่ทรงธรรม เป็นโลหะตะกั่วถักด้วยด้าย และลงรักปิดทอง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ ซ.ม. ยาว ๑๒ นิ้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายด้วยตนเองไม่ได้ เนื่องจากอาพาธด้วยโรคอัมพาต ดังกล่าวแล้ว จากนั้นไม่นาน ทางวัด กษัตราธิราชก็ได้รับแจ้งจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงทราบว่าเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชอาพาธ มีพระราชประสงค์ จะนิมนต์ท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นท่านจึง ได้เดินทางเข้าไปรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยเป็นคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นเวลา ๑เดือนพอดี
อาการดีขึ้นโดยลำดับ คณะแพทย์จึงอนุญาตให้กลับมาพักผ่อน ที่วัดตามอัธยาศัย ในการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระเมตตาต่อท่านครั้งนี้นับว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นหาที่สุดมิได้
◉ ด้านวัตถุมงคล
หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช วัตถุมงคลที่ท่านได้จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกเป็นส่วนใหญ่ ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ตะกรุดมหาระงับแบบพิสดาร ตำรับวัดประดู่ทรงธรรม ฯลฯ และเหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช จัดสร้างในปี พ.ศ.๒๕๐๖ ลักษณะเป็นเหรียญเสมาปั๊มข้างตัดแบบยุคเก่าด้านหน้าเหรียญ รูปเหมือนหลวงพ่อเทียมหันหน้าตรงครึ่งองค์ ขอบกระหนก ด้านบนมีหูเหรียญ อักษรภายในระบุว่า “หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช” ด้านหลังเหรียญ เป็นยันต์ใบพัดโบราณ ล้อมด้วยอักขระ ด้านล่างยันต์จารึกชื่อ “วัดกษัตราธิราช” เหรียญรุ่นดังกล่าวเป็นเหรียญที่มีพิธีการจัดสร้างดี รูปทรงสวย
รูปหล่อโบราณ เนื้อทอง ผสมชนวนยันต์ รุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๕๐๘ จำนวน ๑,๐๐๐ องค์ ใต้ฐานหลวงพ่อเทียม ได้จาร ชื่อท่าน คำว่า “เทียม” สร้างถวายโดยพระสมุห์ อำพล วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพ ซึ่งพระสมุห์อำพล ท่านได้เคารพนับถือหลวงพ่อเทียมมาก ในบุญญาอภินิหาร ที่ แผ่นยันต์ของหลวงพ่อเทียม ไม่หลอมละลาย ในพิธีที่ วัดประสาท ปี พ.ศ.๒๕๐๖ เหรียญสิทธิมหาโชค ตะกรุดมหาระงับ ตะกรุดมหาอำนาจ ตะกรุดรัตนมาลา ๙ ดอก และวัตถุมงคล ต่างๆ อีกมากมาย หลายอย่าง
ย้อนไปในปี พ.ศ.๒๕๒๐ ยังสร้างเหรียญเตรียมไว้สำหรับงานศพตัวเอง ซึ่งแจกจ่ายให้ผู้มาร่วมทำบุญในวันพระราชทานเพลิง เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔
◉ มรณภาพ
พระวิสุทธาจารเถร (หลวงพ่อเทียม สิริปัญโญ) วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ท่านได้ถึงแก่มรณภาพ ด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๒ สิริอายุได้ ๗๕ ปี พรรษา ๕๕ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔ จึง จัดให้มีการพระราชทานเพลิงศพ พระวิสุทธาจารเถร