ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่เงิน จันโท
วัดศรีวิไล
อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย
◎ ชาติภูมิ
พระครูจันทสมานคุณ (หลวงปู่เงิน จนฺโท) เกิดเมื่อ วันอังคาร ที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ตรงกับวันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย ที่บ้านว่าน ตําบลบ้านเดื่อ (ปัจจุบันตําบลบ้านว่าน) อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เป็นบุตร นายใบ นางตัน คชวงศ์ มีน้องร่วมบิดามารดา
๑๑ คน เป็นหญิง ๔ คน เป็นชาย ๗ คน คือ
๑. นางคำ คชวงศ์
๒. นายดำดี คชวงศ์
๓. พระครูจันทสมานคุณ (หลวงปู่เงิน จฺนโท)
๔. นางเดิน คชวงศ์
๕. นางบัวทอง คชวงศ์
๖. นางกองแก้ว คชวงศ์
๗. นายคําฟอง คชวงศ์
๘. นายผอง คชวงศ์
๙. นายปอง คชวงศ์ (อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๔ บ้านลำดวน)
๑๐. พระสวน คชว์โส (อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีวิไล)
๑๑. นายล้วน คชวงศ์ (อดีตกํานันตําบลบ้านว่าน)
◎ การศึกษา
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ เด็กชายเงิน คชวงศ์ ได้ศึกษาเล่าเรียนอักษรไทย จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนวัดบ้านว่าน ตําบลบ้านเดื่อ (ปัจจุบันตําบลบ้านว่าน) อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
◎ บรรพชา – อุปสมบท
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ นายเงิน คชวงศ์ มีอายุได้ ๑๗ ปี ได้เข้า บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดสร้อยพร้าว ตําบลบ้านเดื่อ (ปัจจุบัน ตําบลบ้านว่าน) อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย จากนั้นได้ย้าย ไปเรียนหนังสืออยู่ที่วัดลําดวน บ้านเดื่อ ตําบลบ้านเดื่อ อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ ๑ ปี จึงได้ย้ายกลับมาที่วัดสร้อยพร้าวอีก เพื่อเตรียมอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อออกพรรษาแล้วได้ลาสิกขาไประยะหนึ่งตามประเพณีนิยม
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ วันอาทิตย์ที่ ๗ มิถุนายน ตรงกับวันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๗ ปีฉลู มีอายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าอุปสมบท ที่วัดสร้อยพร้าว บ้านว่าน ตําบลบ้านเดื่อ (ปัจจุบันตําบลบ้านว่าน) อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยมี พระครูวุฒิพรหมจรรย์ วัดอัมพวัน อําเภอท่าบ่อ เป็นพระอุปัชฌาย์
◎ วิทยฐานะ
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดลำดวน บ้านเดื่อ ตําบลบ้านเดื่อ อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
◎ การศึกษา
ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙ สอบนักธรรมชั้นตรีได้ ที่วัดสร้อยพร้าว สํานักเรียนวัดลำดวน บ้านเดื่อ ตําบลบ้านเดื่อ อําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เมื่อศึกษาได้นักธรรมชั้นตรีแล้ว ได้ใช้เวลาศึกษาด้านไสยศาสตร์ หรือศึกษาตําราทางเวทมนตร์ จากอาจารย์ผู้มีความชํานาญด้านนี้โดยเฉพาะ ได้เริ่มศึกษาภาษาสมัยโบราณ เช่น ภาษาขอม อักษรตัวธรรม และภาษาอื่น ๆ ที่สามารถอ่านได้คล่อง และเขียนได้อย่างถูกต้องชํานาญดีมาก
◎ ย้ายสํานัก
ในสมัยนั้น พระสงฆ์ สามเณร ในเขตตําบลบ้านว่าน และ ตําบลโคกคอนมีจํานวนน้อยมาก ประกอบกับการศึกษาในแขนงต่าง ๆ ยังไม่กว้างขวางมากนัก เป็นเหตุให้ทายกทายิกาขาดที่พึ่งทางใจ จึงได้พยายามเสาะหาพระสงฆ์มาไว้ในถิ่นของตน เพื่อจะได้เคารพกราบไหว้บูชาอย่างใกล้ชิด ดังนั้น พระเดชพระคุณ หลวงปู่เงิน จันโท (พระครูจันทสมานคุณ) แม้จะเป็นพระที่พึ่งบวชใหม่ แต่ก็เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใส จึงเป็นที่นิยมชมชอบ และอยาก นิมนต์มาประจําไว้ที่วัดบ้านของตน อย่างเช่น
เมื่ออุปสมบทเสร็จแล้วท่านได้จําพรรษาอยู่ที่วัดสร้อยพร้าว เพียง ๑ พรรษา ก็ได้รับนิมนต์ให้ไปประจําอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านผำไผ ตําบลบ้านว่าน เป็นเวลา ๒ ปี จากนั้นก็ได้รับนิมนต์ให้ไปประจําอยู่ที่วัดศรีวิไล ซึ่งเป็นวัดใหม่และได้นําพาคุณะทายก – ทายิกาสร้างวัดศรีวิไล ซึ่งในขณะนั้นเป็นป่าไม้รก หนามาก ให้เป็นสถานที่น่าอยู่อาศัย โดยได้ก่อสร้างรั้ววัด กุฏิ ศาลาการเปรียญ และอุโบสถ มาตามลําดับ จนเป็นวัดที่สมบูรณ์ตลอดมา
ระยะที่ พระเดชพระคุณท่านพระครูจันทสมานคุณ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “หลวงปู่เงิน จันโท” ได้ประจําอยู่ที่วัดศรีวิไล นั้น ท่านได้ไปศาสนศึกษา และได้ไปจําพรรษาอยู่ที่วัดบ้านดอนหวาย อําเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นเวลา ๓ พรรษา และใน ๓ พรรษานี้ ท่านได้ใช้เวลาศึกษาวิชาไสยศาสตร์ หรือตำราทางเวทมนตร์
◎ การงาน
พระครูจันทสมานคุณ “หลวงปู่เงิน จันโท” ได้รับภารกิจ และปฏิบัติงานคณะสงฆ์ในตําแหน่ง หน้าที่ต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้
◎ ด้านการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๗๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีวิไล
ตําบลบ้านว่าน
พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตําบลโคกคอน
พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ประจําตําบลโคกคอน-ตําบลบ้านว่าน
พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตําบลบ้านว่าน
◎ ด้านการศึกษา
พ.ศ. ๒๔๗๔-๒๕๒๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนปริยัติธรรมประจําสํานักเรียนตําบลโคกคอน-ตําบลบ้านว่าน
พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าสํานักเรียน และ ผู้อํานวยการสํานักเรียนตําบลโคกคอน
พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง ประจําหน่วยสอบอําเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการจัดตั้งมูล นิธิการศึกษาพระปริยัติธรรม ประจําอําเภอท่าบ่อ
พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ การศึกษาประชาบาล ในเขตตําบลบ้านว่าน
◎ ด้านการเผยแผ่
ท่านพระครูจันทสมานคุณ (หลวงปู่เงิน จันโท) ได้พยายามทุกวิถีทางที่ จะเผยแผ่ธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่างเช่น การริเริ่ม ชักชวนพระสงฆ์ในเขตปกครองได้ทําอุโบสถกรรมหมุนเวียนไปตามวัดต่าง ๆ และพร้อมกันนั้นก็จัดให้มีการอบรมศีลธรรมแก่ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ในฤดูการเข้าพรรษา และในวันสําคัญทางศาสนา ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างความสามัคคี และความคุ้นเคยให้เกิดแก่คณะสงฆ์ และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้เป็นอย่างดียิ่ง ปัจจุบันนี้ยังถือปฏิบัติเป็นประจําทุก ๆ ปี เสมอมา
◎ ด้านสาธารณูปการ
พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้นําทายกทายิกาสร้างวัดบ้านแสนสุขหมู่ที่ ๓ ตําบลบ้านว่าน ให้ชื่อว่า “วัดไทรเงินสถิต”
พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้นําทายกทายิกาสร้างวัดบ้านลําดวน หมู่ที่ ๔ ตําบลบ้านว่าน ให้ชื่อว่า “วัดโพธิ์เงินปุรณาราม”
พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้นําทายกทายิกาสร้างวัดบ้านกลางน้อย หมู่ที่ ๗ ตําบลบ้านว่านให้ชื่อ ว่า “วัดเทพมีชัย” และเป็นประธาน อํานวยการสร้างอุโบสถวัดฉิมพลีวัน
บ้านเป้า หมู่ที่ ๘ ตําบลบ้านว่าน
พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นประธานกรรมการ อํานวยการสร้างอุโบสถวัดเจติยาราม พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นประธานกรรมการอํานวยการ
สร้างสภาตําบลบ้านว่าน และนําจัดสร้างศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์สภาตําบล และ ช่วยการพัฒนาถนนในเขตหมู่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นประธานกรรมการ อํานวยการสร้างอุโบสถวัดเจติยภูมิ
◎ ด้านงานนิพนธ์
ด้านงานนิพนธ์ส่วนมากใช้เป็นสนวนอีสาน โดย ใช้อักษรหลายอย่าง เช่น อักษรขอม อักษรตัวธรรม อักษรลาว และอักษรไทย อย่างเช่นประวัติวัดศรีวิไล ประวัติบ้านว่าน วรรณคดี เรื่องสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เขียนเป็นคําพังเพย ผญา โคลง สุภาษิต คําคม คํากลอน เป็นจํานวนไม่น้อย
◎ สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๑๑ วันที่ ๕ ธันวาคม ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นตรี
พ.ศ. ๒๕๒๑ วันที่ ๕ ธันวาคม ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญา บัตรชั้น โท
◎ มรณภาพ
ท่านพระครูจันทสมานคุณ (หลวงปู่เงิน จันโท) ปกติท่านไม่ค่อยอาพาธถึงกับไปไหนมาไหนไม่ได้ และระยะก่อนหน้าจะมรณภาพ ท่านก็ปฏิบัติกิจวัตรเป็นประจําเสมอมา หนึ่งอาทิตย์ถัดมา ท่านมีอาการเหนื่อย และรู้สึกหายใจไม่เป็นปกติ เมื่อญาติพี่น้อง ทายกทายิกาชาวบ้านว่าน เห็นผิดปกติมาก จึงได้นําไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชประจําอําเภอท่าบ่อ นายแพทย์และนางพยาบาลก็เอาใจใส่เป็นอย่างดียิ่ง โดยได้ใช้ เครื่องช่วยหายใจ และให้น้ำเกลือ เห็นอาการดีขึ้นบ้างระยะหนึ่ง ต่อมาอาการมีแต่ทรงกับทรุด จนนายแพทย์และนางพยาบาลบอกว่า โรคร้ายอย่างอื่นไม่มีมากนัก เนื่องจากความชราภาพเป็นสมุฏฐานทําให้เกิดการอ่อนเพลีย ความทรุดโทรม ซึ่งตัวท่านก็ทราบโดยตลอด เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดจะห้ามความไม่ เที่ยงของสังขารได้ คณะทายกทายิกาจึงเข้าปรึกษานายแพทย์ และ อนุญาตให้กลับวัด
วันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓ เวลา ๑๑.๒๓ น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ
สิริรวมอายุได้ ๗๖ ปี พรรษา ๕๖