ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ผอง อุชุจาโร
วัดป่าแสงธรรม
อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
หลวงปู่ผอง อุชุจาโร เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๖ ณ ตำบลบงใต้ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โยมบิดาชื่อ นายกอง และโยมมารดาชื่อ นางแถน สายบัว ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา
หลังจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ชั้น ป.๔ จากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว ได้ออกมาช่วยครอบครัวทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ช่วงวัยหนุ่ม เคยได้นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม และมีโอกาสได้อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบันคือ จ.หนองบัวลำภู) นานหลายปี สำหรับหลวงปู่ขาว ท่านเป็นพระอริยเจ้าที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านได้เมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติธรรมตามแนวทางสายพระป่าให้กับหลวงปู่ผองจนเชี่ยวชาญในกัมมัฏฐาน
นอกจากนี้ หลวงปู่ผอง อุชุจาโร ท่านยังมีศักดิ์เป็นหลานของท่านหลวงปู่ขาวอีกด้วยเพราะเป็นญาติกับมารดาของหลวงปู่ขาว
ครั้นต่อมาได้เดินทางกลับมา จ.สกลนคร ถิ่นบ้านเกิดใช้ชีวิตตามวิสัยฆราวาส ลุถึงปี พ.ศ.๒๕๒๔ ด้วยความเลื่อมใส อันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา จึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบท ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๔ ที่อุโบสถวัดพิศาลรัญญาวาส ต.หนองบัว อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบันคือ จ.หนองบัวลำภู) โดยมี พระครูศรีธรรมคุณาราช เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิเศษฎ์ ธรรมาภรณ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระทวีศักดิ์ ศรีธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “อุชุจาโร” แปลว่า “ผู้ประพฤติเที่ยงตรง”
หลังอุปสมบท เดินทางมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมภาวนาอยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่วัดถ้ำกลองเพล ๑ พรรษา เมื่อออกพรรษา ได้กราบลาหลวงปู่ขาว ผู้เป็นพระอาจารย์ออกวิเวกตามป่าเขา ด้วยเห็นว่าสังขารนั้นไม่เที่ยง ตราบที่ธาตุขันธ์ยังดีอยู่ จึงออกจาริกแสวงหาโมกขธรรม ตามป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะเทือกเขาภูพาน
ครั้งหนึ่งขณะเดินธุดงค์อยู่ในป่าเขา มีโอกาสพบกับหลวงปู่จันทา ถาวโร พระป่าสายปฏิบัติชื่อดังของภาคอีสานอีกรูปหนึ่ง จึงได้ร่วมธุดงค์เดินเท้าเปล่าจนถึง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ครั้งนั้นได้ปักกลดภาวนากันที่ป่าช้า ซึ่งเป็นที่ฝังศพคนตายโหง บรรยากาศภายในป่าช้าแห่งนี้ มีแต่ความวังเวงน่าสะพรึงกลัว แต่สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ผองสัมผัสได้ คือ ความเงียบสงบเงียบเหมาะแก่การปฏิบัติกัมมัฏฐานยิ่งนัก
ขณะปักกลดอยู่ในป่าช้าแห่งนี้ได้พบกับหลวงปู่ลี ถาวโร พระกัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเกิดความศรัทธา ได้กราบขอคำชี้แนะกัมมัฏฐานกับหลวงปู่ลี ซึ่งหลวงปู่ลี ได้ให้ความเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติธรรม แนวทางที่ถูกต้อง หลวงปู่ลี จึงเป็นครูบาอาจารย์ อีกรูปหนึ่งของท่าน
จากนั้นออกธุดงค์วิเวกตามป่าเขา ตามลำน้ำโขง และมีโอกาสฝึกฝนกัมมัฏฐานกับพระเกจิสายหลวงปู่มั่นหลายรูป รวมทั้งเคยฝึกกัมมัฏฐานกับหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดป่าปทีปปุญญาราม จ.สกลนคร พร้อมกับน้อมนำธรรมะคำสั่งสอนแห่งครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้งมั่นการภาวนา
ครองตนด้วยความสมถะ เรียบง่าย เจริญกัมมัฏฐานทั้งเช้าและเย็น หลังจากใช้ชีวิตบำเพ็ญภาวนาอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งของภาคอีสาน นานหลายสิบพรรษา จนย่างเข้าช่วงปัจฉิมวัย จึงเดินทางกลับ จ.สกลนคร บ้านเกิด
ด้วยวัตรปฏิบัติดี ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง บรรดาญาติโยมชาวบ้านดงยาง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร กราบนิมนต์ให้มาจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ป่ารกร้างใกล้หมู่บ้าน ปัจจุบัน คือ วัดป่าแสงธรรม และร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านพัฒนาสถานที่แห่งนี้ จนได้รับการยกฐานะจากที่พักสงฆ์จนได้แต่งตั้งขึ้นเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๒ และหลวงปู่ผอง อุชุจาโร ท่านได้จำพรรษาอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ในแต่ละวัน มีพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างไม่ขาดสาย ซึ่งท่านให้ความอนุเคราะห์ปัดเป่าความทุกข์ให้กับญาติโยมที่มาหาทั้งสวดเจริญพระพุทธมนต์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์
สำหรับหัวข้อธรรมที่พร่ำสอนมาตลอดเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีลห้าไว้เป็นหลักไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต แล้วคุณพระจะรักษา เทวดาก็จะคุ้มครอง นับได้ว่าหลวงปู่ผอง อุชุจาโร ท่านจึงเป็นพระสายปฏิบัติอีกรูปหนึ่งของแวดวงสงฆ์ จ.สกลนคร ที่สาธุชนสามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
ปัจจุบัน หลวงปู่ผอง อุชุจาโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม บ้านดงยาง ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร อายุ ๘๗ ปี พรรษา ๓๙
◎ โอวาทธรรม หลวงปู่ผอง อุชุจาโร
“..ปฏิบัติเอาโลด บ่ตายนั่งภาวนาเอาโลดบ่ตาย
มีแค่ธรรมะ มีแต่ทางสว่าง มีแต่นิพพาน..”
ที่มา :ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.khaosod.co.th