ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร
วัดป่าหมู่ใหม่
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
ถิ่นกำเนิด-ชาติสกุล
หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ท่านถือกำเนิดขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ณ บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
บิดาชื่อ พ่อสนธิ์ มารดาชื่อ แม่มุก นามสกุล สิมมะลี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน เป็นชาย และหญิง ๔ คน
ชีวิตในวัยเด็ก
หลวงปู่ประสิทธิ์ เท่ากับเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เมื่อมีอายุ ๗ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ สอบไล่ได้ตำแหน่งที่ ๑ หรือ ที่ ๒ เป็นประจำทุกปี ตลอดจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ พอจบชั้นประถมแล้ว ครูใหญ่ชื่อ “ปรีชา” ให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมพิทยานุกุล ในตัวจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อได้ถามบิดาว่า “จะเรียนดีหรือไม่เรียนดี” และเมื่อบิดาบอกว่า “ทำไร่ทำนาดีกว่า สบายใจดี” หลวงปู่ประสิทธิ์ จึงตัดสินใจช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
หลวงปู่ประสิทธิ์ เมื่อเยาว์วัย จึงเป็นแรงสำคัญช่วยงานบิดา มารดา อย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม จนเช้าสู่วัยหนุ่มอายุ ๑๙ ปี จึงเกิดความคิดอยากเข้าวัด เนื่องจากวัดป่านิโครธาราม ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ใกล้บ้าน ท่านได้ทบทวนชีวิตฆราวาส ผ่านมาได้ช่วยบิดามารดามา จนเป็นที่พอใจแล้ว ฐานะทางครอบครัวก็พอดีๆ ไม่รวยและไม่จน และพี่น้องต่างก็โต พอจะช่วยงานของครอบครัว พ่อแม่ได้แล้ว หลวงปู่ท่านคิดว่า ได้เกิดมาใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่พอที่ได้อาศัย ท่านมาเกิดในชาตินี้แล้ว จึงคิดมองหา เส้นทางจิต ที่คิด ไม่อยากกลับมาเกิดเป็นหนี้ภพชาติอีกต่อไป โดยเกิดศรัทธาปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คิดจะบวชไม่มีกำหนดตลอดชีวิต หวังอยู่ปฏิบัติ ตนเพื่อหลุดพ้น ความเกิดจนถึงอมตะพระนิพพาน
บรรพชาและอุปสมบท
ต่อมาครอบครัว ได้พา หลวงปู่ประสิทธิ์ เข้าไปฝากตัวกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ เวลา ๑๙.๐๐ น. และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ ณ วัดโพธสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ ๑ มิถุนายน โดยมีพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
การปฏิบัติธรรม
หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ได้บวชและอยู่ศึกษาอบรมธรรมะกับ หลวงปู่อ่ออน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังหลวงปู่อ่อน มรณภาพลง ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
จากนั้นได้เดินธุดงค์ขึ้นสู่ภาคเหนือ มาอยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินธุดงค์ แสวงหาความวิเวก จนกระทั่งมาพบสถานที่ป่าสงบเงียบ หลังที่ทำการชลประทานแม่แตง จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และยกฐานะเป็นวัดตามลำดับ
วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบเงียบ หลวงปู่ประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ป่าเดิม พร้อมกับปลูกป่าเสริมเพิ่มต้นไม้ตลอดเวลา ทำให้วัดมีต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ร่มรื่น การที่วัดป่าหมู่ใหม่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง แต่ละกฏิไม่มีการสะสมสิ่งของ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นวัดป่าศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์สำหรับผู้เข้าไปสัมผัส ทั้งนี้เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริงนั่นเอง
กาลมรณภาพ
องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร แห่งวัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้ละสังขารเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานเมื่อเวลา ๑๔.๒๓ น. ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๙ สิริอายุ ๗๕ ปี ๔ เดือน ๒๖ วัน พรรษา ๕๕ (พรรษานั้นเป็นพรรษาที่ ๕๖)
โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร
“..คนสมัยใหม่นี่เป็นคนสุขสบาย คือไม่อยากทำแต่อยากได้…มันเป็นไปไม่ได้ เพราะธรรมก็ชื่อว่าทำอยู่แล้ว คือจะต้องลงมือทำ จะต้องใช้ร่างกายทำ ไม่ใช่ว่าเราพูดทำได้ คือเราพูดให้เป็นวัตถุเป็นสมบัติเป็นอะไร ให้มันเป็นขึ้นมา มันเป็นไม่ได้หรอก มันเป็นได้ก็เพราะการทำ เราจึงพูดว่าธรรม เราทำมันน้อยไปมันก็ไม่เห็นเพราะว่าพระพุทธเจ้าเราทำมามาก ทำมาจนเกินหละทีนี้ จนว่าสละชีวิต เลือดเนื้อร่างกายทุกอย่างพระองค์สละหมดแล้วไม่ห่วงคือไม่ห่วงร่างกายไม่ห่วงชีวิต..”
“..มนุษย์นี้ หนีตาย ไม่ได้หรอกอยากจะบอก ตามตรง กันหลงใหลเมื่อยังอยู่ ควรรู้ธรรม นำจิตใจครั้นตายไป ไกลอบาย ได้วิมานองค์หลวงปู่ ประสิทธิ์ จิตผ่องใสตระหนักใน สมถะ กรรมฐานสมาธิ วิปัสสนา ปัญญาญาณพบนิพพาน ประมาณได้ เมื่อตายลง..”
“..คนติดในรูป หลงในรูป มันต้องมาปฏิบัติจะได้ละได้ปล่อยได้วาง รูปมันก็ของเก่า คนก็คนเก่า ส่องกระจกดูก็เห็น คนปฏิบัติแค่อาบน้ำก็พอแค่นี้เนื้อตัวก็สะอาด ไม่ต้องไปดัดไปย้อมไปแต่ง มันผิดธรรมชาติ..”
“..ต้องดูที่จิตของเรา ถ้าทำถูกทำน้อย แต่ว่าถูกที่ถูกทาง มันก็ได้มาก แต่ถ้าเราทำมาก แต่มันไม่ถูกที่ถูกทาง มันก็ได้น้อย..”
“…เหตุนั้นคนที่มาฝึกภาวนา
มาฝึกจิต มาฝึกทำสมาธิทำสมาธิภาวนา
ก็เรียกว่ามาฝึกความตาย
ให้รู้เรื่องกาย เรื่องจิต…”
หลวงปู่กระดูกใสเป็นแก้วตั้งแต่สมัยยังครองขันธ์
(ข่าวเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ปี พ.ศ.๒๕๔๕)
แพทย์และหมอ ฮือฮา….เพราะเอกซเรย์พระคุณเจ้ารูปหนึ่งปรากฎว่ากระดูกแขนเป็นแก้วสีใสหมดทั้งตัว ผอ.โรงพยาบาลได้สอบถามที่มาที่ไป ปรากฎว่า เป็นหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร แห่งวัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านเป็นพระป่ากรรมฐานศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คุณหมอทั้งหลายใน ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ (สวนดอก) ต่างยกย่องกล่าวขานถึงหลวงพ่อประสิทธิ์ว่าน่าอัศจรรย์แท้ เพราะเขาถ่าย x-ray ท่านออกมาปรากฎว่ากระดูกข้างในเป็นแก้วทั้งหมด หมอทั้งหลายในโรงพยาบาลสวนดอก เลยเคารพท่านมาก
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร องค์นี้หลวงตาพระมหาบัวยกย่องในความดีและคุณธรรมของท่าน
ภายหลังต่อมา หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านเปิดสมุดบันทึกเล่มสีดำที่องค์ท่านจดบันทึกเอาไว้ให้ดู วันที่องค์ท่านถอน “กามคุณ” ออกจากจิตใจของตนเอง (บรรลุพระอนาคามี) คือ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐
วันที่องค์ท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร บรรลุ “ธรรมธาตุ” สำเร็จมรรคผล คือ วันเพ็ญเดือนหก ปีพุทธศักราช ๒๕๒๑
ดังเรื่องราวรายละเอียดดังต่อไปนี้
เหตุการณ์สำคัญในเพศพรหมจรรย์ของหลวงพ่อประสิทธิ์ วันที่ท่าน สำเร็จมรรคผลเป็น “พระอนาคามี” วันที่ท่าน สำเร็จมรรคผลเป็น “พระอรหันต์”
ผู้บันทึกถาม – ตอนหลวงพ่อบรรลุธรรมพ้นจากกาม หลวงพ่อบรรลุธรรมในอิริยาบถไหน
หลวงพ่อประสิทธิ์ – ในอิริยาบถนั่ง
ผู้บันทึกถาม – ตอนนั้นหลวงพ่อหันหน้าไปทางทิศไหน
หลวงพ่อประสิทธิ์ – เราหันหน้าไปทางอำเภอแม่สรวย
ท่านบอก – วันนั้นเราเดินจงกรมพิจารณาในธรรมทั้งวัน ตอนอยู่ในทางจงกรมเหมือนปัญญามันจะเข่นฆ่ากามคุณให้ตายคาทางเดินจงกรมได้ สติปัญญาเราเอามันบ่ลง กิเลสตัวนี้มันแหลมคมในชั้นเชิงมากสติปัญญาเราตอนนั้นยังมีกำลังบ่พอ
หลังเดินจงกรมเหนื่อยแล้วเรามานั่งภาวนาพิจารณาธรรมอยู่ระเบียงกระท่อมที่พัก เราพิจารณาเข้าออกในธรรมหลายๆ รอบจนเห็นอุปาทานกามคุณ พอเราจับเงื่อนมันได้ มหาสติมหาปัญญาเข้าพิจารณาในธรรมนั้นทันที ลุยกันปานสงครามโลก จิตเห็นโทษเห็นทุกข์ในกามคุณ จิตเราขาดสะบั้นกันกับกามคุณเวลาประมาณห้าโมงเย็น เดือนตุลาคม ปี ๒๕๒๐ พอธรรมแจ้งแก่ใจของตนเองแล้ว เราลืมตาขึ้นมาอีกทีเป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมภูเขาทางฝั่งแม่สรวย เชียงราย..
ผู้บันทึกถาม – จากเหตุการณ์หลวงพ่อบรรลุภูมิธรรมอนาคามี จนถึงบรรลุธรรมธาตุเป็นอรหันต์นี้ เหตุการณ์ทั้งสองมันต่อเนื่องกันในปีนั้นหรือไม่
หลวงพ่อประสิทธิ์ – บ่ มันเว้นช่วงข้ามปีกันอยู่ มันมาแล้วทั้งเบิ่ดในปีต่อมา
ผู้บันทึกถาม – หลวงพ่อใช้เวลานานมั๊ยในการถอนกามคุณออกไปจากจิตใจ
หลวงพ่อประสิทธิ์ – หลวงพ่อใช้เวลาทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่บวชมา แต่มันละกันไม่ได้ซักที จนมันมาจบกันที่บ้านมูเซอร์ป่ายาง
ผู้บันทึก – หลวงพ่อจำวันเวลาที่ตนเองเอาชนะกามคุณบรรลุธรรมอนาคามีได้ไหม
หลวงพ่อประสิทธิ์ – วันที่หลวงพ่อจำบ่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นเดือนตุลาคม ตอนออกพรรษาแล้วใหม่ๆ เวลาก็กะเอาว่าประมาณห้าโมงเย็น เพราะหลวงพ่อบ่มีนาฬิกาดู ทุกวันนี้หลวงพ่อก็บ่เคยพกนาฬิกา หลวงพ่อเอานาฬิกาธรรมชาติว่า เอานาฬิกาในจิตว่า
ผู้บันทึก – วันที่ประมาณได้ไหมว่าวันที่เท่าไร ต้นเดือน กลางเดือน ท้ายเดือนตุลาคม
หลวงพ่อประสิทธิ์ – มันยังบ่ถึงกลางเดือนดี ประมาณวันที่สิบกว่านี่แหละ
ภายหลังต่อมา หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านเปิดสมุดบันทึกเล่มสีดำที่องค์ท่านจดบันทึกเอาไว้ให้ดู วันที่องค์ท่านถอน “กามคุณ” ออกจากจิตใจของตนเอง คือ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐
วันที่องค์ท่านหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร บรรลุ “ธรรมธาตุ” สำเร็จมรรคผลเป็น “พระอรหันต์” คือ วันเพ็ญเดือนหก ปีพุทธศักราช ๒๕๒๑