ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สุข ยโสธโร
วัดบูรพา (บ้านหนองบัว) อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
พระครูบูรพาภิวัฒน์ (หลวงปู่สุข ยโสธโร) วัดบูรพา (บ้านหนองบัว) พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้สืบสานวิทยาคมจาก หลวงปู่โส วัดบ้านฟ้าเลื่อม จ.ร้อยเอ็ด
● ชาติภูมิ
พระครูบูรพาภิวัฒน์ (หลวงปู่สุข ยโสธโร) นามเดิมชื่อ “สุข” เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง เวลาจวนสว่าง ณ บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด บิดาชื่อ “นายจันทร์” และมารดาชื่อ “นางสี บัวแก้ว” เป็นบุตรคนที่ ๒ มีพี่น้องร่วมสายโรหิตรวม ๑๑ คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว
ผู้เป็นบิดาแม้ไม่ได้บวชเรียนแต่ก็มีความสนใจในการเรียนรู้ และอยากให้ลูกชายได้ศึกษาเล่าเรียน จึงได้นำเด็กชายสุขไปฝากเป็นศิษย์วัด ที่วัดบูรพาบ้านหนองบัว ตั้งแต่เด็กชายสุขอายุเพียง ๙ ขวบ
● บรรพชาอุปสมบท
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๑ เด็กชายสุข ได้บรรพชาเป็นสามาเณร ที่วัดสงยางบ้านขุมเงิน ต.หนองบัว อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ขณะนั้นอายุได้ ๑๒ ขวบ โดยมี พระอาจารย์สุดตา วัดที่เยี่ยม อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้บรรพชาให้
ต่อมาเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๙ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดบูรพาบ้านหนองบัว โดยมี พระครูธรรมโสภิต หรือ หลวงปู่โส วัดราศรีไศล (บ้านฟ้าเลื่อม) ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพรหม วัดสระจันทร์ บ้านร่องคำ และพระอธิการชม วัดอุบลบรทิพย์ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ยโสธโร”
วันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๙ ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดราศรีไศล บ้านฟ้าเลื่อม เป็นลูกศิษย์หลวงปู่โส เป็นเวลา ๔ ปี เพื่อศึกษาต่อพระปริยัติธรรม นักธรรม และบาลี จนสอบไร่ได้นักเรียนธรรมตรีและได้ย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองบัวปี พ.ศ.๒๔๘๓
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๔ ได้เดินทางไปศึกษาต่อพระปริยัติธรรม นักธรรมและบาลีที่สำนักเรียนบ้านไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นสำนักเรียนที่มีชื่อเสียงมาตังแต้โบราณกาล เรียนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา ๕ ปี สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโทในปี พ.ศ.๒๔๘๕ และนักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ.๒๔๘๖ หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจนมีความรู้แตกฉานแล้ว
ต่อมาได้เดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดบูรพา (บ้านหนองบัว) อันเป็นบ้านเกิด เพื่อเป็นครูสอบปริยัติธรรมและอบรมสั่งสอนญาติโยมตลอดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๙ จนกระทั่งถึงมรณภาพ
● ตำแหน่งที่ได้รับและภาระกิจที่สำคัญ
วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม
วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบูรพา บ้านหนองบัว
วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองบัว
วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ตำบลหนองบัว
วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าธรรมฑูต ๔ ตำบลคือ ต.หนองบัว, ต.ขี้เหล็ก, ต.โหรา, ต.บ้านดู่
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูบูรพาภิวัฒน์
วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเดินสายธรรมฑูตทุกตำบลใน อ.อาจสามารถ
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ได้รับวุฒิบัตรสำเร็จการศึกษาโรงเรียนพระสังฆาธิการรุ่นที่ ๑ จากวัดบูรพา จ.ร้อยเอ็ด
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นโท
● การก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน
พระครูบูรพาภิวัฒน์ (หลวงปู่สุข ยโสธโร) ท่านเป็นผู้นำในการก่อสร้างศาสนสถานทุกอย่างภายในวัดบูรพา (บ้านหนองบัว) ทั้งปรากฏให้เห็นในปัจจุบันและส่วนที่รื้อถอนไปแล้ว ดังนี้
๑. สร้างโบสถ์หลังปัจจุบัน สิ้นเงินในการก่อสร้าง ๔๘๒,๐๘๗.๕๐ บาท
๒. สร้างกุฏิหลังเก่า ๑ หลัง ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้ว
๓. สร้างกุฏิหลังใหม่ ๑ หลัง ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
๔. สร้างศาลาการเปรียญหลังเก่า ๒ หลัง ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้ว
๕. สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ๑ หลัง ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
๖. สร้างมหาเจดีย์ ๑ องค์ ยังไม่เสร็จ
● มรณภาพ
ภายหลังจากการที่ท่านตรากตรำปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัดมาเป็นเวลานาน ทำให้ พระครูบูรพาภิวัฒน์ (หลวงปู่สุข ยโสธโร) วัดบูรพา (บ้านหนองบัว) ล้มป่วยและมีโรคแทรกซ้อนหลายอย่าง ลูกๆ หลานๆ ศิษยานุศิษย์ ได้นำหลวงปู่เข้ารับการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่อง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาได้พยายามถวายการรักษาจนสุดความสามารถ แต่ไม่อาจช่วยชีวิตหลวงปู่ได้ ในที่สุดหลวงปู่ก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบในคืนวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๘ เวลา ๑๙.๓๐น. สิริอายุรวมได้ ๘๙ ปี พรรษา ๖๙
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด