วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

ตำนาน ฤทธิ์อภิญญา อภินิหาร หลวงปู่สมเด็จลุน

ตำนาน ฤทธิ์อภิญญา อภินิหาร หลวงปู่สมเด็จลุน

วัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว

หลวงปู่สมเด็จลุน (สำเร็จลุน) วัดเวินไซ สปป.ลาว
หลวงปู่สมเด็จลุน (สำเร็จลุน) วัดเวินไซ สปป.ลาว

◎ เอามะนาวมาใส่ส้มตำ
บันทึกการสนทนากับพ่อถ่านเขียว (ปีพ.ศ. ๒๕๑๘) เจ้าอาวาสวัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว ตอนนั้นท่านเป็นสมภาร ท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า..

เวลาใกล้เพลวันหนึ่ง พี่สาวสําเร็จลุนกําลังตําส้มมะละกอ (บักหุ่ง) ใกล้จะเพลอยู่แล้ว แต่ขาดมะนาว ใครไปหาให้ก็ไม่มี แต่ทราบว่ามีที่ภูเขาลูกหนึ่ง อยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัด เป็นภูเขาสูงมาก หากใช้คนรูปร่างกํายําเดินไปก็ใช้เวลา ๒ ชั่วโมงกว่าจึง จะถึงภูเขา รวมไปกลับก็ใช้เวลา ๔ ชั่วโมงกว่า แล้วจะเอามะนาวมาใส่ส้มตําทันหรือ และ จะมีใครไปเอามะนาวมาให้ได้ สําเร็จลุนท่านได้ยินเขาพูดกัน ท่านก็เลยขันอาสาจะไปเอามะนาวบนภูเขามาให้ทันตําส้มได้

จึงชวนลูกศิษย์น้อยคนหนึ่งไปด้วย พอพ้นเขตวัดท่านบอกให้ลูกศิษย์หลับตาแล้วจับ ชายผ้าเหลืองไว้ ลูกศิษย์ก็ปฏิบัติตาม เมื่อไปถึงแล้วก็บอกให้ลูกศิษย์ลืมตา ลูกศิษย์ก็ตกใจตื่นเต้นว่าเราขึ้นมาอยู่บนภูเขาสูงได้อย่างไร ตามองไปโดยรอบก็เห็นต้นมะนาวเป็นพุ่ม ใบดกมัน บอกถึงความเจริญเติบโตของต้นใบมะนาว ลูกก็ดกเหลือง หล่นตามพื้นดินก็มี เต็มไปหมด ท่านบอกให้ลูกศิษย์เก็บเอามะนาวใส่ผ้าขาวม้าห่อทําเป็นสะพาย ท่านบอกให้ลูกศิษย์หลับตาอีก แล้วจับชายผ้าเหลืองเหมือนเดิม พอจะเข้าเขตวัดท่านก็บอกให้ลืมตา ลูกศิษย์น้อยประหลาดใจมาก กลับมาถึงวัดขึ้นกุฏิ พวกพี่สาวท่านตํามะละกอยังไม่ทั่วกันเลย

ตอนสําเร็จลุนยังอยู่ หลวงพ่อเขียวท่านยังเล็กมาก แต่ยังจําความได้ ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือที่วางขายในตลาดที่ผ่านมา เขาลงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ไปลงว่าสําเร็จลุนไป เอามะนาวที่กรุงเทพฯ ไม่ตรงกับหลวงพ่อเขียวคนพื้นที่เล่า ตามที่ผู้เขียนได้เดินทางเข้าไป เขาลูกดังกล่าวแล้ว สูงชันมาก คนไม่คุ้นเคยกับสถานที่คงขึ้นลําบาก ผู้เขียนไปติดอยู่ที่เขาลูกนี้เป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ยังหาออกทางไปไม่ได้ ตามสันนิษฐานแล้ว น่าจะเป็นภูเขา ลูกนี้มากกว่า ถ้าท่านมาเอาที่กรุงเทพฯแล้ว ถ้าไม่ซื้อก็ต้องขอบิณฑบาต เพราะสมัยนั้นการ ซื้อขายผักนางกลางใบ เขาขายกันเป็นแล้วที่กรุงเทพฯ แต่บ้านนอกบ้านนาไม่มีการขายกันเป็น มีแต่ขอกันกินเท่านั้น ท่านผู้อ่านก็ต้องมาพิจารณาดูก็แล้วกัน หรืออาจจะเป็นคนละครั้งก็ได้ การไปเอามะนาวที่กรุงเทพฯ ตําส้มมะละกอก็เป็นอาหารหลักอยู่แล้ว ผู้สําเร็จอภิญญาสมาบัติก็ถือเป็นธรรมดา สําหรับไปเอามะนาวที่กรุงเทพฯ หรือบนภูเขาสูง กลับมาทันในเวลาที่ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นไปแล้วในเรื่องนี้

◎ หลวงปู่สําเร็จลุนสรงน้ำแปลก
หลวงปู่สมเด็จลุน ลงสรงน้ำกลางแม่น้ำโขงไม่จม ตะวันบ่ายคล้อยเย็น ท่านจะลงไปสรงน้ำที่แม่น้ำโขง ลานวัดจะติดกับฝั่งแม่น้ำโขง เดินลงไปก็ถึง วันหนึ่งท่านลงไปสรงน้ำ ลอยตุ๊บป่องๆ ห่างออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ จนไปอยู่ใกล้กลางแม่น้ำโขง ท่านก็สรงน้ำของท่านอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจใครจะมองหรือไม่มองก็แล้วแต่ ตรงกลางแม่น้ำเรียกร่องน้ำลึก ถ้าเรือใหญ่ล่องน้ำมาให้เดินเรือไปตามเขตเสาปูน นั้น เป็นเครื่องหมายเพื่อไม่ให้เรือไปชนโขดหินหรือเกยน้ำตื้น วันนั้นเป็นวันแปลกที่ท่าน หลวงปู่สําเร็จลุนลงน้ำลึกไป แล้วไม่จมน้ำ เครื่องชูชีพก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี แต่ท่านอยู่ในอาการปกติ จมน้ำก็ไม่จม น้ำก็ไม่พัดให้ไหลไปตามน้ำ ทั้ง ๆ ที่น้ำไหล หมุนเป็นตาไก่ คือไหลวน ซึ่งปกติน้ำลึกมาก แค่ริมฝั่งลงไปก็จมแล้ว แล้วก็น้ำช่วงนี้กว้างมาก มองไปฝั่งข้างโน้นเห็นคนเท่าหัวแม่มือ

ทันใดนั้น ได้มีเรือกลไฟของฝรั่งเศส เดินเครื่องมาจากข้างล่าง จะขึ้นไปด้านเหนือของเวียงจันทน์ สมัยนั้นฝรั่งเศสยังปกครองเมืองลาวอยู่ พอเรือมาถึงที่ท่านหลวงปู่สมเด็จลุนอยู่ คนในเรือมีทั้งคนลาว คนฝรั่งเศส มองเห็นพระก็พูดไปว่า..

“พระบ้าพระบออะไรมาเล่นน้ำ เหมือนเด็กๆ อยู่ในแม่น้ำโขงนี้ แล้วตวาดไปว่า ไปๆ ”

คนในเรือทั้งหลายมองมาที่ท่าน ด้วยสายตาเหยียดหยามดูถูก ท่านก็ไม่สนใจอะไร ทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พวกในเรือพอว่าท่านแล้ว ก็เดินเครื่องเรือต่อไป สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดกับพวกเรือและเรือนั้น คือไปได้ไม่ห่างนัก เครื่องยนต์เรือก็ดับเอาดื้อๆ พวกคนในเรือและคนขับก็ดูโน่นดูนี่ ติดเครื่องก็ไม่ติด ช่วยกันหาสาเหตุจุดบกพร่องง่วนเลยทีเดียว แต่ก็หาจุดบกพร่องทําให้เครื่องเรือติดไม่ได้ ส่วนเรือก็ถูกกระแสน้ำพัดพาเบนหัวไหลตามน้ำไปเรื่อยๆ จนเรือถูกกระแสน้ำพัดพามาถึงท่านหลวงปู่สมเด็จลุนอยู่

พวกในเรือก็พากันตกใจ รู้สึกว่าพวกตนคงจะไปตําหนิพระท่านกระมัง จึงเกิดเหตุการณ์ฉะนี้ ต่างคนต่างร้องไปว่า..

“ยาถ่านช่วยพวกข้าน้อยด้วย”

ยกมือท่วมหัวขออภัย ขอโทษที่ล่วงเกิน ขอพวกข้าน้อยเดินทางไปได้ด้วย ท่านสําเร็จลุนท่านก็ตอบไปว่า..

“เออ พวกมึงไปสา“

ท่านพูดเท่านั้นพวกคนขับเรือก็เดินเครื่องเรือติดทันที แล้วก็เดินเรือไปได้ เหมือนกับเรื่องไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งนั้นมันเป็นไปแล้ว พ่อถ่านเขียวท่านเล่าเรื่องอดีตหลวงปู่สําเร็จลุน ให้ฟังเป็นที่น่าสนใจ ยากที่จะทําได้ ถ้าไม่เคร่งทางวิทยาอาคม ฌานไม่แก่กล้า อภิญญา สมาบัติยังไม่ผ่าน ก็ไม่มีโอกาสทําได้

พวกที่เคยถูกประสบการณ์แก่ตัวเอง ถ้าเดินทางผ่านหน้าวัดเวินไซเมื่อไร จะยกมือไหว้พากันขอศีลขอพรจากท่านสําเร็จลุน เพื่อความสวัสดิภาพในการเดินทางของตน แม้ฝรั่งก็ยังเชื่อในอํานาจสิ่งที่มองไม่เห็น อํานาจธรรมชาติย่อมคลุมโลกและสัตว์โลก ใครจะ อวดเก่งอวดฉลาดแค่ไหน ก็ยังกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าชาติใดภาษาใดก็แล้วแต่ ก็จะต้องอยู่ในอํานาจพญามัจจุราชทั้งสิ้น เว้นแต่ผู้พ้นจากวัฏฏสงสารเท่านั้น ขอขอบพระคุณ พ่อถ่านเขียว เจ้าอาวาดวัดเวินไซ ที่อุตส่าห์เล่าประวัติสําเร็จลุนให้ฟังเป็นอย่างสูง ให้ติดตามประวัติท่านต่อไป

◎ สําเร็จลุนชอบน้ำ
หลวงปู่สําเร็จลุน เอามือจุ่มน้ำล้างมือนาน ๆ (อาโปธาตุ) ท่านสําเร็จลุนท่านจะล้างมือนานๆ สองช่วง คือ ช่วงภัตตาหารเสร็จกับช่วงบ่าย ท่าน ออกจากกุฏิของท่าน เป็นกุฏิหลังเล็กๆ พออาศัยได้ หลังคามุงด้วยหญ้าคา ข้างหน้าเป็นเพิงหมาแหงน กุฏิท่านอยู่ห่างจากกองฟอนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณก็ไม่ไกลนัก ดูพื้นที่แล้วประมาณร้อยกว่าเมตร หรือสองร้อยเมตรก็ได้ ผู้เขียนได้เดินดูก็ เป็นประมาณขนาดนั้น ด้านหลังของกุฏิยังเป็นป่าไม้ธรรมชาติ ยังมิได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก อยู่อย่างใดก็อยู่อย่างนั้น กุฏิตัวจริงของท่านไม่มีแล้ว แต่มีการสร้างถาวรขึ้นมาบ้าง แต่สภาพป่าก็ยังเหมือนเดิน มองไปด้านทิศตะวันตกของวัด ทิศเหนือของวัด ป่าไม้เต็งรัง ไม้รัง ป่าไม้เบญจพรรณทั้งนั้น

ลูกศิษย์เขาจะรู้ เขาจะจัดที่วางภาชนะคุถัง (ถังไม้ไผ่ยาชัน) ภาชนะตุ่มเล็กๆ เขาเรียกว่าหม้อขะโนน เป็นเครื่องปั้นดินเผาสีเหลืองอ่อนแบบทางเมืองเหนือ ยิ่งทางเมืองพม่า ก็ยิ่งมีมาก ใส่น้ำเย็นดี มาร้อนๆ ดื่มเย็นสบาย เก็บความเย็นไว้ได้ดีมาก เป็นหม้อเย็น หรือตู้เย็นแบบไทยๆ ก็ว่าได้ ไม่ต้องเอาไฟฟ้าไปจิ้ม ใช้ธรรมชาติทําความเย็น

ท่านหลวงปู่สําเร็จลุนฉันเสร็จ ท่านจะมาล้างมือที่นั้นนานๆ เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง เข้าใจว่าท่านซ้อมกสิณเอาโปธาตุต่างหาก ทําได้แล้วถ้าไม่ซ้อมไว้ เวลาเอาเข้าจริงทําไม่ได้ก็มี ท่านไม่ประมาทซ้อมไว้เป็นประจํา ท่านไม่อวดเก่ง แต่ท่านก็ไม่ประมาท

◎ กรรมฐานสําเร็จลุน
ด้วยกิตติศัพท์อันเลื่องลือในหมู่บรรพชิตและคฤหัสถ์ของท่านสําเร็จลุน เป็นชั้นบรมครู ทั้งด้านวิทยาคม ด้านสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน อันจะหาใครเสมอเหมือนได้ยาก

หลวงปู่สมเด็จลุน ท่านประจําอยู่ ณ สํานักวัดเวินไซ แห่งเมืองนครจําปาศักดิ์ ประเทศลาว ปัจจุบันมี ชื่อว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว

หากใครต้องการไปศึกษากับท่าน ต้องเดินธุดงค์ไปยังดินแดนแห่งเมืองนักปราชญ์นี้ได้เข้าไปพักปักกลดอยู่ รอบนอกของวัดเวินไซ เพราะมีพระเณรไปพักรอการเรียนกรรมฐาน ซึ่งแต่ละองค์ก็มาจากต่างทิศต่างที่ต่างถิ่นต่างแดนกัน

แต่ละองค์ก็ทยอยกันเข้าไปเรียนโดยมิได้ขาด แต่ละองค์ที่เข้าไปหาท่านบางองค์ก็ทนได้ บางองค์ก็ทนไม่ได้ บางองค์ก็ยังมิได้พูดอะไรกับท่านสําเร็จลุนเลยสักคํา ก็ทนไม่ได้ เปิดแนบไปแล้ว

เนื่องจากกุฏิที่ท่านอยู่ เป็นเพิงหมาแหงนเตี้ยๆ มุงหลังคาด้วยหญ้าคา เวลาจะเข้าไป หาท่านก็ต้องหมอบคลานเข้าไป ถ้าเดินเข้าไปไม่ระวัง โดนกลอนหญ้าคาข้างบนศีรษะถลอกแน่

สําเร็จลุน สอนกรรมฐานทางอ้อมแก่ภิกษุ สามเณรอุบาสก อุบาสิกา กุฏิท่านสําเร็จลุน จะมองไปทางด้านซ้ายมือ ด้านขวามือ จะมีตุ่มมีไหซองเขียวใหญ่ เรียงรายกันเป็นแถวอยู่ทั้งสองด้านสองฝั่งข้าง ยาวตั้งแต่หน้าบันไดเข้าไป จนถึงที่ท่านพำนักอยู่

เมื่อท่านถ่ายมูตรถ่ายคูถ ท่านจะไม่เอาไปทิ้งที่ไหน ท่านจะเอาหยอดใส่ไหใส่ตุ่ม จนทั่วทุกๆ อัน ปล่อยทิ้งไว้ทั้งปี มีพูดกันบางคนเข้าไปหาท่าน ได้กลิ่นเหม็น บางคนเข้าไปหาท่านได้กลิ่นหอม บางคนบอกว่ากลิ่นเหม็นไม่มี กลิ่นหอมก็ไม่มี เฉยๆ ถ้าเฉยๆ หรือ หอมก็เข้าหาท่านได้

ส่วนมากเมื่อใครเข้าไปหาท่าน จะได้กลิ่นเหม็น ทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว ก็ไม่มีใครไล่ หนีกันไปเอง ส่วนผู้ที่ทนกลิ่นเหม็นได้ ก็จะได้เรียนวิชาความรู้จากท่าน เรียนกรรมฐาน กับท่าน

พ่อถ่านเขียวท่านจําความได้ ได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ถามพ่อถ่านเขียวว่า ที่ท่าน สําเร็จลุนท่านทําอย่างนี้หมายความอะไร หมายถึงอะไร ได้รับคําตอบว่า เป็นการทดสอบเข้าเรียนกรรมฐานประตูแรกจะต้องเจอมูตรเจอคูถ เจอกลิ่นหอมกลิ่นเหม็นกันเสียก่อน เมื่อเหล็กทนต่อไฟกล้าได้ มันก็เหมาะสําหรับทํามีด ที่ดีได้ ถ้ากลิ่นหอมกลิ่นเหม็นยังเป็นอุปสรรคกับการฝึกกรรมฐานแล้ว การเรียนการปฏิบัติ ก็คงลําบากปลงไม่ตกนั่นเอง

ให้กรรมฐานก่อนให้ สอนกรรมฐานก่อนสอน
ทดสอบของจริง ท่านเอาภาคปฏิบัติกันเลยทีเดียว อุบายของท่านก็ยังไม่มีใครทํามาก่อน ของอยู่ใกล้ๆ มือ แต่เวลาจะเอาจริง กลับอยู่ห่างมือไปที่เดียว
สําเร็จลุนทักหลวงพ่อโตว่า “ลูกกูมาแล้ว” เป็น หลวงพ่อโตไปปักกลด รอเข้าพบสําเร็จลุนหกวันแล้ว วันที่เจ็ดมีพระเณรเบาบาง กลับไปกันบ้างแล้ว พอพระโตเข้าไปหา สําเร็จลุนพอมองเห็นเท่านั้น ก็ร้องทักด้วยความ ปีติยินดีขึ้นมาว่า “ลูกกูมาแล้ว” “ลูกกูมาแล้ว” “ลูกกูมาแล้ว” “มานี่ลูกมา” “มานี่ลูกมา” “มานี่ลูกมา”

พระเณรในวัดที่เห็นเหตุการณ์ที่ท่านสําเร็จลุนร้องทักพระโต ก็แปลกใจไปตามๆ กัน เพราะไม่เคยเห็นกิริยาอาการของท่านสําเร็จลุนอย่างนี้มาก่อนเลย และก็ไม่เคยเห็นเสียอีก งงไปตามๆ กัน เพราะเห็นท่านทั้งสองทักกันอย่างสนิทสนม เหมือนพ่อกับลูกไม่ได้เห็นหน้า กันมานานแรมปี ย่อมคิดถึงซึ่งกันและกัน แต่พระโตกับท่านสําเร็จลุนนั้น ไม่เคยได้เห็นหรือ ได้เจอหน้ากันมาก่อนเลย เป็นครั้งแรกในชีวิตของท่านทั้งสองเจอกัน

ท่านสําเร็จลุนดูจะมีความสุขเป็นพิเศษเลยทีเดียว ที่ได้เจอลูกศิษย์องค์โปรดของท่าน จัดแจงในตอนเช้าวันนั้น ให้พ่อออก แม่ออก ผู้มีอายุในบ้าน มารับขวัญผูกข้อ ต่อแขน แต่งขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ แพรวา ขันสัมฤทธิ์ ดอกไม้ขาว สีผึ้งบริสุทธิ์หนักเล่มบาท ๙ เล่ม เทียนน้อย คนทวยกันป้าน คนทวยกันแหลม ผลมะเดื่อป่อง ๙ ลูก มะตูม ๙ ผล เงินแก่น ๑ ชั่ง หรือ ๗๕ บาทขึ้นไป มีตํารับตํารา สมุดข่อยก็มี สมุดเขียนด้วยมือก็มี จารก็มี ดูจะเก่าแก่ แล้วท่านสําเร็จลุนก็ประสิทธิ์ประสาทให้จนหมดไส้หมดพุง ทั้งอ้อป่องด้วย ทําพิธีเรียนที่ชายคาร่องน้ำไหลน้ำตกชายกุฏิ (นายจันทร์ ผู้เล่า)

◎ ตําราของสําเร็จลุน
ของสําคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่พ่อใหญ่เปรียงแกบอกว่าหลวงปู่ได้มอบให้ไว้คือ ตําราที่เขียนด้วยหนังสือลาว และหนังสือก้อมปนกันแกเก็บไว้จนใกล้ผุ บางแผ่นกระร่องกระร่องที่ ขาดออกจากกันก็มี ต้องขอสารภาพว่าหนังสือลาวกับหนังสือก้อมนี้ ไม่เคยเรียนมาก่อนจึง ไปวานพ่อหนุ่มที่มาจากราชอาณาจักรลาวมาอ่านให้ฟัง แต่หนังสือก้อมหรือว่าให้ชัดก็คงเป็น หนังสือขอมแกอ่านไม่ได้ เลยไม่รู้เรื่องกันเสียจนได้ อันที่จริงหนังสือคําลาวนั้นถ้าค่อยๆ แกะออกทีละคํา ก็พอจะเข้าใจได้ก็เพราะสระ พยัญชนะก็ไม่ต่างกันเท่าไรกับหนังสือไทย เราจะ แปร่งหูก็แต่สําเนียงอ่านเท่านั้น เขาเขียนตามสําเนียง แต่เห็นว่าถ้าจะไปนั่งแกะกันเอาเอง ก็คงจะกินเวลาหลายวันเห็นจะไม่คุ้มค่า และถ้าแกะออกมาคนสมัยนี้จะสนใจเรียนหนังสือ หรือแต่เอาเถอะผู้เขียนลอกเอามาได้ท่านเรียกว่าคาถาดวงวิเศษ แต่จะใช้ในทางไหนก็เหลือ ปัญญาที่จะบอกได้ จึงเอามาพอไม่ให้เสียสถาบันว่า “เราไปเราเห็นและได้มา” ตอนหนึ่ง ท่านเอาไว้ว่า

ดาว..ดาว นายกองผีน้ำไหลนอง ล้มท่าวผีเฮย ลูกกูนี้ชื่อว่าโคดม อินทร์ พรหม ได้มาน้อม ใต้ผืนแผ่นนางไม้ ชะนีมีความยินดี โสนายมาไม้ไหว้ถวายพรพระพุทธ แก่เหง้า จึงไขปากเจ้าวาจาพระจึงอ่านถาคาดวงวิเศษ จึงเพียงพร้อมในธรรมะ