วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร พระเกจิผู้ที่สืบทอดยันต์เสือหัวขาดอันโด่งดัง

ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

พระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร) ผู้ที่สืบทอดยันต์เสือหัวขาดล่ามโซ่อันโด่งดัง แห่งวัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างมากและยังเป็นพระที่ปฏิบัติดี มีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เช่นอักขระ ยันต์ และวิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น การสักยันต์ ทำตะกรุด ดูดวง ลงทองที่หน้าผาก และเชี่ยวชาญในการเล่นอักขระมากๆ ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยทุกๆวันจะมีลูกศิษย์ลูกหามากราบนมัสการจากที่ต่างๆอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองกับลูกศิษย์คุยสนุกสนานพูดตรงไม่ถือเนื้อถือตัว ใครได้มากราบนมัสการก็จะสัมผัสได้ในความเมตตาของท่านที่มีต่อศิษย์ มีความสุขสบายใจกลับไปทุกราย พุทธคุณของท่านนั้นที่ลูกศิษย์ได้พบเจอกันไม่ว่าใจเป็นในเรื่องของ คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า โชคลาภ เมตามหานิยม มีความศักดิ์ศิษย์ยิ่งนัก

หลวงพ่อท่านเป็นคนวัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นบุตรของ นายเฉลียว และ นางสมจิตร สงปรีดี มีพี่น้อง ๕ คน ท่านเป็นคนที่ ๔ เมื่อวัยเด็กท่านชอบเรื่องของพระมาก และศึกษาการเป็นอยู่ของพระ และเมื่ออายุ ๑๕ ปี นั่งกสินทุกอย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ท่านก็ได้ไปเป็นทหารจนครบ ๒ ปี

เมื่อปลดจากทหารท่านก็ได้บวชเป็นพระเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ ท่านได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.บึงสามพัน ท่านได้ตำราการทำกสินของ หลวงปู่แหวน ที่วัดหินดาดน้อย ท่านจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย อุดร ขอนแก่น ศรีษะเกศ และอีกหลายจังหวัด และเมื่อกลับมาถึงวัดหนามแดง ท่านก็ได้พบเจอกับอาจารย์มานิต อาจารย์มานิตเป็นศิษย์ของอาจารย์ย่ามแดง เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และพระอีก 3 รูป จึงได้เรียนวิชาของหลวงปู่ศุขกับอาจารย์มานิต พระที่เรียนกับอาจารย์มานิต มีหลวงพี่จาบ หลวงพี่ทิพ หลวงพี่เม และท่าน ต่างคนต่างได้วิชาคนละแบบกัน และแล้วท่านต้องสึกจากการบวชเป็นพระเพราะไม่มีใครดูแลแม่ เมือปี ๓๑ เมื่อถึงปี ๓๓ ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง เพราะท่านไม่ชอบชีวิตของการครอง ฆราวาส ชีวิตของท่านจึงหวนคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้ท่านมุ่งมั่นในการปฎิบัติมากขึ้น ในเรื่องของการรื้อภพรื้อชาติ ปลดวิบากกรรมของญาติโยม และเพียรในการฝึกฝนวิชาของหลวงปู่ศุขมากขึ้นจนแตกฉานและเพียรในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านได้เดินทางจากนครสวรรค์ มาที่จังหวัดนครราชสีมาและได้มาอยู่ที่ วัดมิตรภพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ได้ ๔ ปี เจ้าคณะอำเภอได้ส่งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดซับสวอง ต.ขนงพระ เมื่อปี ๔๐ ท่านได้เปิดการสักยันต์ในสายของ หลวงปู่ศุข จนมีลูกศิษย์มากมายและเป็นที่รู้จักของคนใน อำเภอปากช่องและจังหวัดอื่นๆมากมาย ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ ๑๐ ปี ท่านก็ได้ลาออกและเดินทางไปอยู่วัดดอยน้อย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งปี ท่านก็ต้องได้กลับมาอยู่ปากช่องอีกครั้ง เพราะลูกศิษย์ขอให้กลับมา จึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองแก ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทุกวันนี้

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

◉ ประสบการณ์ตอนเดินธุดงค์
การเดินธุดงค์เมื่อปี ๓๐ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ อุทยานน้ำหนาว เมื่อสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบ อยู่เลย ท่านจำได้ว่าตอนเที่ยงวันแทบจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย และอากาศเย็นมากๆ ท่านได้เดินเข้าไปอยู่ในป่าลึกเพื่อฝึกสมาธิให้แกร่งยิ่งขึ้น และขอเรียนวิชากับป่า จนคืนหนึ่งระหว่างที่กำลังปฏิบัติธรรมตามปกติ ในนิมิตมีฤๅษีองค์หนึ่งมาปรากฏและยังมีแนะนำในเรื่องการดูธาตุของคนหรือพูดอีกอย่างก็คือสอนให้ดูดวงนั้นเอง เรียกว่าตรวจดูธาตุสี่ แต่การสอนของท่านๆเป็นการพูดให้ฟังและจำเอาเองจำจดไม่ใช่จดจำเป็นการเรียนในสมาธิเสร็จแล้วจึงออกจากสมาธิมาจดเป็นอักษร ท่านจึงใช้อยู่ทุกวันนี้ ในสถานที่เดียวกันคือ ป่าอุทยานน้ำหนาว ระหว่างการเดินอยู่ในป่า

ท่านก็เดินในตอนกลางวันพอสี่โมงเย็นก็ต้องหาที่พักใหม่ทุกวันระหว่างที่เดินก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเดินตามเสือโคร่งอยู่เห็นรอยเท้าอยู่ทางที่จะลงลำธารเป็นลอยขนาดใหญ่กว่ากำปั้นสักหน่อย ลองเอามือแตะดูยังอุ่นอยู่เลย แต่ท่านต้องเดินทางไปเส้นทางนั้น ท่านจึงเดินข้ามลำธารไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปซัก ๒๐ เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกที ท่านต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ เดินเบื้องหน้าท่านประมาณ ๕๐ เมตร เมื่อตั้งสติได้ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตาให้กับเสือ ไม่น่าเชื่อเสือตัวนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายหายไป ท่านจึงเดินทางต่อไป เมื่อตกตอนเย็นประมาณ ๔ ทุ่ม ท่านก็ปักกรดของท่านและทำกิจกรรมต่างๆ และทำสมาธิเช่นเคย ท่านจะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆติดตัวไปด้วยไว้ทำวัตรสวดมนต์ คืนนั้นท่านก็ทำวัตรสวดมนต์เหมือนเคยและนำพระพุทธมาวางบนแคร่เล็กๆเพี่อสวดมนต์ เมื่อสวดมนต์ก็ทำสมาธิจนดึก ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรลากเข้ามาใกล้กรดเสียงดังแสกๆเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ จึงลืมตาดูในบริเวณที่นอนต้องจุดไฟไว้หนึ่งกองจึงทำให้มองเห็นงูตัวใหญ่มากๆตัวหนึ่ง (ลองกางแขนให้สุดนั้นคือความใหญ่ไม่รวมความยาว) มาหยุดอยู่ตรงเบื่องหน้าพระพุทธรูป และแผ่พังพานโน้มหัวลง ทำความเคารพพระพุทธอยู่ 3 ครั้ง แล้วจึงหันไปโดยรอบ เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งพระท่านปฎิบัติธรรมอยู่ แล้วงูใหญ่ก็เอาหัวลง ที่ข้างหลังงูซิ มีผู้ชายใส่ชุดขาวผมขาวแก่มากเกล้าผมมวยนั้งอยู่บนหลังงู หนวดเครายาวมาก แล้วงูใหญ่ก็เลี้ยวลอดใต้แคร่ ที่วางพระพุทธรูปไปได้ แคร่ตัวนั้นสูงประมาณครึ่งศอก กว้างครึ่งซอกแต่งูใหญ่เลื้อยผ่านไปได้ หน้าประหลาดมาก

พระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)
พระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)

◉ ได้พบหลวงปู่คำคนิง
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร ท่านได้มีโอกาสที่จะเดินธุดงค์เป็นประจำ มีอยู่ปีหนึ่งที่ท่านได้พักอยู่ที่วัดคลองปลัดเปลี่ยง วันหนึ่งขวัญจิต ศรีประจัญ ได้จัดงานทำบุญบ้านหลังใหม่ ที่โยมขวัญจิตได้ซื้อไว้ที่สายบางนา และในวันงานนั้นโยมขวัญจิตได้นิมนต์แต่พระปฏิบัติ มาสวดมนต์หนึ่งในนั้นมีท่านและหลวงพี่หมูอยู่ด้วย เมื่อท่านไปถึงบ้าน โยมขวัญจิตบอกว่าหลวงปู่คำคนิงอยู่บนบ้านที่ห้องพระ ท่านจึงได้ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่ว่าหลวงปู่ท่านทำสมาธิอยู่จึงไม่รบกวน สักพักหลวงปู่ท่านคลายจากสมาธิ ท่านจึงเข้าไปกราบ หลวงปู่คนิง ที่ตัก ซึ่งคำแรกที่ หลวงปู่คำคนิง พูดท่านพูดกับหลวงพ่อไฉนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “รอมานานแล้ว” และหลวงปู่ท่านช้อนมือของท่านขึ้น แล้วบอกว่า “อย่าสึกจากพระนะ จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในทางพระพุทธศาสนา” แล้วหลวงปู่ก็เอามือของท่านมาจับที่ศรีษะของหลวงพ่อไฉนแล้วจึงเป่าวิชาประสิทธิให้ หลวงปู่ท่านบอกว่าสักวันจะรู้เอง สิ่งที่หลวงปู่ให้คือวิชาหรืออะไรสักอย่างที่ได้จากหลวงปู่คำคนิงซึ่งนั่นก็คือวิชาฤษีแปลงสาร

◉ เรื่องเล่า ยันต์เสือหัวขาด
กลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งที่ได้มีวิชาทั้งปล้นฆ่า ข่มขืน ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งมีดปืนผาหน้าไม้ต่างๆ ก็ไม่ระคายผิว จนกระทั่งเมื่อตำรวจจับได้จะต้องประหาร หรือฆ่าโดยจับถ่างขาแล้วเอาไม้แหลมสวนทวารจนตาย พอตำรวจจับโจรกลุ่มนี้ได้นั้น ก็ได้เปิดเสื้อดูที่หน้าอก ปรากฏว่าก็ได้พบลายสักแบบนี้เหมือนกันหมดก็คือ ลายสักเสือหัวขาด

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
ยันต์เสือหัวขาด หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
ยันต์เสือหัวขาด หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร

ปรากฏโจรชุกชุม และเมื่อถูกจับได้ ทำการทำโทษ หรือประหารไม่ได้ เพราะอาวุธพวกนี้ไม่ระคายผิว ทำให้ตำรวจต้องเอ่ยปากให้หาตัวคนที่สักยันต์เสือหัวขาดนี้ให้ได้ และปรากฏพบผู้ที่สักยันต์ลายเสือหัวขาดนี้เป็นหลวงปู่เจ้าอาวาสวัดเขานางนม อ.พนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ตำรวจจึงได้ขอให้ท่านนั้นเลิกสัก จนมีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อไฉน ท่านได้เดินทางไปที่จังหวัดชลบุรี มีชาวบ้านได้เล่าเรื่องราวถึงลายสักของหลวงปู่ท่านนี้ เมื่อหลวงพ่อได้ฟัง หลวงพ่อท่านจึงเดินทางไปกราบท่าน และขอเรียนวิชากับท่านที่วัดเขานางนม พอไปถึงพระลูกวัดก็บอกท่านว่า หลวงปู่ท่านอยู่ข้างบนศาลา

สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ พอหลวงพ่อท่านได้ขึ้นไปกราบ ก็ไม่พบหลวงปู่ท่านจึงลงมาถามพระลูกวัดอีกครั้ง พระลูกวัดก็บอกว่าหลวงปู่นั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ ท่านจึงกลับขึ้นไปอีกครั้ง ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านนั่งยิ้มให้หลวงพ่อท่านนั่งกำบังตัวอยู่ ตั้งแต่ตอนแรกหลวงพ่อจึงเข้าไปกราบและขอเรียนวิชานี้ ทีแรกนั้นหลวงปู่ท่านจะไม่สอนให้

เพราะเห็นว่าลูกศิษย์ที่สักไปเป็นเสือเป็นโจรกันหมด

โดยปัญญาที่เฉียบแหลมของ หลวงพ่อไฉน นั้นท่านจึงได้คิดที่จะตั้งเป็นหลักที่ปักไว้ที่ธรณี ล่ามโซ่เสือหัวขาดไว้

ซึ่งหมายถึง ไม่ทำใครก่อน แต่ใครอย่ามาทำเราก่อน หลวงปู่ท่านจึงสอนให้ เพราะต้นฉบับนั้นเสือหัวขาดจะไม่มีหลักมาปักและล่ามโซ่ไว้ และลายสักเสือหัวขาดนี้เป็นรายแรกที่หลวงพ่อท่านได้เปิดสักในอำเภอปากช่อง และมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะมาก

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร ได้เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีความเมตตาต่อศิษย์เป็นอย่างมากและยังเป็นพระที่ปฏิบัติดีมีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

◉ ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว
ทุกวันนี้จึงถือว่าหลวงพ่อไฉนเป็นพระผู้สืบทอด “ลายสักเสือหัวขาด” เพียงผู้เดียวที่สืบทอดวิชามาจากหลวงพ่อวิชิต สิริภัทโทฟัน ยิงไม่เข้า ไม่ระคายผิว คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ เมตตามหานิยม

อย่างไรก็ตาม การสักยันต์ ให้คุณหากผู้สักนำไปทำเรื่องดีก็ย่อมส่งผลดีต่อตัวผู้สัก แต่หากสักไปแล้วแกร่งกล้าท้าประลองไปทั่ว แน่นอน ย่อมได้รับผลร้ายเช่นกัน

◉ วัตถุมงคล
เหรียญรุ่นแรก วัดหนองแก เป็นเหรียญรุ่นแรก ที่ หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร มีดำหริต้องใจจัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓ หลังจากท่านเดินธุดงและศึกษาสรรพวิชาอาคม ในป่าเขาลำเนาไพรเป็นเวลาช้านานหลายปี ท่านจึงอยากทำเหรียญซึ่งเป็นตัวแทนของท่าน ขึ้นครั้งแรกเพื่อเป็นการประกาศเกียรติศัพท์ของท่าน ทั่งวิชาเสือสมิงวิขาเสือหัวขาด ที่ท่านได้ร่ำเรียนกับพระอาจารย์วิชิต เหรียญรุ่นแรกของท่านได้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓ ณ วัดหนองแก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปลุกเสกตลอดไตรมาส ท่าน ปลุกเสกวันละ ๓ ครั้ง คือตอนตื่นมาตี ๔ ถึงตี ๕ และท่านก็ออกบิณฑบาต และก็เที่ยงวันถึงบ่ายสอง และตอนเย็นหลังทำวัตรเย็นจนถึงสองทุ่มเป็นเวลา ๓-๔ เดือนตลอดทั้งไตรมาส ด้วยความตั้วใจและตั้งมั่นว่าเหรีญนี้เป็นหน้าท่านเป็นรูปท่านต้องทำให้ดีเพื่อเป็นการประกาศศักดาของวิชาท่านที่ร่ำเรียนมาทั้งหมด ชาวบ้านและลูกศิษย์ต่างจังหวัดต่างมาบูชาไปและไปเกิดประสบการณ์จนหลวงพ่อมีชื่อเสียง ทั้งไปโดนยิงยิงไม่โดน ไปโดนเขาตีตีไม่แตก ทั้งค้าขายดี มีเรื่องราวและประสบการณ์จนหนาหูจนทุกคนได้รู้จัก หลวงพ่อไฉน ฉันทสาโร รุ่นแรก ยังไงก็คือรุ่นแรกศักดิ์ศรีเขามีในตัว

เหรียญรุ่นแรก รุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดหนองแก
เหรียญรุ่นแรก รุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดหนองแก

◉ ประสบการณ์ เหรียญ รุ่น ๑ ปี พ.ศ.๒๕๕๓ (วัดหนองแก จ.นครราชศรีมา)
คุณบุญเพ็ง เกษร อายุ ๕๘ ปี ทำงานชลประทานที่ขอนแก่น เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ได้ไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นครั้งที่ ๖๐ ของตนเอง ปกติไปบริจาคเลือดทุกๆครั้งจะแขวนพระไปเป็นพวงๆเต็มคอก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไรอยู่คุณบุญเพ็งก็ถอดพระที่เป็นพวงๆ ไว้แล้วก็แขวนแต่เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อไฉน เนื้อนวะ ไปองค์เดียวเพราะตนเองเพิ่งได้รับพระหลังจากที่จองกับทางวัดได้ไม่กี่วันก็เลยลองเอาขึ้นคอดูไม่ได้คิดอะไร แต่พอถึงตอนบริจาคเลือดก็นอนให้หมอเอาเข็มแทงที่แขนปกติอยู่หลายครั้งก็ผิดสังเกตุที่ว่าทำไมแทงไม่เสร็จสักที่เลยหันไปถามว่า “เข็มไม่แหลมหรอ” หมอหันมาตอบว่านี้เข็มใหม่เลยนะค่ะคุณลุงก็แทงอีก ๓-๔ ทีก็ผิดสังเกตุ หมอเลยหันไปถามว่าคุณลุงมีของดีอะไรหรือป่าวแขวนพระอะไรหรอถอดออกก่อนได้ไหมค่ะ คุณบุญเพ็งเลยตกใจนึกได้ว่าแขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อไฉนที่เพิ่งจองจากวัดมาจึงตัดสินใจจับเหรียญแล้วอาราธนาขึ้นหัวพูดว่า “หลวงพ่อครับผมมาบริจาคเลือดมาช่วยเหลือคน มาทำความดีผมไม่ได้มาลองของนะครับหลวงพ่อ ให้เข้าเอาเลือดผมไปเถอะครับ” จากนั้นหมอเลยแทงเข็มอีกทีปรากฎว่าแค่ทีเดียวเท่านั้นก็แทงเข้าปกติไม่มีอะไรแล้วก็บริจาคเลือดได้ปกติ เรื่องนี้ทำเอาคุณบุญเพ็งถึงกับงงมากๆ และขนลุกเลย เพราะว่าทุกๆครั้งที่มาบริจาคก็แขวนพระมาเป็นพวงๆ เต็มคอไปหมดก็ไม่เป็นอะไรแต่ครั้งนี้แปลกมากๆ แขวนหลวงพ่อไฉนมาเพียงองค์เดียว คุณบุญเพ็งบอกว่ามีโอกาสต้องไปกราบ หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดหนองแก ด้วยตนเองให้ได้เลยครับ

พระกริ่งเสือโซ่ขาด เนื้อปลอกลูกปืน หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
พระกริ่งเสือโซ่ขาด เนื้อปลอกลูกปืน หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญยางตัน หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญยางตัน หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญหล่อโบราณ เสือหัวขาด หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญหล่อโบราณ เสือหัวขาด หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญเสือหัวขาด รุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญเสือหัวขาด รุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญตะกั่วแจกผู้ช่วยงาน รุ่นเมตตาณัง หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
เหรียญตะกั่วแจกผู้ช่วยงาน รุ่นเมตตาณัง หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร

หลวงพ่อท่านเคยบอกว่าอยากให้วัตถุมงคลที่ท่านเสกมีฤทธิ์มากๆ ท่านให้ลองกำที่วัตถุมงคล ให้ภาวนาแค่ จะพะกะสะ พะกะสะจะ จะเป็นการเสริมฤทธิ์ในวัตถุมงคลที่ท่านเสก เพราะท่านจะเน้นเกี่ยวกับธาตุมาก ธาตุเป็นดั่งกำลังของฤทธิ์ ให้หมั่นภาวนานกำไว้มั่นๆ และท่านจะรู้เอง

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น

ปัจจุบัน พระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร) ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดสังฆปรีดี อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น และในวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๖ ท่านมีอายุวัฒนมงคลครบ ๖ รอบ ๖๑ ปี