ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อเพ่ง สาสโน
วัดละหารใหญ่
อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
หลวงพ่อเพ่ง สาสโน วัดละหารใหญ่ พระเกจิอาจารย์ผู้มีพลังจิตสูงส่ง สหธรรมมิกหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อเพ่ง สาสโน เกิดในตระกูลแก้วสว่าง ชาวบ้านตาสิทธิ์ (หมู่ ๗ ตำบลหนองละลอก ปัจจุบัน) ท่านเขียนประวัติไว้ว่า ท่านเป็นมหาดเล็กของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ตามเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พร้อมกับกรมหลวงฯ ต่อมาได้ทูลลาเจ้านายของท่านออกบวชเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านโพ อำเภอพระราชวังบางปะอินทร์ จังหวัดอยุธยา และออกมาเยี่ยมญาติที่จังหวัดระยอง และมาพำนักที่วัดละหารใหญ่
เมื่อเจ้าอาวาสได้ว่างลง พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ (หลวงพ่อวงษ์) เจ้าคณะแขวงบ้านค่าย ได้ตั้งให้พระภิกษุเพ่ง สาสโน รั้งเจ้าอาวาส ต่อมาท่านเจ้าคุณพระพิศาล อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ได้มารับหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดระยอง จัดการแต่งตั้งให้เป็นพระอธิการเพ่ง สาสโน เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๘ – ๒๕๐๑
หลวงพ่อเพ่ง สาสโน ท่านพัฒนาวัดควบคู่กับการตั้งโรงเรียนประชาบาลสอนนักเรียนในละแวกนั้น เพราะท่านเป็นพระที่มีความรู้แตกฉาน ทั้งภาษาไทย ภาษาขอมโบราณ เป็นพระที่มีความรู้ดี ประสบการณ์ดี ไม่เคยอวดดี แต่ใครอย่ามาลองดี ท่านมีดีให้ดู ดังเช่น ครูวาว, บุญปลื้ม, ครูประชาบาล วัดไร่ มาถามหลวงพ่อเพ่งว่า หลวงพ่อใครว่าหลวงพ่อมีดี ผมไม่เห็นมีอะไร หลวงพ่อเพ่งไม่ว่าอะไร ท่านเขียนอักษรขอมคำว่า “เฑาะ” แล้วส่งให้ครูวาว เอาไปยิงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่อยู่ในวันนั้น ปรากฏว่า “ยิงไม่ออก” จากนั้นมามีคนที่มีลูกหลานถูกเกณฑ์ ไปเป็นทหาร (เดิมเรียกว่าลูกหมู่) จะนำแผ่นทองแดง อลูมิเนียม (ฝาหม้อ ฝาบาตรที่ชำรุด) มาให้หลวงพ่อเพ่งทำตะกรุดนำติดตัวไปด้วย
◉ มรณภาพ
หลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ ท่านมรณภาพลง เมื่อ ปี พ.ศ.๒๕๐๒ เมื่อทายกทายิกา ประกอบพิธีประชุมเพลิง (เผา) สัปเหร่อทำพิธีเผา อย่างไรก็ไหม้ไม่หมด ต้องนิมนต์ หลวงปู่ทิม ทำน้ำมนต์รด และประกอบพิธีให้จึงเผาได้ พุทธาคม ที่หลวงพ่อเพ่งได้ศึกษาไว้ นอกจากของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าแล้ว ยังศึกษาตำราคู่วัด ซึ่งตำราดังกล่าว ท่านได้ครอบครูและมอบให้ พระครูสุภัททาจารคุณ (หลวงพ่อสิน) เจ้าอาวาส วัดละหารใหญ่ รูปปัจจุบัน ศึกษาและเก็บไว้ตนถึงปัจจุบันนี้
“อิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อเพ่ง, เมตตามหานิยม หลวงพ่อทาบ, อาคม หลวงปู่ทิม”
วลีสามประโยคนี้เป็นคำกล่าวของชาวระยองเมื่อเอ่ยถึงหลวงพ่อเพ่ง, หลวงพ่อทาบ และหลวงพ่อทิม ภายหลังจากที่หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย, หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก และหลวงพ่อกาจ ได้มรณภาพแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์อันเด่นชัดของพระเกจิอาจารย์แต่ละรูปว่าโดดเด่นไปคนละทาง หลวงพ่อเพ่งนั้น โดดเด่นทางอิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อทาบนั้น โดดเด่นทางเมตตามหานิยม ส่วนหลวงปู่ทิมนั้น โดดเด่นเรื่องคาถาอาคม ทั้งสามท่านมีอายุไล่เลี่ยกัน โดยหลวงพ่อทาบแก่กว่าหลวงพ่อทิม ๒ ปี ส่วนหลวงปู่ทิมและหลวงพ่อเพ่งมีอายุเท่ากันเพราะไล่ทหารปีเดียวกัน
◉ อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง
หลวงพ่อเพ่ง ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์รูปนี้อดีตเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดระยอง อยู่คนละฟากแม่น้ำบ้านค่ายกับวัดละหารไร่ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงพ่อเพ่ง สมัยเป็นทหารเรือ ท่านเคยเป็นบ๋อย (มาจาก Boy ใช้เป็นศัพท์สแลงแปลว่า คนรับใช้) ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาของทหารเรือไทย
พระอาจารย์สิน เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทิมได้เล่าว่า หลวงพ่อนั้นท่านเป็นคนหัวดี สมองไว เก่งทางเลขผานาที การคำนวณ และเก่งทางหนังสือหนังหา เมื่อถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือจึงได้รับคัดเลือกให้ไปรับใช้ใกล้ชิดเสด็จเตี่ยหรือกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในยุดนั้น หลวงพ่อเพ่ง เป็นผู้ที่ใฝ่ใจทางวิทยาอาคม เมื่อมีโอกาสจึงติดตามเสด็จในกรมไปเล่าเรียนวิทยาอาคมต่างๆ ด้วย
เมื่อครบกำหนดการเป็นทหารซึ่งในสมัยนั้นใช้เวลา ๓ ~ ๔ ปี ท่านก็กลับมาบ้านเกิดของท่านโดยบวชเป็นพระภิกษุมาแล้ว และมาจำพรรษาอยู่วัดละหารใหญ่ เจ้าอาวาสองค์ก่อนจึงขอให้หลวงพ่อเพ่งสอนหนังสือแก่กุลบุตรกุลธิดาแถววัดละหารใหญ่และวัดละหารไร่ นั่นเอง
หลวงพ่อสิน ยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากนั้นก็มีพวกเจ้าขุนมูลนายจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อเพ่งเป็นประจำ และมาอยู่ค้างที่วัดละหารใหญ่ครั้งละหลายๆ วัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าหลวงพ่อเพ่งมีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันเป็นเอกนั้น ก็เพราะวันหนึ่งขณะที่พวกชาวบ้านกำลังเอามีดผ่าไม้รวกอยู่ หลวงพ่อเพ่งมาเห็นเข้าบอกว่า “ผ่าด้วยมีดมันช้า” ว่าแล้วท่านก็เอามือผ่าลำไม้รวกซึ่งผิวของมันคมกริบปานคมมีดโกน แต่ท่านใช้มือผ่าไม้รวกให้ชาวบ้านดูอย่างหน้าตาเฉย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนก็ไปขอของดีจากท่านมิได้ขาด บางครั้งขณะที่ท่านกำลังสอนหนังสือเด็กก็มีคนไปรอเพื่อขอให้ลงตะกรุดให้ ผู้เฒ่าผู้แก่แถวๆ วัดละหารไร่เล่าว่า เมื่อชาวบ้านหยิบเอาวัสดุที่เตรียมมาซึ่งมีทั้งแผ่นทองเหลือง แผ่นหม้ออลูมิเนียมตัดเป็นแผ่นๆ มาให้ท่าน หลวงพ่อเพ่งท่านจะหยิบแผ่นโลหะนั้นมาจารอักขระลงไปในแผ่นเพียงตัวเดียว คือ ตัวเฑาะว์มหาพรหม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ตัวเฑาะว์ใหญ่” จารเสร็จแล้วท่านก็ม้วนเป็นตะกรุด ยกขึ้นจบเหนือศีรษะ แล้วส่งให้ผู้ขอเลย โดยไม่เห็นท่านปลุกเสกอะไร
แรกๆ ชาวบ้านไม่แน่ใจก็ลองเอาตะกรุดนั้นวางบนตอไม้ แล้วใช้ปืนยิงลองดู ปรากฏว่า นัดแรกดัง “แชะ” ด้านทุกราย ส่วนนัดที่สองด้านบ้าง ยิงออกแต่ไม่ถูกบ้าง บางครั้งมีคนมาขอตะกรุดแต่ไม่มีโลหะมาให้ท่านลง ท่านก็บอกว่ามึงเอาซองห่อยากาแรตนั้นแหละมาลง ปรากฏว่า กระดาษอลูมิเนียมชนิดบางที่ใช้ห่อบุหรี่ตราฆ้องสมัยนั้น ก็กลายเป็นตะกรุดไปอย่างวิเศษก็มี หลวงพ่อเพ่ง ท่านไม่ได้สร้างพระเครื่องอะไรทั้งสิ้นนอกจากตะกรุดอย่างเดียว
ปัจจุบันชาวบ้านแถบนั้นจึงหวงตะกรุดหลวงพ่อเพ่งมากกว่าตะกรุดของหลวงพ่อทิมเสียอีก
อีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงถึงอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง ให้เป็นที่ประจักษ์ คือ เมื่อวัดละหารใหญ่มีงาน ชาวบ้านก็ล้างจานชามกันที่สระน้ำหน้าวัดทีละใบๆ หลวงพ่อเพ่ง ท่านมาเห็นเข้าท่านจึงบอกว่า “ล้างแบบนี้ช้าไป เอาใส่แข่งเขย่าเลย” ชาวบ้านก็ทำตามท่าน ถ้วยชามที่เป็นแก้วเป็นกระเบื้องก็ไม่แตก เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ
อาคมหลวงปู่ทิม ในยุคที่หลวงพ่อเพ่ง ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่อยู่นั้น หลวงพ่อทิมยังเป็นเพียงพระหมอยาเท่านั้น ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็พากันไปหาหลวงพ่อทิม แต่ถ้าจะเอาเรื่อง คงกระพัน ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า ก็ต้องไปหาหลวงพ่อเพ่ง แต่ทั้งหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทาบนั้น ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ว่าด้านคงกระพันหรือเมตตามหานิยมนั้น หลวงพ่อทิมก็ไม่เป็นสองรองทั้งสองรูป แต่หลวงพ่อทิมท่านเป็นพระสำรวมนอบน้อมถ่อมตนจึงเก็บงำไม่ยอมสำแดงออก ก่อนที่หลวงพ่อเพ่งจะมรณภาพ ท่านสั่งลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ว่า เมื่อท่านตายแล้วและศพท่านเผาไม่ไหม้ก็ให้คนไปตามท่านทิมมาช่วยเผา และก็เป็นไปตามคำที่หลวงพ่อเพ่งสั่งไว้
◉ ปาฏิหาริย์หลวงปู่เพ่ง
เมื่อตอนที่อยู่รับใช้หลวงปู่ทิมนั้น อยู่มาวันหนึ่งหลวงปู่ทิม ท่านเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า หลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ เป็นเพื่อนกับนี่เคยเป็นทหารเรือมาด้วยกัน หลวงพ่อเพ่งเขาเก่งมากนี่ยังสู้ไม่ได้ จิตท่านไวมากลงของได้รวดเร็ว เสกแค่อึดใจเดียวก็ยิงไม่ออก แต่ถ้าเป็นตัวนี่ต้องเสกถึง ๗ วัน จึงจะมั่นใจ
หลวงพ่อสาคร เองก็เคยได้ยินชื่อเสียงหลวงพ่อเพ่งมาบ้างเหมือนกัน แต่พอได้ยินหลวงปู่ทิมท่านรับรองถึงขนาดนี้ก็อยากจะไปทดสอบดู คิดว่าหากมีโอกาสก็จะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอศึกษาด้วยเลย ท่านจึงหาผ้าเช็ดหน้าเพื่อนำไปให้หลวงพ่อเพ่งท่านลงเป็นผ้าประจียดจะได้นำมาใช้ติดตัว พอไปถึงวัดละหารใหญ่เห็นหลวงพ่อเพ่งกำลังนั่งโขกหมากรุกอยู่กับพระในวัด ท่านก็นั่งคอยให้หลวงปู่เพ่งเล่นให้จบกระดานก่อนและเข้าไปกราบและบอกกับหลวงพ่อเพ่งว่า ผมเอาผ้าเช็ดหน้ามาฝากให้หลวงพ่อลงเป็นคงกระพันชาตรีหรือแล้วแต่หลวงพ่อจะลงให้ อีก ๗ วัน จึงจะมารับ
หลวงพ่อเพ่ง ได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า ไม่ต้องๆ เอาไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วท่านก็หยิบจีวรมาพาดบ่า หยิบดินสอลงยันต์ตัว เฑาะว์ ตัวเดียวและกลั้นใจเป่าไปที่ผ้าเช็ดหน้า แล้วส่งให้ เอ้า…เสร็จแล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อสาครก็ถึงกับนั่งงงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่หลวงพ่อเพ่งส่งคืนและนึกในใจว่า สงสัยหลวงพ่อเพ่งจะเล่นตลกเสียแล้ว หลวงพ่ออื่นๆ เขาเสกกันเป็นวันๆ บางองค์เสกถึง ๗ วัน จึงจะใช้ได้ แต่นี่อะไรเสกแค่อึดใจเดียวจะใช้ได้ยังไง ? แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็หยิบผ้ายันต์มาดูอีกทีและก็รู้สึกอยากลอง ท่านจึงหยิบข้าวเปลือกมาเม็ดหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าที่หลวงพ่อเพ่งลงให้ ถอนอาคมเก่าของตัวเองออกก่อนแล้วเพื่อจะรู้ได้ชัดเจนเลยว่าเหนียวเพราะผ้าเช็ดหน้าของหลวงพ่อเพ่งหรือเปล่า
ท่านอาราธนาเพื่อทดลองขอดูความศักดิ์สิทธิ์แล้วท่านก็กำผ้าเช็ดหน้าไว้แล้วใช้เม็ดข้าวเปลือกกรีดลงบนแขนที่กำผ้าเช็ดหน้าไว้ ปรากฏว่าข้าวเปลือกไม่สามารถกรีดเข้าไปในผิวหนังได้ ยังไม่สิ้นสงสัยท่านลองกดข้าวเปลือกให้ลึกกว่าเดิมแล้วกรีดเต็มที่ก็ไม่ระคายผิวหนังอีก ภายหลังท่านก็เอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไปทดลองยิงด้วยปืนปรากฏว่ายิงไม่ออก ท่านยอมรับนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเพ่ง “หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง”
◉ ด้านวัตถุมงคล
๑.เหรียญหลวงพ่อเพ่ง พิมพ์หลังยันต์ใหญ่ วัดละหารใหญ่ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ (หลวงปู่ทิม ปลุกเสก)
๒.เหรียญหลวงพ่อเพ่ง พิมพ์หลังยันต์เล็ก วัดละหารใหญ่ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ (หลวงปู่ทิม ปลุกเสก)
๓.เหรียญหลวงพ่อเพ่ง พิมพ์หลังยันต์เล็กสร้างเสริม วัดละหารใหญ่ ปี พ.ศ.๒๕๒๐ (หลวงพ่อชื่น ปลุกเสก)