ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
หลวงพ่อเงิน ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีข้อวัตรปฏิบัติ ธรรมอย่างเคร่งครัดมาก
ท่านถือหลักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงมากในอดีต เป็นที่เลื่อมใสของพระเถระระดับสูง จนถึงเจ้าฟ้าผู้ยิ่งยงในอดีต
คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ศิษย์เอกของ หลวงปู่ศุข ปัชโชโต วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทรงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ท่านเป็นพระเถระที่ทรงไว้ซึ่งความอัศจรรย์ สําเร็จอภิญญาญาณขั้นสูง มีอิทธิฤทธิ์อัศจรรย์เป็นที่เลื่องลือ
สมัยที่ประเทศไทยถูกภัยสงครามจากชนต่างชาติเข้ามารุกราน สงครามเกิดขึ้นที่ใด ก็ ย่อมหมายถึงความพินาศทั้งชีวิต และทรัพย์สิน
แต่เมืองไทยมีบุญกุศลอยู่บ้าง จึงไม่ถึงกับย่อยยับดับกับประเทศอื่นๆ
ด้วยประเทศไทยมีหลักของน้ําใจที่มั่นคงถาวรยิ่งอันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ในฐานะของพระภิกษุสงฆ์มีวิชาสามารถพอจะช่วยเหลือโดยทางอ้อม
จึงปรากฏหลักฐานและผลงานอันน่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการหาสิ่งอันเป็นมงคลนําไปจ่ายแจกแก่บรรดาทหารหาญของชาติ จนปรากฏความอัศจรรย์อย่างมากมาย
เราในฐานะรุ่นหลังที่ได้ยังประโยชน์ความสงบสุขด้วยกําลังแห่งบรรพบุรุษท่าน ก็ควรจารึก ตรึงจิตใจไว้ว่า
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๕ ปีวอก
ท่านเป็นชาวบางคลาน จังหวัดพิจิตร บิดาชื่อ อู่ มารดาชื่อ ฟัก
เมื่ออายุได้ ๓ ขวบ (พ.ศ. ๒๓๕๘) คุณลุงของท่านได้นําเข้ามายังกรุงเทพฯ แล้วได้ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดชนะสงคราม (ตองปุ)
พ.ศ. ๒๔๖๗ ได้บรรพชาเป็นสามเณร ขณะนั้นอายุได้ ๑๒ ปี
อายุครบบวชก็ได้อุปสมบท ที่วัดชนะสงคราม และจําพรรษาอยู่นั้น
หลวงพ่อเงินได้ศึกษาปฏิบัติธรรมวินัย ทั้งยังได้เพียรภาวนาทางด้านสมถกรรมฐานและวิปัสสนา กรรมฐานพรรษา
หลังจากนั้นได้มาจําพรรษา โดยการนิมนต์ของคณะญาติโยมที่วัดบางคลาน (คงคาราม)
หลวงพ่ออยู่จําพรรษาได้ หนึ่งพรรษาก็ต้องย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านวังตะโก ด้วยสาเหตุว่า
“หลวงพ่อเงิน ท่านเป็นพระที่ชอบความสงบ เมื่อมีเสียงจากญาติโยมดังมาก เป็นผลเสียทางใจ ท่านจึงย้ายไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ํายม
ในครั้งนั้นท่านได้มาอยู่ ณ สํานักสงฆ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งสถานที่ที่ท่านได้ย้ายไปอยู่นั้น ท่านหลวงพ่อเงินได้รีบเร่งบําเพ็ญธรรมอย่างเคร่งครัด
นับได้ว่าผลแห่งการเจริญ สมาธิภาวนาได้รับผลทางใจอย่างมากมายนัก
จากกุฏิเล็กๆ ที่สร้างด้วยไม้ไผ่หลังคามุงแฝก จนเป็นวัดใหญ่ถาวร สร้างด้วยไม้สักมุงหลังคากระเบื้อง มีศาลา มีวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ
ศิษย์สําคัญถ้าจะนํามาเล่านี้ก็เป็นศิษย์ฝ่ายฆราวาสเจ้านายระดับสูง คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
โดยในขณะนั้นท่านกําลังแสวงหาความรู้ในศาสตร์ลี้ลับ จึงได้เข้ากราบเรียนถาม หลวงปู่ศุข พระอาจารย์ของพระองค์ท่านว่า
“ยังจะมีพระสงฆ์ที่เก่งกล้าอีกไหม?”
ดังนั้นหลวงปู่ศุขจึงได้ทูลไปว่า…
“ยังมีพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งชื่อ หลวงพ่อเงิน ท่านอยู่ที่บางคลาน จังหวัดพิจิตร”
เมื่อได้รับแจ้งความจริงเช่นนั้น พระองค์ท่านก็ได้เดินทางไป วัดบางคลานโดยทางเรือ
ที่วัดบางคลาน กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ศึกษาอยู่กับหลวงพ่อเงินเป็นเวลา ๒๐ วันเศษ
ตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ หลวงพ่อเงินจะไม่ยอมไปไหน ท่านจะอยู่ควบคุมด้วยกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ท่านเคยปรารภอยู่เสมอว่า
“การศึกษากรรมฐานควรทําให้แจ้งและถูกต้องตามหลักธรรมวินัย เพราะเมื่อคิดผิด สอนผิด พิจารณาด้วยสัญญาผิดๆ ก็จะทําให้เสียเวลา ทั้งยังเป็นผู้ทําลายคําสอนของพระพุทธเจ้าอีกด้วย
ดังนั้นท่านจึงต้องควบคุมอย่างเคร่งครัดเอาจริง นั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ํา จนสว่างเช้า
ส่วนทางด้านกสิณนั้น หลวงพ่อเงินมีความชํานาญมากที่สุด หลังจากศึกษาพอสมควรก็ได้เสด็จกลับ”
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ท่านเป็นพระที่ทรงคุณธรรม อันวิสัยจิตนั้นท่านศรัทธาในความสงบ ประสงค์แต่การบําเพ็ญทาน ศีล ภาวนา
ท่านมีจิตใจนิยมในหลักปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน เคยออกป่าดงพงไพร กว่าจะได้มาซึ่งความ เป็นจริงในธรรมะนั้น ก็ต้องออกเสี่ยงภัยอย่างมากมายเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้หลวงพ่อเงิน จะมีความสามารถมากหลาย แต่ก็หนีสังขารอันไม่เที่ยงนี้ไปไม่ได้
หลวงพ่อเงิน ท่านมีโรค ประจําตัวอยู่อย่างหนึ่งคือโรคริดสีดวงทวาร ยามชราภาพโรค ภัยก็ยิ่งคุกคามอย่างหนัก
ก่อนมรณภาพท่านพูดเสมอว่า
“กรรมเก่าของเราเคยทําไว้อย่างไร ก็ตายด้วยโรคเก่านั้น”
หลวงพ่อเงินมรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ ปีมะแม สิริรวมอายุได้ ๑๐๗ ปี