วันศุกร์, 25 ตุลาคม 2567

หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ จังหวัดศรีสะเกษ

ประวัติ อภินิหาร และวัตถุมงคล
หลวงพ่ออ้วน โสภโณ

วัดบ้านโนนค้อ
อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ

หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ


พระครูโสภณคุณากร หรือ หลวงพ่ออ้วน โสภโณ พระเกจิชื่อดังจังหวัดศรีสะเกษ ในยุคกึ่งพุทธกาล ยุคเดียวกับหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์เหนือ อำเภอขุขันธ์จังหวัดศรีสะเกษ และ หลวงพ่ออ่อน วัดเพียมาตร อำเภอราษีไศลจังหวัดศรีสะเกษ ท่านทั้งสามเป็นสหมิกธรรมกัน

ชาติภูมิ

ท่านพระครูโสภณคุณากร (หลวงพ่ออ้วน โสภโณ) เกิดในสกุล สืบวงศ์ มีนามเดิมว่า อ้วน สืบวงศ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ ตรงกับแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๕ ปีเถาะ ณ บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ที่ ๑ บ้านโนนสังข์ ต.โนนสังข์ อ.กันทรารมย์จ.ศรีสะเกษ

บิดาชื่อ คุณพ่อจูม สืบวงศ์ มารดาชื่อ คุณแม่ทุม สืบวงศ์

มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๕ คน คือ
๑. นายสม สืบวงศ์ (พ่อของพระปลัดบัวหล้า คัมภีรปัญโญ)
๒. พระครูโสภณคุณากร (หลวงพ่ออ้วน โสภโณ )
๓. นายอุ้ยสืบวงศ์ (พ่อของจารย์ครูทัด สืบวงศ์ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อ )
๔. แม่นาง สืบวงศ์ (แม่ของจารย์ครูคำบุ ส่งเสริม )
๕. นายหล้า สืบวงศ์ (เสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน )

บรรพชา

ท่านได้บรรพชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๐ ตรงกับแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๓ ปีมะแม ณ วัดโพนทราย ต.หนองบัว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ

โดยมี เจ้าอธิการสุวัณณีกัลยาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์

พระครูโสภณคุณากร หลวงพ่ออ้วน โสภโณ ณ วัดโนนค้อ ต.โนนคูณ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ


อุปสมบท

ท่านได้อุปสมบทเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๔๕๓ ตรงกับขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๓ ปีจอ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีเวลา ๑๔.๐๐ น. ณ วัดโพนทราย ต.หนองบัว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยมี เจ้าอธิการสุวัณณี กัลยาโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระลุน ธัมมวโร เป็นพระกรรมวาจารย์ พระโฮม วรธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากท่านได้อุปสมบทแล้ว ท่านแสวงหาความรู้ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านพระธรรมวินัย และ ท่านจะไปศึกษาตามสำนักใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงและมีครูบาอาจารย์ที่เคร่งครัดในด้านพระธรรมวินัยดังต่อไปนี้

ปี พ.ศ. ๒๔๕๖ ท่านได้ย้ายไปเรียนหนังสือมูลกัจจายน์คัมภีร์ทั้ง ๕ (เป็นหลักสูตรของโบราณอีสาน) อยู่ที่วัดบ้านยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี กับท่านธรรมบาล ซึ่งท่านธรรมบาลเป็นอาจารย์ใหญ่ สายสำเร็จลุน ที่สำนักนี้เป็นสำนักที่ใหญ่มาก และ มีพระภิกษุสามเณรไปทุกสารทิศเพื่อศึกษาที่สำนักนี้

ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ท่านได้ย้ายกลับมาสังกัดวัดโนนสังข์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านแสงใหญ่ ต.หนองแวง อ.กันทรารมย์จ.ศรีสะเกษ เพื่อเรียนวาดลวดลายผ้าพระเวสสันดร กับพระอาจารย์โท เป็นเวลา ๑ ปี เมื่อท่านฝึกการวาดได้อย่างสวยงามจนเป็นที่พอใจของพระอาจารย์โทท่านจึงย้ายกลับวัดโนนสังข์

ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ท่านได้ย้ายไปสังกัดวัดบ้านหนองดินดำ ต.บกอ.กันทรารมย์ (ปัจจุบัน อ.โนนคูณ จ.ศรีษะเกษ) คนเฒ่าคนแก่เคยเล่าขานกันมาว่าตั้งแต่ท่านได้ย้ายมาอยู่วัดนี้ได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ คือ ใต้ที่นอนของท่านได้เกิดดินประสิวที่เอามาทำบั้งไฟเป็นจำนวนมากเพราะท่านชอบการทำบั้งไฟ
ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ท่านได้ย้ายมาสังกัดวัดโนนค้อ หรือ ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดโนนค้อใน ต.โนนค้อ อ.กันทรารมย์ (ปัจจุบัน อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโนนค้อ รูปที่ ๗

ปี พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะตำบลโนนค้อ

ปี พ.ศ.๒๔๙๐ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตตำบลโนนค้อ

ปี พ.ศ.๒๔๙๑ ท่านได้ไปตั้งวัดหนองสนม (ปัจจุบันวัดบ้านโคกสะอาด) ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ แต่ท่านไม่ได้ย้ายในใบสุทธิ

ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดหนองกุงต.หนองกุงอ.โนนคูณจ.ศรีสะเกษแต่ท่านไม่ได้ย้ายในใบสุทธิ


ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดโนนค้ออ.กันทรารมย์ (ปัจจุบัน อ.โนนคูณ ) จนท่านมรณะภาพ

ปี พ.ศ.๒๕๑๒ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๒ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร และ พัดยศเจ้าคณะตำบลชั้นตรีในราชทินนามที่ พระครูโสภณคุณากร

วาระแห่งการมรณภาพ

วันที่ ๑๙ ธันวาคมพ.ศ. ๒๕๑๔ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. เศษเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลวงพ่ออ้วน ท่านได้ละสังขารลง ด้วยอาการสงบที่กุฏิหลังเก่า ณ วัดโนนค้อใน โดยมีศิษย์ใกล้ชิดเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดดังนี้
๑. หลวงพ่อบุญชูวัดโนนคูณ ต.โนนคูณ อ.โนนค้อ จ.ศรีสะเกษ
๒. หลวงปู่บุญวัดโคกสว่าง (เดิมวัดบ้านเหล่าเขมร) อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี
๓. หลวงพ่อพรหมาวัดโนนค้อใน ต.โนนคูณ อ.โนนค้อ จ.ศรีสะเกษ
๔. หลวงพ่อสี วัดโนนค้อนอก ต.โนนคูณ อ.โนนค้อ จ.ศรีสะเกษ
๕. หลวงปู่เพ็งวัดหนองสนม (ปัจจุบันวัดโคกสะอาด) อ.โนนคูณจ.ศรีสะเกษ

การจากไปของหลวงพ่ออ้วนในครั้งนี้สร้างความเสียใจแก่ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก สิริรวมอายุ ๘๐ ปี พรรษา ๖๐

จากนั้นได้บำเพ็ญกุศลที่วัดโนนค้อใน และได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๖ ณ วัดโนนค้อใน (ปัจจุบันวัดทักษิณธรรมนิเวศน์) จากนั้นศิษยานุศิษย์ได้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจอัฐิของท่านโดยการนำของ หลวงปู่เพ็ง วัดบ้านละทาย ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และ หลวงพ่อพรหมา สิริจันโท อดีตเจ้าอาวาสวัดโนนค้อรูปที่ ๘ เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้กราบไหว้สักการะ

งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูโสภณคุณากร หลวงพ่ออ้วน โสภโณ ณ วัดโนนค้อ ต.โนนคูณ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ
งานพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่ออ้วน โสภโณ ณ วัดโนนค้อใน จ.ศรีสะเกษ
งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูโสภณคุณากร หลวงพ่ออ้วน โสภโณ ณ วัดโนนค้อ ต.โนนคูณ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ

พระเครื่องและวัตถุมงคลที่สร้าง
๑. เหรียญรุ่นแรกสร้างปี พ.ศ. ๒๕๑๐ มีสามเนื้อคือ อัลปาก้า ฝาบาตร และ เนื้อทองแดง คาดว่าทั้งสามเนื้อรวมกันไม่เกิน ๓,๐๐๐ เหรียญ
๒. เหรียญรุ่นสองในโอกาสฉลองพัดยศสร้างปีพ.ศ. 2512เท่าที่เห็นมีเฉพาะเนื้ออัลปาก้าไม่ทราบจำนวนที่สร้างและไม่ทราบประวัติการสร้างที่ชัดเจน
๓.ผ้ายันต์ป้องกันภัยผืนผ้าด้ายดิบสีขาว
๔. ตะกรุดโทนและตะกรุดอื่นๆ
๕. ชานหมากของหลวงพ่ออ้วนน้อยคนนักที่จะได้มาบูชาส่วนใหญ่ท่านจะคายทิ้งเฉพาะน้ำหมากเท่านั้น
๖. รูปถ่ายของหลวงพ่ออ้วน ขนาดเล็กและวัตถุมงคลอื่นที่ไม่ทราบชัดเจนท่านสั่งให้ทำตอนท่านป่วยแล้วท่านปลุกเศกให้

เหรียญ รุ่นแรก หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ
เหรียญ รุ่นแรก หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ

ประสบการณ์ในวัตถุมงคล

พุทธคุณวัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเศก คือ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุตต์ คงกระพันชาตรี และ กันภูตผีปีศาจครบทุกด้าน

ปาฏิหาริย์ในขณะที่หลวงพ่ออ้วน ขณะยังมีชีวิตอยู่

ชาวบ้านในอำเภอกันทรารมย์ (ปัจจุบัน อ.โนนคูณ) จังหวัดศรีสะเกษ ชาวอำเภอสำโรงจังหวัดอุบลราชธานี และชาวอำเภอกันทราลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ ต่างร่ำลือไปต่างๆ นานาว่าท่านสามารถย่นระยะทางได้ล่องหนกำบังกาย และ หายตัวได้วัตถุมงคลที่ชาวบ้านได้รับไปต่างแสดงปาฏิหาริย์ปกปักรักษาผู้พกพาติดตัวไปเสมอ

หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ
หลวงพ่ออ้วน โสภโณ วัดบ้านโนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ

ศิษย์ของหลวงพ่ออ้วนโสภโณ มีดังนี้

๑. หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตมอ.กันทราลักษ์จ.ศรีสะเกษ (ศิษย์ยุคต้น)
๒. หลวงพ่อบุญชู วัดโนนคูณ ต.โนนคูณอ.โนนค้อจ.ศรีสะเกษ
๓. หลวงปู่บุญ วัดโคกสว่าง (เดิมวัดบ้านเหล่าเขมร) อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี
๔. หลวงพ่อพรหมา วัดโนนค้อใน ต.โนนคูณอ.โนนค้อจ.ศรีสะเกษ
๕. หลวงพ่อสี วัดโนนค้อนอกต.โนนคูณอ.โนนค้อจ.ศรีสะเกษ
๖. หลวงปู่เพ็งจันทรังสี วัดหนองสนม (ปัจจุบันวัดโคกสะอาด) อ.โนนคูณจ.ศรีสะเกษ (ปัจจุบันวัดบ้านละทาย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ)
๗. หลวงพ่อประสาร วัดโนนผึ้งอ.กันทรารมย์จ.ศรีสะเกษ
๘. พระอาจารย์อื่นๆ ที่ไม่ทราบอีกมากมาย

เรื่องราวของบักหลอดพิศหลีกฝนแสนห่า หลวงปู่อ้วน โสภโณ

โดยข้าพระเจ้าได้ฟังสอบถามมาแล้วครั้ง ๑ และได้อ่านจากหนังสืออาจารย์สมชาย สิงห์แจ่ม เหลนศิษย์หลวงปู่อ้วน และข้าพเจ้าได้เอาเรื่องนี้มาเทียบกับหนังสือประวัติหลวงปู่ขุลี ที่ท่านพระอาจารย์พิมพ์, เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาตมาขอพูดต่อท่านทั้งหลายว่าเป็นเรื่องจริงจากคำบอกเล่าของอาจารย์สมชาย,กระผม (อาตมาพระอาจารย์ทินกรขออนุญาตเล่าเรื่องพิษหลีกฝนแสนห่าญาพ่ออ้วน โสภโณ, เมื่อสมัยประมาณ พ.ศ.๒๕๐๐ ความสัมพันธ์ของราชอาณาจักไทยกับราชอาณาจักกัมพูชา เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นถึงขั้นมีทหารไปช่วยรักษาการณ์อยู่ที่กัมพูชา คนอีสานสามารถอพยพครอบครัวไปตั้งถิ่นฐานในกัมพูชา ต่อมาได้เกิดเหตุพิพากกรณีเขาพระวิหาร. พ.ศ.๒๕๐๒ เป็นเหตุผลคือไทยเราแพ้จนต้องปิดพรมแดน แล้วเรียกทหารไทยเรากลับประเทศทำให้ชาวกัมพูชามีปฏิปักต่อคนไทยเป็นเสมือนพลเมืองชั้นสองทำให้คนไทยเราที่ไปอยู่เกิดความลำบากและคับแค้นใจในการเป็นอยู่ดังนี้ ซึงเป็นเหตุ ให้พ่อใหญ่หมอลำพันธ์ใหญ่ สิงห์แจ่ม ต้องหาวิธีการที่จะเอาครอบครัวของตนและเพื่อนๆๆกลับสยามประเทศ, แน่นอนคนแต่ก่อนไปไหนมาไหนต้องมีของดีๆจริงๆติดตัวไปและมีครูอาจารย์ที่ว่าเก่งๆที่ว่าฝากชีวิตไว้ได้รักษาชีวิตตัวเองและครอบครัวได้แท้จริงและของดีที่ว่านั้นคือพิษหลีกญาพ่อใหญ่อ้วน โสภโณ คือสิ่งพ่อใหญ่หมอลำพันธ์เชื่อมั่นและนับถือมากๆและท่านก็ได้นำติดตัวเพื่อความแคล้วคลาด ปลอดภัยของตนและครอบครัว, คือว่าหัวค่ำคืนวันนั้นเป็นวันเพ็ญของเดือนสามแสงจันทร์นวลผ่องลับยอดไม้ด้านตะวันออกทั้งหมู่บ้านและแนวป่าสุกสดใสไม่มีเมฆหมอกมาบดบังเลย หลังจากคุณปู่หมอลำพันธ์และลูกๆๆกินข้าวแลงเสร็จ ผู้คนและเด็กๆๆของกัมพูชาพร้อมหนุ่มๆๆสาวๆต่างพากันเดินเล่นเตร็ดแตร่ตามทางของหมู่บ้านหนองเลียวบองอย่างสนุกสนาน, ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์อันหน้าประหลาดใจกันขึ้นคือจู่ๆท้องฟ้าเริ่มมืดมัวลมสงบนิ่งจนทุกคนรู้สึกร้อนฝนเริ่มตกปลอยๆแล้วหนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆๆเหมือนฟ้ารั่วเลยฝนใหญ่มหาใหญ่ฝนตกกระหน่ำลงจนทำให้ผู้คนและเวรยามของหมู่บ้านต่างแตกระเจิงหลบหนีฝนใหญ่กันขึ้นบ้านเรือนกันหมด, ท่ามกลางสายฝนโดยไม่คาดฝันพ่อใหญ่หมอลำพันธ์ขึ้นไปบนบ้านให้ใช้มือที่เปียกน้ำดับไฟกระบองอาจารย์สมชายตอนนั้นท่านเป็นเด็กอยู่ท่านกำลังทำการบ้านอยู่แล้วพ่อคือพ่อใหญ่หมอลำพันธ์มาบอกเมียว่าคือแม่ของอาจารย์สมชายนั้นเองว่าหนูๆอ้ายจะพาหมูเฮากลับเมืองเทิง (เมืองไทย) เมียและลูกๆๆๆรีบกุลีกุจอกันเก็บสำพาระสิ่งของต่างๆๆ แล้วลงจากบ้านท่ามกลางสายฝน ๑๔ชีวิต๒ ครอบครัวพากันหลบหนีออกจากหมู่บ้านดินทรายหน้าแล้งถูก,ฝนแส่นห่าญาพ่อใหญ่อ้วน โสภโณที่บันดาลลงมาช่วย๑๔ชีวิต๒ครอบครัวนี้ทำให้จนเป็นขี้โคลนหล่มลึกเลยหลังเท้า ในระหว่างการเดินทางฝนไม่เคยหยุดเลยกระหน่ำไม่หยุด แลเป็นที่หน้าแปลกคือตามอาจารย์สมชายเล่าว่าทั้งๆที่ฝนตกอย่างหนักทุกคนพ้อมเด็กๆๆไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะหนาวฝนเกือบทั้งคืนไม่เคยสร่าง จนคณะของพ่อใหญ่หมอลำพันธ์พร้อมลูกๆมาถึงตีนเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน คณะเลยพากันพักเอาแรงเพราะสายฝนตกลงมิขาดที่ทำให้๑๔ชีวิตรอดพ้นจากสายตาของคนที่เป็นยาม ซึ่งก็คือทหารผสมชาวบ้านซึ่งเป็นชาวกัมพูชาพอพักเอาแรงแล้วพอสมควรก็เดินทางต่อตามไหล่เขาในกลางวันแสกๆๆแต่มีสิ่งแปลกเกิดขึ้นคือคืน๓วัน๓คืนที่๑๔ชีวิตต้องเดินทางเพื่อเข้าชายแดนไทยตลอดทั้งกลางวันกลางคืนนั้น ตามจริงในป่าเขาลำเนาไพรมันต้องมีสัตว์เช่นเสือหรือหมูป่านกไก่หรือสัตว์ต่างๆหรือสัตว์มีพิษเช่นงูหรือลิงหรือกระรอกกระแต่เป็นต้น, แต่ไม่ปรากฏให้เห็นหรือได้ยินแม้แต่เสียงเงียบตลอด๓วัน๓คืนคุณปู่หมอลำพันธ์พูดขึ้นว่าคงเป็นเพราะอำนาจบารมีธรรมพิษหลีกญาพ่อใหญ่อ้วน โสภโณแห่งวัดโนนค้อเป็นแน่แท้ อาจารย์สมชายได้เล่าไว้ว่าคือก่อนนอนกลางคืนเห็นคุณพ่อท่าน (พ่อใหญ่หมอลำพันธ์) ได้กางผ้าผืนเล็กๆๆประมาณผืนละ๑ตารางฟุต มี๒ผืนในผ้าจะมีรูปพระเขียนด้วยหมึกสีแดงทั้งสองผืนและมีลายเส้นพร้อมด้วยผ้ายันต์บนผืนผ้าเผ็นสีแดงกางเหมือนจอหนังไว้หัวบ่อนนอนแล้วคุณพ่อของอาจารย์สมชายก็จะพาผู้ใหญ่ยกเว้น (เด็กน้อยพร้อมอาจารย์สมชายด้วย) ให้นั้งคุกเขาประนมมือนำโดยนำสวดตามผ้ายันต์นั่นแหละพร้อมระลึกถึงญาพ่อใหญ่อ้วนและคนอื่นๆก็สวดตามทำตามทุกประการดังนี้, สิ่งที่หน้าแปลกคือตามอาจารย์สมชายบอกเล่าไว้ว่าเดือนหงายที่มีแสงสว่างสดใสทั้งท้องฟ้า แต่กลับมามืดมนและเกิดฝนตกอย่างหนักถึงหนักมากในเวลาไม่เกิน๕นาที,อาจารย์สมชายว่ามาคิดดูภายหลังและอย่างที่สองสามวันสามคืน๑๔ชีวิต๒ครอบครัวเดินทางกลับเมืองไทยนั้น ไม่ไม่พบเห็นสัตว์ป่าทุกชนิดเลยแม้แต่ตัวเดียวแม้แต่เสียงอะไรก็ไม่มีได้ยินเลย, อาจารย์สมชายเล่าว่าคุณพ่อท่าน (ปู่หมอลำพันธ์) ได้อธิบายให้ท่านฟังว่า ที่ฝนตกหนักฟ้ามืดนั้นเกิดจากอำนาจบารมีธรรมและคาถาพิษหลีกที่พ่อ (ปู่หมอลำพันธ์) ได้มาจากญาพ่ออ้วน โสภโณแห่งวัดโนนค้อของเรา,ที่เขียนมานี้อาตมะภาพได้ถอดจากหนังสือประวัติพระครูสาธุกิจ โสภณอดีตเจ้าอาวาสวัดโนนค้อและเคยสอบถามอาจารย์สมชายนานหลายๆปีมาแล้ว,หวังว่าที่เขียนมานี้คงเป็นพุทธานุสติแก่สาธุชนผู้มีจิตเคารพนับถือหลวงพ่ออ้วน โสภโณ,หากขอมูลผิดพลาดประการใดขออภัยและขอขมากรรมหลวงปู่ผู้เป็นบรมครูของภิกษุสามเณรพร้อมเทวดาทั้งหลายและขออนุญาติอาจารย์สมชายที่ข้าพระเจ้าให้ความนับถือที่ได้นำเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิตของอาจารย์และปู่หลอลำพันธ์เพื่อเผยแผ่ในโอกาศนี้ เจริญพร