ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อสง่า อนุปุพโพ
วัดหนองม่วง
อ.บางแพ จ.ราชบุรี
พระครูอนุรักษ์วรคุณ (หลวงพ่อสง่า อนุปุพโพ) พระเกจิดังเมืองโอ่งแห่งวัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อสง่า อนุปุพฺโพ นามเดิมชื่อ “สง่า เล่ห์ปะสุวรรณ” เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ณ บ้านหม้อ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี บิดาชื่อ “นายเขี้ยม” และมารดาชื่อ “นางเม้า เล่ห์ปะสุวรรณ”
◉ ปฐมวัย
ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านได้รับการศึกษาจากโรงเรียนวัดบ้านหม้อโดยมีบรรดาพระภิกษุสงฆ์ เป็นผู้อบรมสั่งสอนวิทยาวิชาการ อีกทั้งบางวันยังต้องนอนค้างที่วัดเพื่อช่วยปรนนิบัติรับใช้ พระสงฆ์อยู่เสมอๆ ดังนั้นชีวิตของหลวงพ่อสง่าจึงอยู่ใกล้ชิดกับพระและวัดมาโดยตลอดจนกระทั่ง ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จึงได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา
อุปนิสัยของท่านในวัยหนุ่มก็เหมือนกับวัยรุ่นในสมัยนั้นส่วนใหญ่ทั่วไป คือเมื่อเสร็จจากการทำงานก็มักไปเที่ยว เล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ ไปตามเรื่อง บางครั้งท่านก็ไปเที่ยวยังหมู่บ้านอื่น เพื่อเสาะแสวงหาความรู้ด้านคาถาอาคมจากครูอาจารย์ที่เก่งๆ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจจนกระทั่งทราบมาว่าที่วัดไทรอารักษ์ มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมอยู่รูปหนึ่ง ท่านจึงดั้นด้นไปพบเพื่อขอเรียนวิชาแต่หลวงพ่อวัดไทรอารักษ์ กลับตั้งคำถามว่ามาจากที่ใดและพอทราบว่ามาจากบ้านหม้อ ท่านจึงปรารภขึ้นว่า “หาหญ้ากินไกลคอกเหลือเกินนะเรา อย่าลืมหญ้าปากคอกดูบ้างว่าหญ้าปากคอกนั้นงามขนาดไหน”
นายสง่าในขณะนั้นได้แต่คิดถึงถ้อยคำปริศนาที่หลวงพ่อวัดไทรฯ ได้พูดถึงแต่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งไม่นานท่านจึงไขปริศนาได้ว่า หญ้าปากคอกที่พูดถึงนั้นก็คือท่านพระครูเจ้าอาวาส วัดบ้านหม้อนั่นเอง ท่านจึงได้ปวารณาตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนวิชาอาคมนานนับปี จนมีความรู้แคล่วคล่องในบทสวด คาถาอาคม อักขระเลขยันต์พอควร
◉ อุปสมบท
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๑ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทที่วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี ขณะมีอายุได้ ๒๒ ปี โดยมี พระอธิการกลิ่น วัดคงคา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เช้ง และพระอาจารย์แป๊ะ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ (สมัยนั้นใช้พระคู่สวดในพิธีกรรมถึง ๓ รูป) ได้รับฉายาว่า “อนุปุพฺโพ”
ครั้นอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหม้อ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจนสามารถ สอบได้นักธรรมชั้นตรีและโทตามลำดับ รวมถึงวิชาอาคมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก พระอาจารย์แป๊ะ, พระอาจารย์เปีย วัดบ้านหม้อและวิชาการแพทย์แผนโบราณ วิชาสมุนไพร จนกระทั่งเรียกได้ว่ามีความเชี่ยวชาญยากหาใครเทียบในเวลานั้น
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๔ ทางวัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ขาดพระสงฆ์ผู้นำที่จะดูแลวัด ชาวบ้านและไวยาวัจกรจึงได้พร้อมใจนิมนต์ท่านให้มาดูแลและพัฒนาวัดหนองม่วง หลวงพ่อสง่า พิจารณาดูแล้วเห็นด้วยกับเจตนาอันบริสุทธิ์ของชาวบ้าน ท่านจึงได้ย้ายมาอยู่ ที่วัดหนองม่วงตามคำขอและได้พัฒนาวัดให้ดีขึ้น ตามที่ชาวบ้านต้องการดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์กับชาวบ้านอย่างสูงสุด
◉ การศึกษาพุทธาคม
หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง เริ่มศึกษาคาถาอาคมและอักขระเลขยันต์ มาตั้งแต่ตอนสมัยเป็นหนุ่ม ทั้งวิชาสักยันต์ รดน้ำมนต์ ครั้นเมื่อท่านได้อุปสมบท แล้วก็ยังให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องด้วยว่า แม้ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ก็เป็นความนิยมของคนสมัยนั้น เพื่อให้เกิดศรัทธายึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยหลวงพ่อท่านได้เป็นอาจารย์สักยันต์อยู่หลายปีจนกระทั่งได้ข่าวว่า ผู้ที่ท่านสักให้ส่วนมากไปกระทำความชั่ว เป็นนักเลงเพราะฮึกเหิมลำพองในความคงกระพันของรอยสักที่หลวงพ่อสักให้ ท่านจึงได้เลิกพิธีกรรมการสักทั้งหมด เพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาว่างท่าน ท่านได้ไปขอต่อวิชากับ หลวงปู่ดี วัดบ้านยาง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเก่งในด้านการสร้างพระปิดตามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาลบผงอิทธิเจ ปถมัง และการเขียนยันต์ ๑๐๘, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้วิชามหาอุตม์, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ได้ครอบครูนะเมตตาและได้รับการสอนวิชาเจริญวิปัสสนา และท่านยังมีครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย ปฏิปทากิตติคุณและคุณธรรมของหลวงพ่อสง่า หลวงพ่อท่านจะมีเมตตาธรรมสูงส่งยิ่งนัก ท่านได้พัฒนาวัดหนองม่วง และพัฒนาคนในชุมชนวัดหนองม่วง ให้รู้จักหลักการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข สอนให้ทุกคนรู้จักอดทน ให้หมั่นเพียรพยายามพึ่งตนเองเป็นหลัก เอาชนะใจตนเองให้ได้
ท่านจะเน้นวิถีชีวิตอย่างชาวบ้านดั่งที่ท่านพร่ำสอนศิษย์เสมอว่า “คนเราถ้าไม่รวยก็อย่าจน ให้มีหิริโอตัปปะ ให้มีความอดทนและเพียรพยายามจะไม่อดตาย ความจนความรวย เราไม่ได้เอามาตั้งแต่เกิด แต่เราทำตัวเราให้รวย ให้จนได้ทั้งนั้น เป็นหนี้ก็เอามาให้พระแก้ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง หาได้ใช้เป็น ใช้ให้น้อย หาพอเพียงก็จะไม่จน”
◉ มรณภาพ
อนิจจัง วัตสังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา หลวงพ่อสง่า ท่านก็ไม่อาจพ้นจากพระพุทธพจน์บทนี้ได้ หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวังอังคาร แรม ๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๗ สิริอายุรวม ๗๘ ปี พรรษาที่ ๕๖
◉ คาถากำกับวัตถุมงคล หลวงพ่อสง่า
ตั้งนะโม ๓ จบ
“พุทธังสะระณังคัจฉามิ ธรรมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณังคัจฉามิ คุณบิดามารดา คุณครูอุปัชฌาอาจารย์เป็นที่พึ่ง นะโมพุทธายะ พุทธังปัจจักขามิ ธัมมังปัจจักขามิ สังฆังปัจจักขามิ มะอะอุ พุทธังแคล้วคลาด ธรรมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท อิติปิโสภะคะวา นะมะพะทะ จะภะกะสะ อิกะวิติ อิสวาสุ นะอุดโธ โมอุดธัง มหาจังงังประสิทธิเม ฯ”
◉ วัตถุมงคล
ด้านวัตถุมงคลของหลวงพ่อสง่า หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ท่านได้สร้างไว้มากมายหลายรุ่น จนไม่อาจกล่าวได้หมดในที่นี้ จึงจะขอกล่าวเฉพาะ วัตถุมงคลของท่านที่ยังคงเหลืออยู่ที่วัดหนองม่วงบางรุ่นคือ
๑. เหรียญปั๊มรูปเหมือน หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ปี พ.ศ.๒๕๓๐
๒. เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อสง่า ปี พ.ศ.๒๕๓๑
๓. เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อสง่า ปี พ.ศ.๒๕๓๓ (รุ่นแจกแม่ครัว)
๔. เหรียญหล่อโบราณรูปเหมือนหลวงพ่อสง่า ปี พ.ศ.๒๕๓๖
๕. เหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อสง่า ปี พ.ศ.๒๕๓๗
ขอขอบคุณข้อมูลจาก monkhistory.kachon.com