ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อมุม อินฺทปญฺโญ
วัดปราสาทเยอร์เหนือ
อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
◎ ชาติภูมิ
พระครูประสาธน์ขันธคุณ (หลวงพ่อมุม อินฺทปญฺโญ) นามเดิมชื่อ มุม นามสกุล บุญโญ ฉายา อินทปญฺโญ เกิดเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔ ๓๐ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๑๒ ปีกุน ณ บ้านปราสาทเยอ ตําบลปราสาทเยอ อําเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ บิดาชื่อ มาก และมารดาชื่อ อิ่ม บุญโญ มีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน ๕ คน เป็นชาย ๓ หญิง ๒ หลวงพ่อมุมเป็นคนสุดท้อง
พระครูประสาธน์ขันธคุณ (หลวงพ่อมุม) อดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาทเยอเหนือ ท่านเป็นพระบูรพาจารย์ เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรง คุณในทางวิทยาอาคม และเป็นอัตถกถาจารย์ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่ง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหลวงพ่อมุมเป็นที่เคารพนับถือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทั้งสองพระองค์และยังเป็นที่เคารพนับถือของข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศไทย เอ่ยชื่อว่าหลวงพ่อมุมนักเลงสะสมพระเครื่องย่อมรู้จักดี มีประชาชนหลายจังหวัด เคารพนับถือเลื่อมใสศรัทธาท่านมาก พากันเดินทางไปเยี่ยมท่านถึงวัด เพราะหลวงพ่อมุม เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ เคร่งครัดต่อพระวินัย มุ่งมั่นปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน และธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เขมร-ลาว-มาเล เซีย-พม่า- จนมีกระแสจิตแน่วแน่ทาง วิทยาคม และเวทย์มนต์คาถาความศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่ท่านเริ่มออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาความสงบใจ หลวงพ่อมุม ก็ได้ศึกษาเวทย์มนต์กับพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจากพระอาจารย์มากองค์ด้วยกัน แต่ละองค์ที่เก่งในเรื่องเวทย์มนต์ต่าง ๆ ท่านก็ถ่ายทอดวิชา ให้หลวงพ่อมุมจนหมด และเวทย์มนต์แต่ละบทที่เล่าเรียนมา สามารถนํามาใช้ขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากของประชาชน ทางโรคภัยและขจัดความทุกข์ยากต่างๆ นานา ที่ประชาชนเดือดร้อนให้พ้นภัยพิบัตไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุนี้เองประชาชนทางภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ และภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย เขมร ลาว ต่างก็มีความเลื่อมใสหลวงพ่อ
หลวงพ่อมุม เป็นพระที่มีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็นสุขุมรอบคอบ ใจที่ตั้งอยู่ในสมาธิไม่เคยคว่าใครเลย ถ้าผู้ใดถูกหลวงพ่อมุมดุด่า ผู้นั้นนับว่าซวยเต็มที่ หลวงพ่อมุม ท่านต้อนรับแขกผู้ที่ไปหาทุกๆ คนไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าผู้ดีมีจนแม้กระทั่งยาจกเข็ญใจ ท่านก็ต้อนรับเสมอภาคกันหมด ใครมาก่อนก็ให้เข้าพบก่อนไม่มีการลัดคิว ทุกๆ ท่านที่เดินทางไปนมัสการจะได้พบหลวงพ่อทุกๆ คน
หลวงพ่อมุม นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และมีประชาชนเคารพนับถือแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาวัดวาอารามให้มีความสวยงามอีกด้วย
เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๑๔ ประชาชนพสกนิกรชาวศรีสะเกษและจัง หวัดใกล้เคียง ที่มีโอกาสต้อนรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินทรงทอดพระกฐินส่วนพระองค์ ณ วัดประสาทเยอ เหนือ ซึ่งนับว่าเป็นวัดแรกของภาคอีสานก็ว่าได้ ที่ล้นเกล้าฯ ได้เสด็จพระราชดําเนิน พระราชทานกฐินส่วนพระองค์ พสกนิกรได้เข้าเฝ้าอย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์ท่าม กลางสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนัก พสกนิกรไม่ยอมลูกหนีจากที่ และพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดําเนินเยี่ยมราษฎร ท่ามกลางสายฝนเช่นเดียวกัน ยังความปลาบปลื้มยินดีแก่พสกนิกรอย่างล้นพ้น
◎ อุปสมบท
หลังจากได้บรรพชาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย บาลีไวยากรณ์และพระธรรมบทเรื่อยมาจนถึงอายุครบ ๒๐ ปี จึงได้ขออุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีอุปัชฌายะ ปริม เป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ก็ไม่ได้นิ่งเฉยพยายามศึกษาค้นคว้า จนมีความรู้ความชํานาญในพระไตรปิฎกอย่างที่องค์หนึ่ง ในขณะเดียวกัน ท่านก็ได้ศึกษาวิชาวิทยาคมทางไสยศาสตร์จากพระอาจารย์ ซึ่งเป็นชาวเขมรควบคู่กันไป ปรากฏตามคําบอกเล่าของบุคคลอื่นและตัวท่านเองว่า ท่านมีพรสวรรค์ในวิชาวิทยาคมทางไสยศาสตร์โดย ได้รับการชมเชยจากพระอาจารย์ว่า เรียนวิชาคาถาอาคมได้ดีองค์หนึ่ง เมื่ออายุพรรษาของท่านมากขึ้นได้พิจารณาถึงหลักพระธรรมคําสั่งสอน ของพระบรมศาสดาซึ่งได้ศึกษามาว่า เราบวชมาแล้วควรจะหาทางวิเวกทําความสงบระงับแห่งจิตใจ จึงได้เรียนสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากพระอาจารย์ซึ่งมีความชํานาญในทางนี้ เมื่อเห็นว่าตนมีจิตเป็นสมาธิพอสมควร ก็ได้ออกเดินธุดงค์ ตามแบบรุกขมูลกังคะกับเพื่อนพระภิกษุ ด้วยกัน ๖ รูป โดยเดินด้วยเท้าเปล่าจากวัดบ้านปราสาทเยอเหนือ ผ่านไปยังเมืองขุขันธ์ เดินเรื่อยไป ค่ำที่ไหนหยุดพักเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานที่นั่น ตามโคน ต้นไม้บ้าง ตามหมู่บ้านที่ผ่านไปบ้าง
จนกระทั่งถึงวัดโคกมอญ อําเภอกบินบุรี จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันนี้บ้านโคกมอญขึ้นอยู่กับอําเภอประจันตคาม) ได้อยู่จําพรรษาเพื่อศึกษาวิชาการต่างๆ เพิ่มเติมกับพระอุปัชฌายะโท ที่วัดโคกมอญถึง ๓ พรรษาได้ชักชวน ญาติโยมทําการก่อสร้างศาลาการเปรียญที่วัดนี้ขึ้น ๑ หลังจนเสร็จ
เมื่อออกพรรษาท่านจึงเดินธุดงค์ต่อเรื่อยมาจนกลับมาจําพรรษาที่วัดปราสาทเยอใต้ จําพรรษาอยู่ ณ วัดปราสาทเยอใต้ได้หลายปีท่านก็ออกธุดงค์อีก ใช้เวลานับแรมปี ธุดงค์เข้าหาหาวิเวกแสวงธรรมไปแทบจะทุกพื้นที่ ทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และประเทศลาว ค่ําไหนปักกลดจําวัดที่นั่น ได้ร่ําเรียนศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาจากอาจารย์เก่งๆ หลายท่าน จนได้รับคําแนะนําจากพระอาจารย์ต่างๆ ให้ไปพบกับ หลวงปู่สมเด็จลุน เกจิอาจารย์ผู้เรืองวิชาและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในประเทศลาวเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์
หลวงพ่อมุมธุดงค์ต่อไปยังนครจําปาศักดิ์เพื่อไปพบกับสมเด็จลุน แต่ต้องคลาดกันเพราะด้วยขณะนั้นสมเด็จลุนได้เดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานี หลวงพ่อมุมออกธุดงค์จากนครจําปาศักดิ์มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานีจนได้พบกับสมเด็จลุน ขอฝากตัวเป็นศิษย์ติดตามท่านกลับมายังนครจําปาศักดิ์เพื่อศึกษาวิชาอาคมและอักขระเลขยันต์จากท่าน หลวงพ่อมุมพากเพียรศึกษาวิชาจากสมเด็จลุนเป็นเวลานานจนเชี่ยวชาญท่านจึงกราบลาสมเด็จลุน ธุดงค์กลับมายังเมืองขุขันธ์จนถึงวัดปราสาทเยอ ในกาลนี้สมเด็จลุนยังเมตตามอบสรรพตําราต่างๆ ให้กับหลวงพ่อมุมเพื่อศึกษาเพิ่มเติม (ปัจจุบันตําราใบลานต่างๆ ยังคงมีเก็บรักษาไว้ ณ วัดปราสาทเยอใต้)
ภายหลังพระอาจารย์ปริม เจ้าอาวาสวัดปราสาทเยอร์เหนือได้มรณภาพลง ชาวบ้านจึงนิมนต์หลวงพ่อมุม มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดปราสาทเยอเหนือ ท่านได้พัฒนาวัดปราสาทเยอเหนือจนมีความเจริญขึ้น ทั้งในด้านถาวรวัตถุ และกิจการทางพระพุทธศาสนา
◎ มรณภาพ
หลวงพ่อมุม อินฺทปญฺโญ มรณะภาพลงเมื่อ วันที่ ๙ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๒ ณ โรงพยาบาล ศรีสะเกษ สิริอายุรวม ๙๓ ปี ๗๓ พรรษา
◎ อภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อมุม
พ.ต.ต. มงคล เสวิกุล ผ.บ. กองเมืองศรีสะเกษ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ผู้กองทําพิธีเปิดโรงพัก ส.ภ. เมืองศรีสะเกษ ได้นิมนต์หลวงพ่อมุมมาเจิมและประพรมน้ำมนต์แก่ข้าราชการตํารวจ และผู้ที่ไปร่วมพิธีนี้ด้วย และให้ ท่านเป็นผู้แจกเหรียญรุ่นเปิดโรงพักด้วยมือแก่แขกที่ไปในพิธีนั้นทุกคน เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ท่านผู้กองเมืองก็ขับรถไปส่งหลวงพ่อมุมจนถึงวัดประสาทเยอเหนือ พร้อมด้วยตํารวจติดตามและลูกศิษย์หลวงพ่อด้วย พอส่งท่านถึงวัดแล้วก็ลาหลวงพ่อกลับ พอมาถึงที่ทํางานได้ไม่นานก็มีคนมาต่อว่าท่านผู้กองๆฯ ว่าทําไมไม่ไปส่งหลวงพ่อปล่อยให้ท่านนั่งรถโดยสารกลับวัด เมื่อเวลานิมนต์ท่านมาทําไมเอารถไปรับท่านมาได้ จะเอารถไปส่งท่านไม่ได้เชียวหรือ ท่านผู้กองฯ คิดว่าเขาพูดสัพยอกเล่นก็อดสงสัยไม่ได้ จึงบอกว่าผมเพิ่งขับรถไปส่งท่าน มาสักครู่นี้เอง มีตํารวจติดตามไปด้วย ฝ่ายผู้ที่ต่อว่าผู้กองฯ จึงพูดต่ออีกว่าก็เด็กของผมที่ขับรถโดยสารและกระเป๋ารถ ตลอดทั้งผู้โดยสารเขาก็เห็นหลวงพ่อนั่งไปกับรถโดย สารไปพร้อมกับเขา และเห็นท่านลงรถเดินเข้าวัดคนเดียวอีกด้วย ถ้าไม่จริงก็เรียกลูก น้องของผมมายืนยันได้ทุกคน ท่านผู้กองฯ งงเป็นไก่ตาแตกเหมือนกัน เพราะความคิดสับสนไปหมด “ก็เราเพิ่งไปส่งท่านกลับมาเดี๋ยวนี้เอง แต่ทําไมคนอื่นกลับเห็นท่านนั่ง รถโดยสารกลับวัดองค์เดียว” คิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาจนถึงบัดนี้ และที่ห้องทํางาน ของท่านผู้กอง ฯ มีห้องบูชาพระซึ่งจัดเป็นพิเศษอีกด้วย เก้าอี้หลวงพ่อมุมนั่งในวันเปิด โรงพักเวลานี้ยังอยู่ ใช้ผ้าสีเหลือคลุมเอาไว้ ท่านผู้กอง ฯ บอกว่าเก้าอี้ตัวนี้ผมไม่กล้านั่ง อีกเลย และห้ามคนนั่งด้วย เพราะเวลาผมมาถึงที่ทํางาน ผมกราบพระเสร็จแล้วผมจะ ต้องกราบเก้าอี้ตัวที่หลวงพ่อเคยนั่งเสียก่อน และผมจึงจะนั่งโต๊ะทํางานของผมต่อไปเรื่อง นี้เท็จจริงอย่างไรก็ให้ถาม พ.ต.ต.มงคล เสวิกุล ผ.บ. กองเมืองศรีสะเกษได้ทุกเมื่อ
◎ เมื่อไฟไหม้ตลาดศรีสะเกษ
เมื่อกลางเดือนสิงหาคม ๒๕๑๕ เกิดเพลิงไหม้ที่โรงแรมร่วมมิตร ถนนเทพา ข้างสถานีรถไฟศรีสะเกษ ไฟลุกลามมาถึงร้านทองแสนจวนจะเป็นเหยื่อพระเพลิงอยู่แล้ว นายวชิระ ลิขิตสวรรณ เจ้าของร้านทองแสนคิดว่าไม่เหลือแล้ว เพราะไฟกําลังติดบ้านและโหมมาก นึกขึ้นได้ว่าเหรียญหลวงพ่อมุมเพิ่งได้รับแจกมาคงจะช่วยได้ จึงเอาเหรียญรุ่นนั้นแกว่งห้ามไฟ โบกไปโบกมาน่าอัศจรรย์แท้ ๆ ไฟที่กําลังจะไหม้บ้านอยู่รอมร่อแล้ว เกิดม้วนตัวกลับเหไปทางอื่น แล้วบ้านของเขาก็ปลอดภัยโดยไม่ถูกไฟไหม้ “เพราะ หลวงพ่อช่วยแท้ ๆ ที่บ้านไม่ถูกไฟไหม้” เขาเล่าให้คนทั่วๆ ไปฟัง
◎ ลูกกระสุนปืนยิงไม่เข้า
ตํารวจชายแดนประจําอยู่ที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ (เจ้าของขอสงวนนาม) เล่าให้ฟังว่า หลังจากได้รับแจกเหรียญหลวงพ่อมุม รุ่นเปิดโรงพัก สภอ. เมืองศรีสะเกษ แล้วไม่นานมานี้เอง ผมโดนยิงลูกกระสุนทะลุเสื้อถึง ๓ นัด แต่กระสุนปืนกองอยู่ในเสื้อตัวเองถึง ๓ ลูก “แต่ทําไมถึงไม่เข้า” ตํารวจหนุ่มพูดแล้วก็โชว์เหรียญให้ดู เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรสอบถาม ผบ. กองเมือง ศรีสเกษ ได้ทุกเวลา
◎ ถูกลอตเตอรี่เป็นว่าเล่น
นางช่วง ฤกษ์เสน มีบ้านอยู่ข้างสถานีขนส่งนครราชสีมา ได้บูชาพระเครื่องและพระบูชาของหลวงพ่อมุม ไปบูชาอ้อนวอนขอลาภอยู่ตลอดเวลา ก็น่าอัศจรรย์จริง ๆ นางซวงถูกล็อตเตอรี่เป็นว่าเล่นติดต่อกันถึง ๓ เดือนเต็มๆ “ดิฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเงินใช้เพราะลอตเตอรี่” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ
◎ แหวนกายสิทธิ์
เจ้าที่ถีบรถน้ำเก๊กฮวยฝรั่งดอง อยู่ในตลาดจังหวัดศรีสะเกษ เขาเป็นช่างไฟฟ้า ต่อสายไฟฟ้า โบราณท่านว่าหมองูตายเพราะงู แต่เจ้าที่ช่างต่อไฟฟ้าคนนี้ไม่ยักตายเพราะไฟฟ้า เรื่องมีอยู่ว่าหมอได้แหวนลงอักขระของหลวงพ่อมุม ใส่ไว้ที่นิ้วมือหนึ่งวง แล้วขึ้นต่อไฟฟ้าแรงสูงบนเสาไฟฟ้าข้างบ้านนั่นแหละ หมอคงจะคิดว่าตัวชํานาญในเรื่องนี้ จึงถูกไฟแรงสูงดูดเอาถึงกับพลัดตกลงมา ไหม้เกรียมนิ้วมือหงิกงอถึงต้องไปตัดนิ้วมือทิ้ง เขาจึงเรียกฉายาหมอนี้ไอ้นิ้วด้วน เพราะไฟฟ้าดูดนิ้วมือตรงนิ้วที่สวมแหวน ดูดเอาจนแหวนหลุดออกจากมือ แต่กระแสไฟฟ้าไม่ยักวิ่งเข้าตัวจนถึงตาย ดังคําพังเพยข้างต้น แกเล่าว่าแหวนวงนี้แหละของหลวงพ่อมุมศักดิ์สิทธิ์เหลือหลายไฟฟ้าจึงไม่วิ่งเข้าตัว เพราะมันกลัวแหวนหลวงพ่อมุม พูดแล้วก็ชนิ้วมือด้วนให้ดู “อย่าหลงเชื่อผมเลย ผมขอสงวนเป็นความลับเพราะไม่อยากดัง” ว่าแล้วก็ถีบรถขายน้ำเก๊กฮวยและฝรั่งดองต่อไป ใครอยากรู้ว่าเจ้าตี๋คนนี้เป็นใครก็ถามคนในตลาดศรีสะเกษก็แล้วกันเขารู้กันทั้งเมืองแหละน่า หมอคงจะเข็ดเรื่องไฟฟ้าจึงต้องเปลี่ยนอาชีพจากต่อสายไฟมาขายฝรั่งดอง
◎ ปาฏิหารย์แหวนหลวงพ่อมุมช่วยให้รอดตาย
การทํางานบางครั้งก็เอาชีวิตเข้าเสียงเหมือนนายสมชาย ขอผลกลาง โฆษกสถานีวิทยุกองทัพภาคที่ ๒ หลังจากที่ทํางานมาตลอดทั้งวัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๖ เวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. หลังปิดสถานีแล้วก็จะกลับที่พัก ปรากฏว่ามีคนร้าย ๒ คน คนแรกมาไม่พูดพล่ามทําเพลง ต่อยนายสมชายที่ขอบตาซ้าย โดยไม่ทราบสาเหตุ นายสมชายก็ป้องกันตัว คนหนึ่งจะเอามีดแทง ขณะนั้นเองก็มีสามล้อเข้ามาช่วยไว้ทันจึงรอดมาได้
และเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๖ นายสมชายขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พัก หลังจากปิดสถานีวิทยุแล้ว ถูกรถมาสด้าชนกระเด็นไปประมาณ ๓ วา นายสมชายเจ็บที่แขนซ้ายและหน้า นอกนั้นไม่เป็นไร จากการสืบถามปรากฏว่านายสมชาย ได้รับแหวนหลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอ ซึ่งท่านพระมหาอวยชัยได้มอบให้ จึงรอดตายได้อย่างหวุดหวิด นายสมชายจึงขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อมุมและพระมหาอวยชัย ภทฺทิโย มา ณ โอกาสนี้ด้วย