ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อภู ภัททญาโณ
วัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก
พระครูภัทรกิจโกศล (หลวงพ่อภู ภัททญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้าง ต.บ้านนา อ.บ้านนา จ.นครนายก เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาทั้งในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง
● ชาติภูมิ
หลวงพ่อภู ภัททญาโณ นามเดิม “ภู แก้วกำเนิด” เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๕ ปีชวด ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ที่บ้านวังบัว ต.พิกุลออก อ.บ้านนา จ.นครนายก บิดาชื่อ “นายห่วง แก้วกำเนิด” และมารดาชื่อ “นางบุตร แก้วกำเนิด” มีพี่น้อง ๖ คน มีพี่น้องต่างมารดา ๒ คน
● ปฐมวัย
ในวัยเยาว์ เมื่ออายุได้ ๘ ขวบ ไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงน้าชื่น บำรุงกิจ ที่วัดทองย้อย ต.บ้านนา อ.บ้านนา พอขึ้นชั้นป.๓ ต้องเลิกล้มไป แต่กลับไปสนใจเรียนหนังสือขอมและสวดพระมาลัยอยู่กับท่านอาจารย์แก่น วัดช้าง
หลังย้ายมาอยู่เป็นเด็กวัดช้างกับท่านอาจารย์แก่นแล้ว เวลาผ่านไปปี พ.ศ.๒๔๖๘ มารดาได้ถึงแก่กรรม บิดาจึงให้ท่านบรรพชาหน้าศพ
สึกออกมาช่วยบิดาทำนาอยู่ ๒ ปี จนอายุครบบวช
● อุปสมบท
อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดช้าง เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๗ โดยมี หลวงพ่อเกิด วัดสะพาน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสินธุ์ วัดกุฎีเตี้ย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการสงกรานต์ วัดวิหารขาว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ภทฺทญาโณ”
หลังอุปสมบทได้จำพรรษาอยู่ที่วัดช้างตลอดมา
นับแต่พรรษาแรก เป็นผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความมานะ เคร่งครัดพระธรรมวินัย ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท เอก
หลวงพ่อภู ภัททญาโณ นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่ง ท่านมีพลานุภาพทางกระแสจิตเป็นพิเศษ มีอำนาจทางจิตที่แข็งแกร่งและมั่นคง ท่านได้บำเพ็ญเพียรฝึกมาเป็นเวลานานจากหลายๆ อาจารย์ ตั้งแต่การเดินธุดงค์เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรอยู่ ท่านเป็นศิษย์หลวง พ่อนก หลวงพ่อเหลือ หลวงพ่อพร้อม วัดหนองหมู และได้ออกธุดงค์พร้อมกับพระอาจารย์ทราย ที่สำคัญท่านเป็นศิษย์ก้นกุฏิหลวงพ่อเกิด วัดสะพาน ผู้เป็นอุปัชฌาย์ และได้รับการถ่ายทอด วิทยาคมจนเกิดความเชี่ยวชาญ
ในด้านการพัฒนาในศาสนกิจนั้น ท่านทำหน้าที่โดยมิได้ขาดตกบกพร่อง ทั้งทางด้านคันถธุระ (การศึกษาและเผยแพร่) และวิปัสสนาธุระ (การฝึกจิตเพื่อความหลุดพ้นทางใจ) สิ่งเหล่านี้เป็นความตั้งใจจริงของท่านที่จะเผยแพร่ให้ถึงที่สุด
● มรณภาพ
พระครูภัทรกิจโกศล (หลวงพ่อภู ภัททญาโณ) ท่านมีภารกิจในหน้าที่หลายประการที่ต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้รับการดูแล สังขารจึงร่วงโรยลง
จวบจนกระทั่งวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. หลวงพ่อภู ภัททญาโณ ท่านได้มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยโรคชรา สิริอายุรวมได้ ๗๘ ปี ๑๑ เดือน พรรษา ๕๖
● ด้านวัตถุมงคล
วัตถุมงคลมีสร้างขึ้นหลายรูปแบบ อาทิ รูปเหรียญซึ่งมีอยู่หลายรุ่น พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ อีกหลายรุ่นเช่นกัน ไม่ว่ารุ่นไหน รุ่นใดรุ่นหนึ่ง ผู้ใดได้รับไปบูชาต่างสัมผัสด้านความศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่เลื่องลือ
หลวงพ่อภู ท่านไม่ค่อยสร้างวัดถุมงคลของท่าน ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านได้จัดสร้าง เหรียญขึ้นมา หนึ่งรุ่น โดยลักษณะด้านหน้าท่านจัดสร้างเป็นรูป หลวงพ่ออุปัชฌาย์ (เกิด) วัดสะพาน พระอุปัชฌาย์และอาจารย์ของท่าน ด้านหลัง ใส่ยันต์ที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของหลวงพ่อเกิด ใส่ตัวหนังสือว่า พระอุปัชฌาย์ (ภู) วัดช้าง สร้างเป็นที่ระลึก ๔ ก.พ. ๒๕๑๗
แต่ละครั้งที่หลวงพ่อภู ท่านเดินทางไปนั่งปรกวัดสุทัศน์เทพวราราม ในพิธีใหญ่ๆ ครั้งสำคัญ อย่างเช่น พิธีวันเพ็ญเดือน ๑๒ ของทุกปี ท่านก็จะนำวัตถุมงคลของท่านที่มี ติดย่ามไปเสกด้วยทุกครั้งไป เหรียญของท่านถึงราคาจะไม่แพงมากนัก แต่ในปัจจุบันนี้ ก็ยากยิ่งที่จะหาได้เช่นกัน ศิษย์สายตรงที่นับถือท่านเมื่อพบเห็นก็เก็บกันหมด เหรียญนี้มีเนื้อทองแดง และกะไหล่ทอง
○ ตำนานพระกริ่งวัดช้าง
พระกริ่งวัดช้าง พ.ศ.๒๔๘๔ ของ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ซึ่งได้ประกอบพิธีเททองหล่อ พร้อมกับ พระกริ่งพุทธนิมิต โดยในส่วนของพระกริ่งวัดช้างนั้น เป็น การขออนุญาตสร้างของ พระครูหนู (อาจารย์นิรันตร์ แดงวิจิตร) จำนวนสร้าง ๔๐๐ องค์ เพื่อให้ลูกศิษย์ ทำบุญนำปัจจัยที่ได้ถวายวัดช้างเพื่อนำรายได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก อันเป็นวัดบ้านเกิดของ พระครูหนู ** เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของการสร้างพระกริ่ง ที่มักจะต้องมีการสร้างพระชัยวัฒน์ ควบคู่กัน ด้วยเสมอ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ให้ใช้ติดตัว ส่วนพระกริ่ง ให้เอาไว้บูชาที่บ้าน และไว้ทำน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อถึงคราวจำเป็น แต่นักนิยมพระในทุกวันนี้ กลับนำ พระกริ่ง เลี่ยมขึ้นคอก็มี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๘๔ (วันเพ็ญเดือน ๑๒) สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ได้ประกอบพิธีเททองหล่อ พระกริ่งพุทธนิมิต จำนวน ๓๐ องค์ พระครูหนู (อาจารย์นิรันตร์ แดงวิจิตร) เห็นว่า มีจำนวนสร้าง น้อยมาก ศิษย์วัดสุทัศนฯ อื่นๆ ที่อยากได้พระ ไว้บ้างก็อาจจะอดก็ได้ จึงได้ขอ อนุญาตเจ้าประคุณ สมเด็จฯ ขอสร้าง พระกริ่ง ขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง (๔๐๐ องค์) ในพิธีเดียวกันนี้ เพื่อให้ลูกศิษย์ ที่มีจิตศรัทธาสนใจได้ช่วยกันทำบุญ จะได้นำปัจจัยไปถวาย วัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก อันเป็นวัดบ้านเกิดของ พระครูหนู พระกริ่ง จำนวนนี้จึงเรียกกันว่า พระกริ่งวัดช้าง เป็นพระกริ่งหล่อ แบบใต้ฐานตัน แล้วเจาะรูทีหลัง เพื่อบรรจุ เม็ดกริ่ง และ ผงพุทธคุณ ที่พิเศษแปลกกว่า พระกริ่งรุ่นอื่นใดก็คือได้ บรรจุเ-พระเกศา ของ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ไว้ด้วย นับเป็นพระกริ่ง รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่มีสิ่งอันเป็นสิริมงคลนี้
