วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

หลวงพ่อพระใหญ่ วัดโพธาราม (วัดท่าไคร้) บ้านท่าไคร้ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

ประวัติ
หลวงพ่อพระใหญ่

วัดโพธาราม (วัดท่าไคร้)
ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ

หลวงพ่อพระใหญ่ หรือ “หลวงพ่อใหญ่”
พระประธานในอุโบสถ วัดโพธาราม (วัดท่าไคร้) จ.บึงกาฬ

วัดโพธาราม หรือ วัดท่าไคร้ เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปที่มีความสำคัญ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบึงกาฬ คือ หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว (๕ ฟุต ๔ นิ้ว) ความสูง ๓ ศอก ๑ คืบ (๗ ฟุต) ศิลปะสมัยล้านช้าง เป็นพระพุทธรูปโลหะที่มีการฉาบปูนโอบไว้ ภายหลังได้ทาสีทองทับเพื่อป้องกันองค์พระชำรุด เนื่องจากมีการสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใหญ่เป็นประจำทุกปี

หลวงพ่อพระใหญ่ หรือ “หลวงพ่อใหญ่”
พระประธานในอุโบสถ วัดโพธาราม (วัดท่าไคร้) จ.บึงกาฬ

ตามคำบอกเล่าสืบต่อกันมา เมื่อประมาณสองร้อยกว่าปี ผู้คนแถบนี้ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองยศ ซึ่งปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร มาตั้งถิ่นฐานทำไร่ ทำนา หากิน ซึ่งบริเวณแถบนี้เป็นป่าทึบมีเถาวัลย์ปกคลุมเต็มไปหมด ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันถากถางป่าบริเวณแห่งนี้ จนกระทั่งพบพระพุทธรูปดังกล่าวและตั้งชื่อว่าหลวงพ่อพระใหญ่ เพราะชาวบ้านไม่เคยเห็นองค์พระขนาดใหญ่อย่างนี้มาก่อน หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนและ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะชาวบ้านในบริเวณสองฝั่งลุ่มแม่น้ำโขงแถบนี้ จะให้ความเคารพ นับถือและศรัทธาเป็นอย่างมาก

การทำบุญสักการะหลวงพ่อพระใหญ่ ชาวบ้านได้กำหนดจัดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง ได้แก่งานประเพณีบุญเดือน สามหรือบุญข้าวจี่ ชาวบ้านจะพร้อมใจกันทำปราสาทผึ้งจำนวน ๒ หลังมาถวายด้วย และงานประเพณีสงกรานต์สรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ ในวันเสาร์และอาทิตย์ หลังเทศกาลสงกรานต์หนึ่งสัปดาห์

ปัจจุบันโบสถ์วัดโพรารามที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่กำลังอยู่ในช่วงการบูรณะ โบสถ์แห่งนี้ให้เฉพาะผู้ชายเข้าได้เท่านั้น ส่วนผู้หญิงให้กราบไหว้สักการะบูชาที่หน้าโบสถ์

สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อพระใหญ่นั้นมีมากหลาย โดยผู้ที่มากราบไหว้องค์หลวงพ่อพระใหญ่ มีความเชื่อว่าจะทำให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีตำแหน่งการงานที่ใหญ่ขึ้น มีโชคลาภแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งชาวบ้านที่นี่หลังบนบานสมหวังแล้ว มักนิยมแก้บนด้วยการจุดบั้งไฟน้อย (บั้งไฟลูกเล็ก) 9 ลูก ยิงข้ามไปยังฝั่งโขง นับเป็นการแก้บนที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอึกแห่งหนึ่ง

ประสบการณ์อิภินิหารหลวงพ่อพระใหญ่

เมื่อเวลา ๐๘.๓๐ น.วันที่ ๓๐ มิ.ย. พ.ศ.๒๕๖๐ ได้มีอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพลิกคว่ำตกถนนสาย ๒๑๒ บึงกาฬหนองคาย บริเวณเขตบ้านโนนแพง ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ ระหว่างกิโลเมตรที่ ๑๒-๑๓ สภาพรถนั้นพังยับทั้งคัน  โดยชนเข้ากับต้นไม้หลายต้นจนหักโค่น คนขับรถตะเกียกตะกายปีนออกมาจากซากรถอย่างทุลักทุเล ในมือด้านขวากุมสร้อยคอทองคำที่มีพระห้อยคออยู่ คือ นายสันติศักดิ์ แสงเพชร อายุ ๓๘ ปีบ้านเลขที่ ๔๕/๑ หมู่ที่ ๒ ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบึงกาฬ โดยไม่มีบาดแผลใดๆ แม้แต่ลอยถลอกอย่างน่าเหลือเชื่อ

โดย นายสันติศักดิ์ ได้เล่าถึงนาทีระทึกก่อนประสพเหตุว่าได้ขับรถไปส่งแฟนขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี ขากลับมีฝนตกหนักขณะเข้าเขตบึงกาฬ ถึงที่เกิดเหตุมองเห็นน้ำขังอยู่กลางถนนจึงได้แตะเบรก รถจึงหมุนเคว้ง ลงข้างทางที่มีต้นไม้จำนวนมาก ทำให้มีต้นไม้หักเพราะถูกรถหมุนกระแทกรอบคันจนพังยับ หลังจากรถจอดสนิทจึงได้ปีนออกมาจากทางประตูที่กระจกแตกละเอียดมาขอความช่วยเหลือรถที่วิ่งผ่านไปมา สาเหตุที่ทำให้ตนไม่ได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีบาดแผลใดๆ แม้แต่รอยข่วนในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของ รูปหล่อหลวงพ่อพระใหญ่ วัดบ้านท่าไคร้ หรือวัดโพธาราม รุ่นแรก สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖ ห้อยคออยู่กับตะกรุดขวานฟ้าผ่าของหลวงปู่ทองพูล สิริกาโม วัดสามัคคีอุปถัมภ์ ติดอยู่ในกระเป๋าสะพายตลอดเวลา จึงช่วยคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้ดังกล่าว