ประวัติและปฏิปทา
หลวงพ่อซวง อภโย
วัดชีปะขาว
อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้รับสมญานาม “เทพเจ้าแห่งเมืองสิงห์”
◉ ชาติภูมิ
หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว นามเดิมชื่อ “ซวง” เป็นชาวสิงห์บุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๒ ที่ ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี บิดาชื่อ “นายเฮง” และมารดาชื่อ “นางอ่ำ พานิช”
◉ อุปสมบท
เมื่ออายุ ๒๖ ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดโบสถ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อเฟื่อง วัดสกุณาราม (วัดนก) อ.ไชโย พระเกจิชื่อดัง ผู้สร้างพระพิมพ์สมเด็จวัดนกอันลือลั่น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “อภโย”
จากนั้นได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดชีปะขาว จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ได้รับการถ่ายทอดวิปัสสนากัมมัฏฐานเบื้องต้นและวิทยาคมต่างๆ จากพระอาจารย์คำ วัดสิงห์ ต.พระงาม ศิษย์หลวงพ่ออ่ำ วัดวงษ์ฆ้อง จ.พระนครศรีอยุธยา พระเกจิชื่อดังในอดีต
เมื่อสำเร็จแล้ว พระอาจารย์คำจึงแนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้เป็นสหธรรมมิก ศิษย์ของพระเกจิชื่อดังหลายรูป อาทิ พระพุฒาจารย์ (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส, หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส จ.สมุทรปราการ, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม, หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม ฯลฯ เพื่อศึกษาวิทยาคมต่างๆ เพิ่มเติม
จากนั้น หลวงพ่อแป้นแนะนำให้ไปศึกษาต่อกับหลวงพ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน จ.สุโขทัย สหธรรมิกที่สนิทสนมกันมาก ท่านเป็นพระเถระที่เก่งกล้าทางด้านวิทยาคมเป็นอย่างสูง เป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี
จึงมีความเชี่ยวชาญทั้งวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีฌานและพลังจิตอันแก่กล้า มีอภิญญาสมาบัติ และแตกฉานทางไสยเวทในหลายๆ ด้าน ว่ากันว่า ท่านมีวาจาสิทธิ์ ทั้งสามารถล่วงรู้วาระจิตใจของผู้อื่น และรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ท่านไม่เคยโอ้อวดอิทธิฤทธิ์ใดๆ ยังคงมีจริยาวัตรอันงดงาม สมถะ ไม่ยึดติดรูปสมบัติ ไม่ยอมรับปัจจัยใดๆ โดยจะยกให้เป็นสมบัติของสงฆ์จนหมดสิ้น
หลวงพ่อซวง เป็นพระเถระผู้มีจริยาวัตรอันงดงาม สมถะ ไม่ยึดติดรูปสมบัติ ฉันอย่างง่ายๆ ไม่ยอมรับปัจจัยใดๆ เป็นการส่วนตัว ท่านจะยกให้เป็นสมบัติของสงฆ์จนหมดสิ้น นอกจากนี้ ท่านยังได้ปฏิเสธการรับสมณศักดิ์และตำแหน่งใดๆ ที่เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีสมัยนั้น (พระราชสิงหวรมุนี วัดสังฆราชาวาส) มอบให้ท่าน อย่างไรก็ตาม พระราชสิงหวรมุนี ได้ขอร้องให้ท่านรับสมณศักดิ์ฐานานุกรม “พระวินัยธร” ซึ่งขณะนั้นว่างลงพอดี ท่านจึงจำเป็นต้องน้อมรับอย่างปฏิเสธมิได้ ท่านเน้นการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีฌานอันบริสุทธิ์และพลังจิตอันแก่กล้า
◉ มรณภาพ
หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ท่านได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ที่โรงพยาบาลจังหวัดสิงห์บุรี สิริอายุได้ ๖๙ ปี พรรษา ๔๕
ก่อนที่จะมรณภาพ ท่านได้บอกกับคณะกรรมการวัดว่า ถ้าต้องการให้โบสถ์หลังใหม่ ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่นั้นแล้วเสร็จ อย่าเพิ่งฌาปนกิจสังขารของท่าน มิฉะนั้นโบสถ์จะสร้างไม่เสร็จ คณะกรรมการวัดจึงปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของท่าน โดยเก็บรักษาสังขารของท่านไว้ในหีบไม้อย่างมิดชิด ประดิษฐานไว้บนศาลาการเปรียญ เพื่อให้คณะศิษย์และชาวบ้านได้บูชากราบไหว้ และร่วมทำบุญสร้างโบสถ์หลังใหม่ ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานโบสถ์หลังใหม่ก็สร้างเสร็จตามคำประกาศิตของหลวงพ่อ
หลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว ๒๖ ปี เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๖ คณะกรรมการวัดได้เปิดหีบไม้ที่บรรจุสรีระสังขารของหลวงพ่อซวง เพื่อทำพิธีฌาปนกิจ เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ขึ้น พบว่าสรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา แต่มีเนื้อหนังมังสาอยู่ครบถ้วน แต่แห้งและแข็งเหมือนหิน คณะกรรมการวัด จึงเปลี่ยนใจ ไม่ประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยนำร่างที่ไม่เน่าเปื่อยบรรจุไว้ในโกศขนาดใหญ่ และสร้างมณฑปเป็นที่ประดิษฐานไว้ภายในวัดชีปะขาว เพื่อเป็นที่บูชากราบไหว้ของคณะศิษย์และชาวบ้านทั่วไป
◉ ด้านัตถุมงคล
หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว จัดสร้างไว้หลายประเภท ทั้งประเภทหล่อโบราณ เนื้อโลหะ เช่น พระลีลาหรือพระกำแพงเขย่ง เหรียญหล่อรูปเหมือนใบเสมา รูปหล่อ สมเด็จหล่อ พระกลีบบัวเนื้อปรอท นอกจากนี้ ยังมีรูปถ่ายอัดกระจก พระเนื้อผง พระปรอท พระบูชา ผ้ารอยเท้าหลวงพ่อซวง ธนบัตรขวัญถุง นางกวัก ตะกรุด รูปถ่าย แหวนหูมุ้งหรือแหวนชิน ธงพระฉิมหรือผ้ายันต์เม็ดมะม่วง ผ้ายันต์สิงห์คู่ พระเครื่องประสบการณ์ดีทางคงกระพัน ล็อกเกต ฯลฯ
แต่ละประเภทมีจำนวนสร้างน้อย จึงค่อนข้างหายาก อาทิ พระลีลาหล่อ รูปหล่อ เหรียญหล่อ พระปรอท ล็อกเกต พระผงกลีบบัว ตะกรุด แหวน ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งล้วนทรงพุทธคุณเป็นเลิศ เป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมพระเครื่องยิ่งนัก แต่ที่ถือว่าเป็นสุดยอดคือ “พระปรอท”
พระเกจิที่สำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุนี้ มีน้อยรูปนัก ต้องมีบารมีธรรมสูง ทรงอภิญญาสมาบัติ และมีบุญญาธิการจริงๆ ด้วยกรรมวิธีการสร้างนั้นถือเป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่ยุ่งยากซับซ้อนมาก แต่ถ้าพูดถึงพุทธคุณแล้วครอบจักรวาลทีเดียว เนื่องจากปรอทมีคุณสมบัติพิเศษและมีพลังในตัวเอง
หลวงพ่อซวง ท่านได้จัดสร้างพระปรอท ประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๘ ตามตำรับโบราณที่ศึกษามาและยังทำการปลุกเสกเดี่ยวเพิ่มเติม จึงเข้มขลังทรงพุทธาคม
พระปรอท จะมีขนาดเล็ก ลักษณะเหมือนกลีบบัวหรือหยดน้ำ มีพิมพ์เดียวเท่านั้น ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปในท่านั่งสมาธิเต็มองค์ เหนืออาสนะบัวคว่ำบัวหงาย ด้านหลังเรียบ ไม่มีอักขระใดๆ สร้างประมาณ ๒๐๐ องค์เท่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่กับผู้ที่คุ้นเคย ญาติโยมละแวกวัดในกิจนิมนต์ต่างๆ ปัจจุบัน พระปรอท วัดชีปะขาว ถือเป็นสุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อซวงที่หายาก