ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่เพชร สารธัมโม
วัดพุทธรัตนาราม
เมืองฟอร์ทเวิร์ธ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
พระเดชพระคุณพระเทพสารมุนี หรือ หลวงปู่เพชร สารธัมโม อดีตประธานที่ปรึกษาคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศสหรัฐอเมริกา และอดีตเจ้าอาวาสวัดพุทธรัตนาราม เมืองฟอร์ทเวิร์ธ รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ท่านเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่คำ สุมังคโล และ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
◎ ชาติภูมิ
หลวงปู่เพชร สารธัมโม นามเดิมชื่อ เพชร นามสกุล สานทอง เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๕ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีวอก ที่บ้านตาลโกน ตําบลตาลเนิ้ง (ปัจจุบันเป็น ตําบลตาลโกน) อําเภอสว่างแดนดิน จ.สกลนคร บิดาชื่อ นายคํา สานทอง มารดาชื่อ นางแปล สานทอง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน เป็นชาย ๔ คน หญิง ๑ คน ท่านเป็นบุตรชายคนโต
◎ ภูมิลําเนาเดิม
พื้นเพเดิมของบรรพบุรุษ หลวงปู่เพชร สารธัมโม มาจากบ้านหนองหลัก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ต่อมาได้อพยพครอบครัวมาตั้งรากฐานบ้านเรือนอยู่ที่บ้านตาลโกน อ.บ้านหัน (ปัจจุบันเป็น อ.สว่างแดนดิน) จ.สกลนคร ประกอบอาชีพทําไร่ ทํานา ทําสวน เป็นต้น
◎ ปฐมวัยและการศึกษา
เมื่ออายุครบ ๗ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดโพธิ์ชัยเจริญ บ้านตาลโกน หลวงปู่เล่าว่าสมัยนั้น โรงเรียนบ้านตาลโกนกําลังทําการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ เลยต้องมาอาศัย ศาลาการเปรียญของวัดเป็นสถานที่เรียนหนังสือ หลวงปู่เป็นคนชอบเรียนหนังสือ ใฝ่หาความรู้ ขยัน ปัญญาดี หลวงปู่เล่าต่อไปว่า สมัยเรียนหนังสือนั้นท่านสอบคัดลายมือได้อันดับที่ ๑ ตลอดเลย จนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดโพธิ์ชัยเจริญบ้านตาลโกนนั้นเอง
หลังจากเรียนจบนั้นได้ช่วยโยมบิดามารดา ทํางานประกอบอาชีพทํานา ทําไร่ ทําสวน เป็นต้น จนอายุได้ ๑๖ ปี ด้วยบ้านตาลโกนมีประชากรมากขึ้น การทํามาหากินเลยไม่สะดวกขัดข้องฝืดเคือง โยมบิดามารดา ได้แสวงหาสถานที่ทํากินใหม่ จึงได้อพยพไปอยู่ที่บ้านทุ่งคํา อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร และท่านได้ช่วยโยมบิดามารดาทํางานเลี้ยงครอบครัวจนอายุได้ ๒๑ ปี
◎ การบรรพชาและอุปสมบท
หลวงปู่เพชร เล่าว่า.. “ท่านเป็นคนพูดน้อย ขี้อาย เลยจีบสาวไม่เป็น จึงไม่มีแฟนเหมือนเพื่อนๆ” (ท่านเล่าให้ฟังแล้วก็หัวเราะ) ด้วยเหตุนี้กระมัง เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี มีนิสัยเดิมเป็นทุน ปุพเพกตปุญญตา “ความเป็นผู้ ทำบุญในกาลก่อน” ท่านจึงตัดสินใจออกบวชทดแทนบุญคุณบิดามารดาผู้ให้กําเนิด และบรรพบุรุษ ทั้งหลาย ตลอดถึงผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอกล่าวธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้านในแถบนั้น เมื่อมีลูกชายโตอายุครบ ๒๑ ปี และผ่าน การคัดเลือกเกณฑ์ทหารแล้ว จะต้องเข้าบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเพื่อแทนค่าน้ำนมบิดา มารดาผู้ให้กําเนิด ดังนั้นหลวงปู่ก็ทํานองเดียวกัน บิดามาราดาจึงได้นําไปฝากไว้ที่วัดป่าโนนแสนคํา บ้านทุ่งคํา อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร โดยมี หลวงปู่สิงห์ทอง ชาคโร เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น จากนั้นหลวงปู่ก็ได้ฝึกหัดกล่าวท่องคําขอบรรพชาอุปสมบท ตลอดทั้งทําวัตรเช้า-เย็น บทสวดมนต์ เจ็ดตํานาน สิบสองตํานานจนจบ อีกทั้งฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติต่อครูอาจารย์ เช่น ล้างบาตร จัดหาน้ำใช้ น้ำฉัน เป็นต้น โดยไม่มีข้อบกพร่องต่อหน้าที่ของตน บุคคล และสถานที่นั้นๆ แม้แต่น้อย
ท่านจึงได้เข้าบรรพชาอุปสมบท เมื่ออายุ ๒๑ ปี ที่วัดศรีโพนเมือง ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมี พระมหาทองสุก สุจิตฺโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาไพบูลย์ อภิวณฺโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาสนธิ์ ขนฺตยาคโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๖ เวลา ๑๑.๕๗ น. ได้รับนามฉายาว่า “สารธมฺโม” แปลว่า “ผู้มีธรรมเป็นแก่นสาร”
◎ ศึกษาธรรมอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์
หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงปู่เพชร ก็ได้กลับมาจําพรรษาที่วัดป่าโนนแสนคํา และได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่สิงห์ทอง ชาคโร ในพรรษานี้ท่านได้ตั้งหน้าปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ และศึกษาสิกขาบทสําหรับพระนวกะไปด้วย หลวงปู่ได้เล่าเรื่อง หลวงปู่สิงห์ทอง ชาคโร พระอาจารย์ของท่านให้ฟังว่า ท่านได้ไปกราบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พอกราบเสร็จองค์หลวงปู่มั่นได้ถามชื่อของหลวงปู่สิงห์ทองว่าชื่ออะไร หลวงปู่สิงห์ทองได้ตอบว่า.. “สิงห์ทอง ขอครับ”
หลวงปู่มั่นได้พูดขึ้นมาว่า.. “สิงห์ทองที่ตกรถขาหักเพราะความโลภนั้นหรือ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลวงปู่สิงห์ทองขนลุกและสั่นไปทั้งตัว ที่หลวงปู่มั่นได้ล่วงรู้เรื่องราวอดีตของท่านหมด ทั้งที่ไม่คุ้นเคยและรู้จักกันมาก่อน (อดีตหลวงปู่สิงห์ทอง ตอนเป็นฆราวาส ท่านเป็นพ่อค้าขายของ และได้บรรทุกของมากมายเกินประมาณที่จะบรรจุบนรถนั้น เลยไม่มีที่สําหรับนั่ง ท่านจึงได้ขึ้นไปนั่งทับบนของนั้น เลยเป็นเหตุให้ท่านตกลงจากรถทําให้ขาหัก เพราะความโลภอยากได้ของจํานวนมากคราเดียว)
หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่คํา สุมังคโล (ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ขององค์หลวงปู่เสาร์ และหลวงปู่มั่น) ได้เดินทางมาพักที่วัดป่าโนนแสนคํา และเดินธุดงค์ต่อไปยังจังหวัดนครพนม หลวงปู่เพชรจึงได้มีโอกาสออกเดินธุดงค์ติดตามไปกับคณะของหลวงปู่คํา สุมังคโล ถึงภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า.. “ภูกระแต” บ้านห้อม อ.เมือง จ.นครพนม (วัดป่าธรรมวิเวกในปัจจุบัน) และท่านก็ได้จําพรรษาในสถานที่แห่งนี้ มีหลวงปู่คํา สุมังคโล เป็นประธานสงฆ์ หลวงปู่เพชรก็ได้ ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกัมมัฏฐาน และอุบายธรรมต่างๆ กับองค์หลวงปู่คํา ในการประพฤติปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ก็เป็นไปด้วยดี จิตใจได้รับความสงบรื่นเริงในธรรม
หลวงปู่เพชร ได้เล่าว่า.. “ครั้งหนึ่ง หลวงปู่คํา สุมังคโล ไปงานนิมนต์แถบจังหวัดสกลนคร หลังจากเสร็จพิธีแล้ว และเตรียมตัวจะกลับจังหวัดอุบลราชธานี มีโยมผู้ชายคนหนึ่งเจ้าของรถได้นิมนต์ท่านนั่งรถไปด้วย จึงได้นิมนต์ให้ท่านนั่งด้านหน้าข้างคนขับ ส่วนภรรยาคนขับรถไม่ยอม อยากจะนั่งด้านหน้ารถข้างสามีตนเอง สองสามีภรรยาได้ถกเถียงกันพักใหญ่ตกลงใจกันไม่ได้ หลวงปู่คําเห็นท่าไม่ดี ท่านจึงได้มาขึ้นรถทางด้านหลัง เป็นที่นั่งสําหรับผู้โดยสาร พอหลวงปู่คําได้ก้าวเท้าแตะเหยียบลงบนท้ายรถแค่นั้น ด้านหน้ารถคันนั้นได้ยกลอยตัวขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ ญาติโยมบนรถที่จะกลับด้วยตลอดทั้งภรรยาคนขับรถ ได้ตื่นตระหนกตกใจวิ่งลงจากรถไปหมดทุกคน และสุดท้ายภรรยาคนขับรถคันนั้น จึงได้นิมนต์หลวงปู่คํา ไปนั่งด้านหน้าข้างสามีตนเอง และได้กลับบ้านถึงจังหวัดอุบลราชธานีโดยสวัสดิภาพอย่างปลอดภัย”
หลังจากออกพรรษาหลวงปู่คํา สุมังคโล ได้พาคณะออกจาริกเที่ยวธุดงค์กัมมัฏฐานเลียบแม่น้ำโขงไปยังจังหวัดอุบลราชธานี พักตามป่าช้า โถงถ้ำ รุกขมูลใต้ร่มไม้บ้าง เพื่อภาวนาอบรมจิตใจของตนเองให้รู้ธรรมเห็น และได้เดินทางถึงวัดป่าบ้านเศรษฐี อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี จําพรรษาที่วัดแห่งนี้ โดยมี หลวงปู่คำ สุมังคโล , หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส , หลวงปู่ประสาร ปัญญาพโล และ หลวงปู่เพชร สารธัมโม
หลวงปู่เล่าว่า.. “ในพรรษานั้นได้ทําความเพียรอย่างหนัก เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เพราะว่าสถานที่สัปปายะ บุคคลสัปปายะ และมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ชั้นเอกที่คอยแนะนําสั่งสอนแนวทางปฏิบัติตลอดทั้งให้ข้อคิด อุบายธรรมต่างๆ ในการดําเนินฝึกหัดขัดเกลากิเลส
◎ ปฏิปทาหลวงปู่
หลวงปู่เพชร สารธัมโม ท่านเป็นคนพูดน้อย การเป็นอยู่ของท่านก็เรียบง่าย กินง่ายนอนง่ายอยู่สบาย ไม่จึงตนถือตัว เป็นผู้มักน้อยสันโดษตามมีตามได้ ขยันอดทน มีเมตตาธรรมสูง เกรงใจคนอื่น
• กิจวัตรประจําวัน
หลวงปู่เพชร สารธัมโม ท่านตื่นนอนตี ๒ ล้างหน้าล้างตา อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทศน์ธรรมะ นั่งสมาธิภาวนา จากนั้นท่านจะทําวัตรเช้าส่วนตัวที่ห้องนอนของท่าน เวลา ๖ โมงเช้า ลงทําวัตรเช้าสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา ร่วมกับหมู่คณะที่โบสถ์ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ลงจากโบสถ์มาแล้ว ท่านจะเดินตรวจความเรียบร้อยภายในบริเวณวัด เพื่อดูว่ามีอะไรบกพร่องบ้าง ควรเพิ่มเติมหรือซ่อมแซมแก้ไขบ้าง
เวลา ๖ โมงเย็น ทําวัตรเย็น สวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา ร่วมกับหมู่คณะที่โบสถ์ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ก่อนเข้านอนทุกวัน ท่านจะอ่านหนังสือธรรมะบ้าง ฟังเทศน์ธรรมะบ้าง นั่งสมาธิภาวนาบ้าง และทําวัตรเย็น สวดมนต์ แผ่เมตตา ส่วนตัวอีกครั้งที่ห้องนอน ไม่เคยขาด แม้แต่ไปกิจนิมนต์ในสถานที่อื่นๆ หรือ วัดอื่นก็ตาม ท่านทําเป็นกิจวัตรเป็นนิสัยตั้งแต่เริ่มต้นคืนตอนบวชใหม่ๆ ท่ามกลาง และปัจฉิมวัย ถึงแม้เข้าสู่ช่วงวัยชราภาพแล้วก็ตาม ท่านก็ยังไม่ทิ้งไม่ลดละกิจวัตรแม้แต่น้อย “ท่านเป็นพระผู้มีข้อวัตรปฎิปทาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ”
◎ การอาพาธ
หลังจากออกพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๕๘ องค์หลวงปู่ได้เดินทางไปพักที่วัดศรีสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ตอนบ่ายวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ หลวงปู่ได้ฉันน้ำปานะ เช่นเคยเหมือนทุกวัน แต่วันนี้หลังจากฉันน้ำปานะเสร็จ หลวงปู่ได้เกิดมีอาการอาเจียนอย่างหนักมาก คณะศิษยานุศิษย์เห็นท่าไม่ดีจึงได้นําส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ในคืนวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
อาการหลวงปู่ไม่ดีขึ้นมีแต่ทรุดลงไปเรื่อยๆ ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จึงได้นําส่งไปยังโรงพยาบาลในตัวจังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้วยโรคภาวะเลือดออกในสมอง หมอได้ถวายการรักษาจนสุดความสามารถแล้ว ด้วยองค์หลวงปู่มีอายุมากแล้ว กอปรกับหลวงปู่มีโรคเบาหวานประจําตัวอีกด้วย จึงเป็นเหตุให้ องค์หลวงปู่เพชร สารธัมโม ได้ละสังขารลงในที่สุด ด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๒๐.๔๖ น. สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี ๕ เดือน ๖๓ พรรษา
ที่มา :ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ ท่องถิ่นธรรม พระกัมมัฏฐาน