วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร

วัดถ้ำประทุน
ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๔๖๘ ตรงกับวันพุธ (กลางคืน) แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ณ บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ท่านกำเนิดในสกุล ธรรมจิตร

โยมบิดาชื่อ นายมี ธรรมจิตร (ซึ่งต่อมาได้ออกบวชเป็นตาผ้าขาวจนสิ้นชีวิต) โยมมารดาชื่อ นางและ ธรรมจิตร มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๒ คน หญิง ๓ คน มีชื่อเรียงตามลำดับดังนี้

๑. หลวงปู่วันดี ปภสฺสโร (มรณภาพแล้ว)
๒. หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร (มรณภาพปี พ.ศ.๒๕๕๑)
๓. นางบัวพันธ์ ประณมศรี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔. นางทองจันทร์ ขันธะจันทร์
๕. นางทองผัน ธงศรี

การศึกษา
หลวงปู่อ่อนศรี ท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดศรีชมพู (ในสมัยนั้น) บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และการศึกษาพระปริยัติธรรมสอบได้นักธรรมชั้นโท

การบรรพชา
หลวงปู่อ่อนศรี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๘ ณ วัดศรีสว่าง ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้วได้ไปจำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัยหนุ่ม

การอุปสมบท
ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๘ เวลา ๑๒.๐๐ น. ณ พัทธสีมาวัดศรีสว่าง จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระพุฒ ยโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสิริ สิริปุญฺโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ครั้นต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๐ ท่านได้กระทำญัตติกรรมเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอดุลย์สังฆกิจ (หลวงปู่มหาเถื่อน อุชุกโร) เจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูมุกดาหารสาธุกิจ (พระมหาผา) เจ้าคณะอำเภอมุกดาหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

พระครูอดุลย์สังฆกิจ (หลวงปู่มหาเถื่อน อุชุกโร)
พระครูอดุลย์สังฆกิจ (หลวงปู่มหาเถื่อน อุชุกโร)

ลำดับการจำพรรษา
เมื่อหลวงปู่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาตามที่ต่างๆ ดังนี้

  • ปี พ.ศ.๒๔๘๙ จำพรรษาที่วัดตาลนิมิตร บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
  • ปี พ.ศ.๒๔๙๐ – ๒๔๙๑ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
  • ปี พ.ศ.๒๔๙๒ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านแหลมฉบัง ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (ปัจจุบันคือบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง) ร่วมกับหลวงปู่ชื่น (๔๒ พรรษา) และหลวงพ่อมหาเผื่อน (๓๒ พรรษา) หลวงปู่สุบิน (๑๒ พรรษา) และหลวงปู่ (๙ พรรษา)
  • ปี พ.ศ.๒๔๙๓ – ๒๔๙๗ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันขึ้นเป็น จ.ยโสธร)
  • ปี พ.ศ.๒๔๙๘ จำพรรษาที่วัดป่าพระสถิตย์ ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย มี หลวงปู่บัวพา ปญฺญาภาโส เป็นเจ้าอาวาส
  • ปี พ.ศ.๒๔๙๙ จำพรรษาที่วัดปากทาง เหมืองแม่แฝก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านมีโอกาสได้ไปปรนนิบัติ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อยู่ระยะหนึ่ง
  • ปี พ.ศ.๒๕๐๐ – ๒๕๐๑ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านเหล่า ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
  • ปี พ.ศ.๒๕๐๒ – ๒๕๑๘ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส
  • ปี พ.ศ.๒๕๑๙ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
  • ปี พ.ศ.๒๕๒๐ – ๒๕๒๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
  • ปี พ.ศ.๒๕๒๓ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
  • ปี พ.ศ.๒๕๒๔ – ๒๕๓๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
  • ปี พ.ศ.๒๕๓๓ จำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี
  • ปลายปี พ.ศ.๒๕๓๓ – ๒๕๕๑ ได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำประทุน หมู่ที่ ๘ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โยมบิดาบวชเป็นตาผ้าขาว
ท่านเล่าให้ฟังว่า โยมบิดาของท่านเมื่อครั้งอยู่ในวัยหนุ่มไม่มีโอกาสได้บวชศึกษาเล่าเรียนในทางพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด เพราะมีภาระที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวมาหลายปี หลังจากที่หลวงปู่มาบวชนานหลายปีพอสมควร ท่านจึงได้ชักชวนโยมบิดาให้เข้ามาบวชรักษาศีล ๘ ประจำ (เรียกว่าตาผ้าขาว) เพื่อประพฤติปฏิบัติภาวนา และท่านได้พาไปหาความสงัดวิเวกในที่ต่างๆ เช่นที่ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตโยมบิดาท่าน รวมเวลาที่บวชเป็นตาผ้าขาวได้ถึง ๒๒ ปี หลวงปู่เล่าว่า ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านตั้งใจเดินทางไปหาความสงัดวิเวกที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีหมู่คณะที่ติดตามไปด้วยคือ

๑. พระมหาคำหล้า ธัมมกาโม
(วัดสมานโสภาราม ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย)

๒. พระอาจารย์สมุทร อธิปุญฺโญฺ
(วัดเวฬุวันหรือวัดเขาจีนแล ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี)

๓. ตาผ้าขาวนายมี ธรรมจิตร (โยมบิดาของหลวงปู่)

๔. หลวงปู่สุพรรณ (ปัจจุบันมรณภาพแล้ว)

กับสามเณรอีก ๑ รูป ซึ่งติดตามไปภายหลัง และได้พบกันที่วัดโป่งตูม อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

การเดินทางครั้งนั้นเริ่มต้นที่ จ.หนองคาย พักที่วัดหินหมากเป้ง ๑ คืน หลวงปู่ได้ข้ามไปทางฝั่งประเทศลาวระยะหนึ่ง แล้วกลับมาที่วัดหินหมากเป้งอีกครั้ง จากนั้นท่านได้เดินเท้าไป อ.สังคม ผ่าน อ.เชียงคาน จ.เลย ต่อไปถึงบ้านนาอ้อ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย โดยพักอยู่กับ หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ ๑๒ คืน จึงเดินทางต่อไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย จนถึง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พักที่วัดโป่งตูม และได้พบกับ หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ที่นั่น จากนั้นเดินทางไป อ.หล่มสัก พักอยู่กับหลวงปู่เคลือบ ที่สี่แยกป่าติ้ว จ.เพชรบูรณ์ ๓ คืน แล้วเดินข้ามหลังเขาไปจนถึง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ขณะนั้นโยมบิดาของท่านเกิดอาการอ่อนเพลียมาก จึงขอให้ขึ้นรถไฟและไปลงที่ จ.ลำปาง พักอยู่กับ หลวงปู่หลวง กตปุญโญ วัดเกาะคา ๓ คืน จากนั้นได้ต่อรถไฟไปจนถึง จ.เชียงใหม่ พักอยู่กับ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ที่วัดสันติธรรม ๒ เดือน พอใกล้เข้าพรรษา หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ขอให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดปากทางเหมืองแม่แฝก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นท่านได้เที่ยววิเวก และจำพรรษาอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ อีกประมาณ ๔ ปี จึงเดินทางกลับภาคอีสานบ้านเกิด

เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม
ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ หลวงปู่อ่อนศรี ท่านได้มาอยู่ที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน บ้านเกิดของท่าน แล้วได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัด หลวงปู่ได้พัฒนาวัดและก่อสร้างเสนาสนะที่ยังขาดแคลน เช่น ศาลาการเปรียญ กุฏิ และโรงครัว เป็นต้น อีกทั้งหลวงปู่ยังมีส่วนสำคัญในการนำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน เช่น ถนน ไฟฟ้า และบ่อน้ำ เป็นต้น เมื่ออยู่ที่นั่นเป็นเวลาติดต่อกันนานพอสมควร หลวงปู่ก็ออกไปปลีกวิเวกและปฏิบัติภาวนา พำนักจำพรรษาสถานที่อื่นบ้าง โดยไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เป็นต้น

พอออกพรรษา ก็กลับมายังวัดธรรมิการามอีกครั้ง ไปๆ มาๆ เช่นนี้อยู่เป็นหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าวัดธรรมิการามมีความเจริญ และความสะดวกสบายในด้านต่างๆ พอสมควร ในต้นปี พ.ศ.๒๕๓๒ ท่านก็ได้ตัดสินใจวางภาระต่างๆ ให้พระลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ท่านไว้วางใจคือ พระอาจารย์อัศวิน วรญาโณ ให้เป็นผู้รักษาการแทน

วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ออกไปหาความสงัดวิเวกที่วัดป่าดงเจริญ บ้านดงเจริญ ต.ดงเจริญ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ระยะหนึ่ง แล้วก็ลงมาทางภาคตะวันออก พักอยู่ที่วัดถ้ำประทุนประมาณ ๗ วัน (สมัยนั้นชื่อวัดตรอกแซง) หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้เดินทางไป จ.จันทบุรี ในปีนั้นหลวงปู่ตั้งใจจะไปจำพรรษาที่เกาะช้าง พอดีช่วงนั้นมีพายุเข้าฝนตกหนักเลยข้ามไปเกาะไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นเวลาจวนจะเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่จึงตัดสินใจจำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังจากออกพรรษาของปีนั้น คณะญาติโยมทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (คณะโยมแฉล้มและโยมอรุณี) ได้ไปนิมนต์หลวงปู่ให้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน เพราะเวลานั้นเจ้าอาวาสวัดได้ลาสิกขาไป ทำให้ขาดครูบาอาจารย์ที่จะมาปกครองดูแลวัด หลวงปู่จึงได้รับนิมนต์กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นต้นมา และได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนคณะศรัทธาญาติโยมที่ได้มากราบไหว้ก็เริ่มรู้จักหลวงปู่กันมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน สมัยที่หลวงปู่มาอยู่ใหม่ๆ เสนาสนะที่จำเป็น เช่น กุฏิ มีจำนวนน้อยไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีพระภิกษุสามเณรเข้ามาอยู่กับหลวงปู่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ท่านต้องสร้างเสนาสนะ (กุฏิ) และสิ่งที่จำเป็นหลายอย่างเพิ่มขึ้น

หลายปีผ่านไปหลวงปู่อ่อนศรี ท่านก็มาพิจารณาเห็นว่า อุโบสถหลังเก่าที่วัดศรีชมพู ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของบ้านบึงโน ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ยังเป็นพระบวชใหม่ บัดนี้เกิดชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก หลวงปู่เลยคิดยากจะรื้อแล้วทำขึ้นใหม่ ท่านจึงดำริจะสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น เพื่อให้วัดต่างๆ ที่อยู่ในละแวกนั้นได้มาทำสังฆกรรมร่วมกัน มีการลงอุโบสถทุกกึ่งเดือน เป็นต้น และใช้เป็นสถานที่สำหรับอุปสมบทกุลบุตรลูกหลานมาจากที่ต่างๆ อีกด้วย อาศัยศรัทธาจากญาติโยมทางพัทยา จ.ชลบุรี กรุงเทพฯ และคนในพื้นที่บ้าง ช่วยกันดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยมีนายสมเดช ดำรงค์กิจไพบูลย์ เป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง ซึ่งใช้ระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น ๔ ปี งบประมาณ ๑๒ ล้านบาท และได้ใช้ประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้

ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๓๙ หลวงปู่อ่อนศรี ท่านได้อาพาธหนักเป็นครั้งแรก ต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง (ด้วยโรคกระดุกพรุน) ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ถึงสองครั้ง อาการของหลวงปู่ก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ต้องพักฟื้นอยู่เป็นเวลานาน และต้องหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้กำลังมาก ดังนั้น การทำงานต่างๆ ภายในวัดจึงว่างเว้นไปอยู่หลายปี หลังจากสุขภาพพอจะทรงตัวได้ดี หลวงปู่ก็เริ่มหันมาพัฒนาสภาพวัดถ้ำประทุนที่ยังไม่ค่อยลงตัวอีกครั้ง เนื่องจากจำนวนพระภิกษุสามเณรเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้เสนาสนะ น้ำอุปโภคบริโภคก็ไม่ค่อยพอใช้ หลวงปู่จึงได้จัดทำโครงการขุดสระน้ำขนาด ๘ ไร่ (งบประมาณ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท) ซึ่งก็ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนในพื้นที่เป็นอย่างดีจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นทางวัดก็มีน้ำอุปโภคบริโภคอุดมสมบูรณ์ จนสามารถรองรับคณะศิษยานุศิษย์ได้เป็นจำนวนหลายพันคน

สำหรับการก่อสร้างเสนาสนะ หลวงปู่อ่อนศรี ท่านก็เมตตาทยอยสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกุฏิของพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี รวมถึง อุบาสก อุบาสิกา ฆราวาสญาติโยมที่มารักษาศีลที่วัดเป็นครั้งคราว เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้รับความสะดวกสบาย ปัจจุบันวัดมีความเจริญและสะดวกสบาย เช่น มีการปูพื้นซีเมนต์บริเวณกว้าง เพื่อลดปัญหาการชะดินของน้ำ เนื่องจากสภาพวัดเป็นภูเขาไม่ได้เป็นที่ราบเสมอกัน และยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาทำบุญ ได้มีที่จอดรถสะดวกสบาย โดยเฉพาะวันงานสำคัญต่างๆ ซึ่งมีลูกศิษย์มาทำบุญเป็นจำนวนมาก จนรู้สึกว่าสถานที่คับแคบไปถนัดตา มีการปลูกป่าเพิ่มเติมนับเป็นหมื่นต้น มีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ในอนาคตที่นี่จะเป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างอื่นๆ เช่น ตึกสงฆ์อาพาธ วิหารสำหรับเก็บพระพุทธรูปและบำเพ็ญกุศล โรงเก็บวัสดุ ห้องน้ำสำหรับญาติโยม เป็นต้น

หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม วัดเหวลึก
หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม วัดเหวลึก

ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ ถึง พ.ศ.๒๕๔๓ หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม แห่งวัดเหวลึก (วัดฐิติธรรมาราม) บ้านบึงโนใน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ได้ถึงแก่มรณภาพลง หลวงปู่อ่อนศรี ท่านได้ไปเป็นประธานจัดเตรียมงานให้ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย และยังเป็นผู้นำในการสร้างเจดีย์อุทิศถวายแด่ หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ตั้งเด่นสง่าให้ชนรุ่นหลังได้กราบไหว้รำลึกถึงคุณความดี ของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ล่วงลับไปแล้ว หลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ที่มีเมตตาอย่างยิ่ง ท่านจะบำเพ็ญกุศลทำทานบริจาคอยู่เป็นนิตย์ รวมถึง การไถ่ชีวิตโค-กระบือ ทำให้คณะศิษยานุศิษย์ก็พลอยได้มีโอกาสทำบุญทำกุศลไปกับหลวงปู่ด้วย งานก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากหลวงปู่ได้เมตตาช่วยแก้ปัญหาสภาพวัดมาโดยตลอด จนปัจจุบันวัดถ้ำประทุนได้กลายเป็นสถานที่สัปปายะ สำหรับผู้แสวงหาวิโมกขธรรมเป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่ปรารภเสมอว่า สิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อคนรุ่นหลังทั้งสิ้น ไม่ได้ทำเพื่อตนเองแต่อย่างใด หลวงปู่เองคงอยู่ได้อีกไม่นาน ทุกคนล้วนซาบซึ้งในความเมตตาอันยิ่งใหญ่จากหลวงปู่ที่ท่านอุทิศกำลังกาย กำลังใจ และความคิดเพื่อคณะศิษยานุศิษย์รุ่นหลังทุกๆ คน

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร

การอาพาธและการมรณภาพ
นับแต่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนา เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร หลวงปู่ได้มอบกายถวายชีวิตในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น และได้นำธรรมะเหล่านั้นมาเทศนาอบรมสั่งสอนพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และคณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลายตามสมควรแก่โอกาส ในการเทศนาสั่งสอนนี้หลวงปู่มักจะกล่าวถ่อมตนอยู่เสมอว่า ท่านเทศน์ไม่เก่ง ไม่มีปฏิภาณในด้านนี้ นั่นก็เป็นจริตนิสัยและวัตรปฏิปทาที่แสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น แต่ถ้าผู้ใดมีโอกาสได้ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด หรือได้มากราบหลวงปู่แม้เพียงครั้งเดียว ก็จะรู้สึกซาบซึ้งว่า หลวงปู่มีความน่าเคารพศรัทธาและน่าเลื่อมใสมากเพียงใด แม้ไม่ต้องสอนด้วยคำพูด แต่สอนด้วยการทำให้ดู อยู่ให้เห็น ผู้รู้จักสังเกตเรียนรู้ย่อมได้ปัญญาจากหลวงปู่ไม่น้อย

หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร

ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ หลวงปู่จึงดำริคิดจะสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่วัดถ้ำประทุน ซึ่งได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ในวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลวงปู่ได้ติดต่อปรึกษากับผู้ออกแบบเตรียมที่จะสร้างพระเจดีย์ เมื่อแบบแล้วเสร็จก็จะติดต่อพูดคุยกับผู้รับเหมาตามขั้นตอนต่อไป ในช่วงดำเนินการออกแบบ หลวงปู่ก็ได้อาพาธหนักถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมีนายแพทย์อลงกรณ์ ชุตินันท์ และนายแพทย์พงษ์อินทร์ คอยดูแลทำการรักษามาโดยตลอด

ในระยะหลัง สุขภาพของหลวงปู่ทรุดลงไปมากเนื่องจากความชรา และยังต้องผจญกับโรคประจำตัวมากขึ้น โดยเฉพาะระบบของเม็ดเลือดที่ผิดปรกติ หลวงปู่ต้องเข้ารับการให้เลือดเป็นระยะๆ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา แต่หลวงปู่ก็มีกำลังใจดี หน้าตาของท่านผ่องใสเหมือนไม่ได้อาพาธ หลวงปู่ก็รักษาสังขารร่างกายไปตามอัตภาพ ไม่ได้ขวนขวายอะไรมากนัก ทุกวันท่านจะไปทำงานบริเวณสระน้ำ เพื่อดูแลต้นไม้เป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ประจำวันเพื่อสุขภาพท่านเอง และเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดมา

กระทั่งวันอาทิตย์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลวงปู่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาเป็นครั้งสุดท้าย เป็นระยะเวลา ๖ วัน ในวันที่ ๗ หลวงปู่ก็ได้ละสังขารด้วยอาการสงบและจากพวกเราไปโดยไม่มีวันกลับ ซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั้งหลาย ศพของท่านได้ถูกจัดไว้เพื่อการบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาการเปรียญ วัดถ้ำประทุน อย่างสมเกียรติ มีการสวดพระอภิธรรมทุกคืนเป็นระยะเวลา ๑๐๐ วัน หลังจากนั้นบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อจัดงานฌาปนกิจต่อไป

การอาพาธของหลวงปู่ ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๓๙ หลวงปู่ได้อาพาธหนักเป็นครั้งแรกต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง (ด้วยโรคกระดุกพรุน) ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ ถึงสองครั้ง ภายหลังการผ่าตัดอาการของหลวงปู่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ต้องพักฟื้นอยู่เป็นเวลานานและหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้กำลังมาก โดยหลวงปู่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำมาตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี พอในปลายปี พ.ศ.๒๕๔๙ แพทย์ได้ตรวจพบความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว (มะเร็งในเม็ดเลือดขาว) และได้ทำการรักษาโดยการให้คีโมประมาณ ๓-๔ ครั้ง ที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้นได้รับการรักษาโดยวิธีการให้เลือดมาเป็นระยะ

พอถึงวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลวงปู่ได้มีอาการจุกแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง หายใจไม่สะดวก จึงได้เข้ารับการรักษาในห้องไอ ซี ยู โดยมี นายแพทย์อลงกรณ์ ชุตินันท์ แพทย์เจ้าของไข้ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น เนื่องด้วยหลวงปู่ติดเชื้อทางกระแสโลหิตอย่างรุนแรง แพทย์วินิจฉัยแล้วพบว่าเกิดจากโรคเม็ดเลือดและเกล็ดเลือดต่ำ มีการติดเชื้อในกระแสโลหิต การเต้นของหัวใจอ่อนกำลัง ความดันโลหิตต่ำ หลังจากนั้นมีอาการแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น อาการไตวาย ตับเสียการทำงาน และมีแผลติดเชื้อที่ขาข้างซ้ายอย่างรุนแรง

จนกระทั่งต่อมา หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร ท่านได้มรณภาพด้วยอาการสงบ ในวันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑ เวลา ๐๔.๓๔ นาฬิกา ที่ห้องไอซียู

รวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๘ เดือน ๒๒ วัน พรรษา ๖๒

เจดีย์ หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโรวัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
รูปเหมือน หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ภาพวาด หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร ณ วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
อัฐิธาตุ หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โอวาทธรรม หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร

“…กิเลสยังพอมีหนทางกำจัดให้สิ้นไปได้ แต่ความเจ็บป่วยของสังขารร่างกายร่างกายมันหนีไม่พ้น…”

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ dhammajak.net