ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ (วัดป่าบ้านนามน)
ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
หลวงปู่อว้าน เขมโก ท่านมี นามเดิมว่า “อว้าน ศรีบุญโฮม” ท่านเกิดเมื่อ วันจันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ตรงกับวันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ณ บ้านนามน ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
โยมบิดาของท่านชื่อ นายออ ศรีบุญโฮม และโยมมารดาชื่อ นางคำตา ศรีบุญโฮม
หลวงปู่อว้าน เขมโก สมัยท่านยังเด็ก ท่านเคยติดตาม หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ไปกราบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่ออุปสมบทแล้วจึงได้ไปศึกษาธรรมกับหลวงปู่กงมา และหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นต้น หลวงปู่อว้าน ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สมถะ เคร่งในพระวินัย สิกขาบท มีจริยวัตรงดงาม มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นเนื้อนาบุญของโลกควรแก่การคารวะนบนอบรูปหนึ่งในปัจจุบัน
ท่านพระอาจารย์มั่นที่ หลวงปู่อว้านได้พบเมื่อตอนยังเด็ก หลวงปู่อว้าน ท่านเล่าว่า
อาตมาออกโรงเรียนแล้วก็ได้ติดตามหลวงปู่กงมา ไปกราบท่านพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ไปพักที่นั่น ๓ คืน พักกับหลวงปู่กงมา พอไปถึง ท่านพระอาจารย์มั่นบ่นเกี่ยวกับอาจารย์ถวิล จิณฺณธมฺโม ซึ่งท่านเอาปูนซีเมนต์หุ้มต้นเสากันมดไม่ให้ขึ้น ท่านบ่นแล้วบ่นเล่าว่า “ไม่ดีๆ” เช้ามา หลวงปู่กงมาก็พาหมู่ทุบแล้วก็ทำใหม่ อาจารย์ถวิลก็มาช่วยทำอีกอย่างเก่า ท่านพระอาจารย์มั่นท่านเดินดูตามลูกกรงส่องมาดู ท่านว่า “ท่านถวิล มันเฮ็ดหยังคือไก่เขี่ยเนี่ย” ท่านพูดให้อาจารย์ถวิลองค์เดียว ตอนอาตมาเป็นเด็กก็ได้ยิน ได้ช่วยท่านก่อปูนด้วย แต่ไม่รู้จักความหมาย
ต่อเมื่ออาตมาเข้ามาบวชคราวนี้ ก็ได้นำคำพูดคำนั้นมาศึกษาดู แปลว่ายังไง ก็อาจารย์ถวิลท่านเก่งทางปูน ท่านเป็นช่างปูน แต่ทำให้ท่านพระอาจารย์มั่นติแล้วติเล่า นำมาศึกษาดูก็ได้ความว่า “ท่านเตือนสติ ท่านมีสติสำรวม ส่งจิตไปอื่นไม่ได้ แล้วถ้าส่งจิตไปเพื่อความสวยความงามนั้นไม่ได้ ท่านพระอาจารย์มั่นอนุญาตให้ทำได้ถ้าทำเพื่อให้แข็งแรงทนทานตั้งอยู่ได้นาน แต่ถ้าจะเพ่งเพื่อความสวยความงามไว้อวดคนอื่นอย่างนั้นไม่ได้” ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านคุมสติ ตอนอาตมาเข้าไปวัดป่าบ้านหนองผือตอนนั้น หลวงปู่บ้านตาด (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) ก็อยู่ที่วัดด้วย ท่านใช้อาตมาให้ไปเก็บพลูเคี้ยวหมากมาถวายท่านพระอาจารย์มั่น
เมื่อตอนอาตมาเข้าไปกับหลวงปู่กงมา ตอนเป็นเด็กนั้น ท่านพาไปด้วย อย่างอื่นที่เห็นแปลกๆ ไปพักอยู่ที่นั่น ๓ คืน มีแมวตัวหนึ่ง แมวเหลือง กลางคืน (มัน) ก็ไปฟังเทศน์ท่านทุกคืนพระก็นั่งตามระเบียงรอบนอกนั่นแหละ ท่านพระอาจารย์มั่นองค์เดียวนั่งข้างบน แมวตัวนั้นก็หมอบอยู่ตรงหน้าท่านพระอาจารย์มั่น จนกระทั่งเลิกนั่นแหละจึงไป ทั้ง ๓ คืนเห็นแมวตัวนั้นตลอด ตอนเช้าก็ไปหมอบอยู่ตรงที่ท่านฉันนั่นแหละ ไม่ได้ร้องอะไรจนกว่าท่านฉันเสร็จ ท่านถึงให้กิน แล้วกลางวันก็ไปอยู่กุฏิเณร อยู่กระต๊อบกับเณร กลางคืน ๓ คืนเห็นหมอบอยู่ทุกคืนแมวตัวนั้น
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ต่อมาได้ติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ไปอยู่ที่วัดป่านิโคธาราม บ้านหนองบัวบาน ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้เข้ารับการคัดเลือกเกณฑ์ทหาร ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐
เมื่อพ้นจากทหารแล้วจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เมื่ออายุ ๒๕ ปี โดยมี พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชในน้ำ อุทกุกเขปสีมา เขตบ้านโคก เอาน้ำเป็นเขตสีมา มีศาลาอยู่กลางน้ำ สมัยก่อนไม่ได้ขอวิสุงคามสีมา มีหนองน้ำที่ไหนเขาก็ไปปลูกศาลาเอาไว้ ทำสะพานเดินเข้าไป เวลาบวชก็บวชกันที่ศาลากลางน้ำ
หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้มาพำนักจำพรรษา ณ วัดดอยธรรมเจดีย์ บ้านนาสีนวล ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร กับหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ต่อมาได้มาศึกษาธรรมปฏิบัติกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่านิโคธาราม
ท้ายที่สุด หลวงปู่อว้าน ได้รับการนิมนต์ให้มารักษาป่าที่วัดบ้านเกิด คือ ท่านพำนักจำพรรษา ณ วัดป่านาคนิมิตต์ (วัดป่าบ้านนามน) บ้านนามน ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นเคยพักปฏิบัติอบรมญาติโยม ในปี พ.ศ.๒๔๘๖
ปัจจุบัน หลวงปู่อว้าน เขมโก พำนักปฏิบัธรรมและอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน ณ วัดป่านาคนิมิตต์ (วัดป่าบ้านนามน) บ้านนามน ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร ปัจจุบันหลวงปู่อว้าน สิริอายุ ๘๕ ปี พรรษาที่ ๖๐ (พ.ศ.๒๕๖๓)
ประวัติวัดป่านาคนิมิตต์
วัดป่านาคนิมิตต์ นี้ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตมหาเถระ มาสร้างครั้งแรก อาตมาเองยังไม่ได้เกิดนะ เดิมวัดนี้มี ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลมหาเถระ เดินธุดงค์มาก่อน ท่านพระอาจารย์เสาร์ มาพักรุขมูล ครั้นต่อมาท่านก็เดินธุดงค์ต่อไป แล้วท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็เดินธุดงค์ตามรอย ท่านพระอาจารย์เสาร์มา ท่านพระอาจารย์เสาร์พักที่ไหน ท่านพระอาจารย์มั่นก็พักที่นั่น ท่านพระอาจารย์มั่นมาเห็นที่สัปปายะ ท่านก็เลยปรารภกับโยม “คิดจะสร้างเป็นวัด” โยมชาวบ้านนามนเขาจะปลูกสร้างกุฏิหลังนี้แหละ (กุฏิท่านพระอาจารย์มั่น) เขาเตรียมไม้ไว้ว่าจะยกวันพรุ่งนี้ ในตอนกลางคืนพญานาคเขามาทำรอยเอาไว้ให้ ตอนเช้าโยมเขามาว่าจะยกกุฏิ ท่านพระอาจารย์มั่น ก็ชี้บอกโยมเขาว่า “นั่นแหละ พญานาคทำรอยไว้ให้แล้ว” โยมเขาไปดู เขาว่าเป็นรอยกลมๆ วงกลมจึงก่นหลุม (ขุดหลุม) ตามรอยนั่นแหละ แล้วท่านพระอาจารย์มั่นก็พูดบอกโยมเขาว่า “วัดนี้ให้ชื่อว่าวัดป่านาคนิมิตต ์”
แต่ชาวบ้านทั่วไป วัดอยู่บ้านไหนเขาก็เรียกวัดป่าบ้านนั้นแหละ เช่น วัดป่าบ้านนามน วัดป่าบ้านโคก วัดป่าบ้านห้วยแคน เป็นต้น เอาบ้านเป็นชื่อวัด อยู่บ้านไหนก็เอาบ้านนั่นแหละตั้งเป็นชื่อวัด สมัยก่อนเราขอกับทางการ จึงเอาชื่อ “วัดป่านาคนิมิตต์” ช่วงที่พญานาคมาทำรอยไว้ คือช่วงที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักจำพรรษาอยู่วัดนี้ เขาทำรอยไว้ที่นั่น (กุฏิท่านพระอาจารย์มั่น) แล้วเขาก็เลื้อยมาที่นี่ (มาที่ศาลา) เมื่อก่อนที่นี่เป็นป่า เขาลอย (เลื้อย) มา โยมเขาเอาเท้าไปขวางดู (วัดดู) สุดรอยเท้าเขาพอดีนะผอด (รอยของมัน) นั้น วัดป่านาคนิมิตต์ (วัดป่าบ้านนามน) หลังจากที่พญานาคมาแสดงนิมิตต์ไว้ จากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีอีก แต่อาตมาเองมาพักอยู่ที่วัดป่านาคนิมิตต์ เดินจงกรมกลางวันจิตนึกถึงนาค พอนึกถึงนาคงูคอแดงไม่รู้ออกมาจากไหนน่ะ ปรากฏว่ามีทั้งข้างหน้า ถอยหลังก็มี ข้างซ้าย ข้างขวาก็มีไปหมด อาตมาจะไปไหนก็ไปไม่ได้ ต้องยืนอยู่กับที่ เขาเลื้อยผ่านไปผ่านมาอยู่นั่นแหละ สักครู่เดี๋ยวก็หาย ไม่รู้หายไปไหนหมด งูคอแดงตัวไม่ใหญ่ คอมันแดงๆ พอนึกถึงเขา เขาก็ปรากฏให้รู้ว่ามีจริง ..
โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่อว้าน เขมโก วัดป่านาคนิมิตต์
“..อาศัยความเพียรเท่านั้นแหละ เราจะเพียรอยู่นี่ เกิดภพไหนชาติไหนก็จะเพียรอยู่นี่แหละ เราไม่ประมาทแหละ เรารักษาศรัทธาความเชื่อของเรา เพราะอะไรทุกอย่างก็ล้วนแต่ของเก่าทั้งหมด สาวกพระพุทธเจ้าที่ว่าง่าย ก็ท่านฝึกฝนมายากมาก่อนแล้ว เอาชีวิตแลกเอาก็ยังไม่ได้ในอดีตชาติ ปัจจุบันจึงได้ง่ายน่ะ..”
“…เอาความดีนั่นแหละเป็นเกราะ
คุ้มครองเรา ไม่ต้องขอเดี๋ยวก็มีมาเอง
และบุญนั้นจะนำความสุขมาให้เรา…”
“…การภาวนานั้นไม่ต้องสอนกันมาก ให้ดูลงไปที่กายใจ เพราะกายและใจจะสอนเราเอง ของจริงนั้นไม่ต้องอาศัยตำรา ไม่อาจเรียนจากตำรา ไม่อาจหาเอาจากสิ่งใด แม้แต่คำจากหลวงปู่ก็สอนไม่ได้ แม้พูดไปเท่าใด ก็ไม่อาจเข้าถึงจิตถึงใจ หากไม่มีความเพียร ขอให้ทำให้มาก และใจเรานั่นแหละมันจะสอนตัวเอง…”
เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ “พระอว้าน เขมโก” วัดป่านาคนิมิตต์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ มีนามว่า “พระวชิรเขมคุณ”
◉ พระมหาธาตุเจดีย์วัดป่านาคนิมิตต์
สืบเนื่องจากวัดป่านาคนิมิตต์นั้นเป็นมงคลสถานดั้งเดิมที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์กันตสีโลมหาเถระ และท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมหาเถระ ได้มาพักรุกขมูลครั้งออกเดินธุดงค์มาแถบจังหวัดสกลนคร โดยท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ได้เดินธุดงค์มาพำนักปักกลดเป็นรูปแรก ณ เสนาสนะป่าบ้านนามน อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
จากคำปรารภขององค์หลวงปู่อว้าน เขมโก ได้กล่าวว่า
“เดิมทีแนวเขตที่ดินของวัดนั้น ทางด้านทิศเหนือมีตอไม้ต้นจิกใหญ่ ส่วนด้านทิศใต้มีโพนจอมปลวกใหญ่ จากแนวเขตนี้มาทั้งหมดนั้นคือที่ดินของวัดป่านาคนิมิตต์
เมื่อครั้งพระอาจารย์เสาร์เดินธุดงค์มาพำนักที่เสนาสนะป่าบ้านนามน ท่านได้ปักกลดที่ใต้ต้นมะม่วงป่าใหญ่ ใกล้วัดบ้าน(วัดสัมพันธวงศ์)
หลังจากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นได้เดินธุดงค์ตามรอยท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์มาในพื้นที่ดังกล่าว และพิจารณาเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้ใกล้วัดบ้านและเริ่มมีชุมชนหนาแน่นเพิ่มขึ้น คงไม่สงัดและวิเวกพอในการบำเพ็ญเพียรภาวนา ท่านจึงย้ายเข้ามาพำนักอยู่ในป่าด้านใน ซึ่งปัจจุบันนี้คือวัดป่านาคนิมิตต์และต่อมาที่ดินบางส่วนของวัดป่านาคนิมิตต์ได้ถูกชาวบ้านยึดถือจับจองเป็นที่ทำกิน”
ปัจจุบันหลวงปู่อว้าน เขมโกเห็นว่าพื้นที่ของวัดบางส่วนนั้นซึ่งถูกชาวบ้านครอบครองไป ท่านมีความประสงค์ที่จะรักษาสถานที่แห่งนี้ไว้ จึงมีดำริกับคณะศิษยานุศิษย์ให้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของวัด เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ดั้งเดิมที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ได้เคยมาพำนักปักกลดบำเพ็ญเพียรภาวนาให้กลับคืนมาเป็นมงคลสถานที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนได้เคารพกราบไหว้สืบไป
นอกจากนี้ท่านยังมีดำริที่จะจัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ไว้เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพร้อมทั้งอัฐิธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และเป็นอนุสรณ์สถานที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์และพระอาจารย์มั่น ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่แห่งพระกรรมฐานฝ่ายวิปัสสนาธุระได้เคยมาบำเพ็ญเพียรเจริญสมณธรรม ณ สถานที่แห่งนี้
อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาอบรมในธรรมปฏิบัติของศิษย์พระผู้ใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่นอีกหลายรูป อาทิเช่นหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์มหาทองสุข สุจิตโต, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ, หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโร, หลวงปู่คำพอง ติสโส เป็นต้น ซึ่งต่อมาล้วนเป็นพระมหาเถระรูปสำคัญของประเทศไทยทั้งสิ้น
นอกจากนี้วัดป่านาคนิมิตต์ยังเป็นสถานที่จดจารึกหลักธรรมคำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตไว้เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระกรรมฐาน นั้นคือหนังสือ “มุตโตทัย” ซึ่งจดบันทึกโดยหลวงปู่วิริยังค์ สิรินธโรในปี พ.ศ.๒๔๘๕
ดังนั้นศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์จึงขอน้อมรับดำริธรรมของหลวงปู่อว้าน เขมโกด้วยความปิติใจเป็นล้นพ้นในการจัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้น เพื่อน้อมรำลึกเทิดทูนบูชาคุณครูบาอาจารย์ในธรรมปฏิบัติและแนวทางปฏิทา รวมทั้งคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กันตสีโลมหาเถระ และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมหาเถระ ซึ่งเป็นพระบูรพาจารย์ของพระกรรมฐานไว้ให้พุทธศาสนิกชนน้อมสักการะบูชาสืบไป
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ จึงขอเชิญชวนพุทศาสนิกชนที่มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ร่วมบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่ใน”โครงการจัดสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ วัดป่านาคนิมิตต์”
โดยสามารถโอนเงินได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาจังหวัดสกลนคร
เลขที่บัญชี 412-3-23808-4
ชื่อบัญชี ”กองทุนร่วมสร้างเจดีย์ วัดป่านาคนิมิตต์”