วันศุกร์, 25 ตุลาคม 2567

หลวงปู่ห้วย เขมจารี วัดประชารังสรรค์ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ห้วย เขมจารี

วัดประชารังสรรค์
อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ

หลวงปู่ห้วย เขมจารี วัดประชารังสรรค์ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ

พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี) พระผู้มีวาจาสิทธิ์’แห่งห้วยทับทัน

หลวงปู่ห้วย เป็นพระเถระรูปหนึ่งของ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ หลวงพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้นำพาชาวบ้านห้วยทับทันสร้างศาลาเรือนไม้ขึ้น ๑ หลัง ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระประธานประจำวัด เป็นที่กระทำกิจวัตรสวดมนต์เช้าเย็นของพระภิกษุสามเณร และยังใช้เป็นที่บำเพ็ญบุญกุศลต่างๆ ของชาวบ้านด้วย

หลวงปู่ห้วย ได้ปฏิบัติศาสนกิจอบรมสั่งสอนประชาชนและพระภิกษุสามเณรในปกครองด้วยความเมตตาเป็นที่ตั้ง ท่านจึงมีสัทธิวิหาริก และอันเตวาสิกมากมาย ประกอบกับท่านวางตนเรียบง่ายสมถะ ชอบความสันโดษตามแบบศากยบุตร จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของเหล่าประชาชนที่ได้พบเห็น

ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก วัดประชารังสรรค์ หลวงปู่ห้วย ได้สร้างศรัทธาให้แก่หมู่ญาติโยม นำญาติโยมสร้างวัดประชารังสรรค์ จากวัดเดิมที่เป็นเพียงสำนักสงฆ์มีกุฏิไม่กี่หลัง ให้เป็นวัดที่มีความสมบูรณ์ด้วยศาสนสมบัติที่สามารถใช้กิจทางพระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มที่ จึงนับได้ว่าเจ้าคุณจรัส เขมจารี หรือหลวงปู่จรัส เขมจารี เป็นพระเถระผู้สร้างประโยชน์ทั้งแก่ส่วนตนและสังคม ยังความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนในเขตอำเภอห้วยทับทันเป็นอย่างมาก จนได้เรียกนามของเจ้าคุณว่า “หลวงปู่ห้วย” เพราะความที่เคารพรักศรัทธาท่านเจ้าคุณเปรียบเสมือนพ่อที่สร้างอำเภอห้วยทับทันมา

สำหรับเหตุผลที่ชาวศรีสะเกษเรียก พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่จรัส เขมจารี) ว่า “หลวงปู่ห้วย” เพราะท่านอยู่อำเภอห้วยทับทัน เดิมเป็นศิษย์สายหลวงปู่ศรีผีย่าน วัดหลวง หลวงปู่ศรีส่งท่านมาอยู่ที่ห้วยทับทันประมาณ พ.ศ.๒๔๙๗ เมื่ออยู่นานขนาดนั้นจึงกลายเป็นหลวงปู่ห้วยไปโดยอัตโนมัติ

ปัจจุบัน หลวงปู่ห้วยท่านไปๆ มาๆ ระหว่าง ๒ วัด คือวัดหลวงในตัวเมืองศรีสะเกษกับวัดเดิมที่อำเภอห้วยทับทัน ส่วนใหญ่แล้วท่านชอบพำนักที่วัดเดิมในอำเภอห้วยทับทันมากกว่าวัดหลวง ด้วยที่นั่นสงบเงียบ เหมาะกับจริตของท่านใครเดินทางผ่านอำเภอห้วยทับทันโดยเส้นทางสุรินทร์ – ศรีสะเกษ สายเลียบทางรถไฟ สามารถแวะกราบท่านได้ง่าย “คุณวิเศษที่กล่าวขวัญกันคือท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดถึงอะไรมักเป็นจริงจึงเป็นเหตุให้คนทั้งหลายยำเกรง”

พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่จรัส เขมจารี) นามเดิมของท่านชื่อ “จรัส ศรีสุข” เกิดวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ ณ บ้านเมืองจันทร์ ต.เมืองจันทร์ อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ โยมบิดาชื่อ นายมา ศรีสุข โยมมารดาชื่อ นางผุย ศรีสุข ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง ๗ คน วัยเด็กเจ้าคุณได้เข้าเรียนระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบ้านเมืองจันทร์ จบชั้น ป.๓ เพราะมีสอนเท่านั้น จึงออกจากโรงเรียนมาช่วยงานโยมบิดามารดาช่วยดูแลน้องๆ ในฐานะพี่คนโต

พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี)

ในปี พ.ศ.๒๔๘๗ อายุได้ ๑๗ ปี จึงเข้าบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดหลวงสุมังคลาราม เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจนกระทั่งสอบได้นักธรรมชั้นตรี ซึ่งก่อนหน้านั้น ปี พ.ศ.๒๔๘๓ อายุ ๑๓ ปี ท่านก็ได้เคยบรรพชาเป็นสามเณร
อยู่ที่ วัดบ้านดู่หัวนา ต.ประดู่ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ เช่นเดียวกัน

พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี)

จนกระทั่ง ในปี พ.ศ.๒๔๙๑ เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี จึงได้รับการอุปสมบทขึ้นเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสิริสารคุณ (ศรี ฐิตธมฺโม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาธวัช วิมโล เป็นพระกรรมวาจารย์ พระมหาหน่วย ขันติโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดหลวงสุมังคลาราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยได้รับนามฉายาว่า “เขมจารี” แปลว่า “ผู้ประพฤติซึ่งธรรมอันเกษม

พระญาณวิเศษ (หลวงปู่ศรี ฐิตธัมโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม

◎ พระนักเผยแผ่แห่ง “ศรีสะเกษ”
หลวงพ่อห้วยได้จัดตั้งศูนย์เผยแผ่พุทธธรรมวัดหลวงสุมังคลารามขึ้น เพื่อส่งเสริมสนับสนุนงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งนี้ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านได้นำพาคณะศิษยานุศิษย์ตั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาส่งเสริมพระพุทธศาสนาขึ้นในนาม “มูลนิธิวัดประชารังสรรค์จรัสเขมจารีนุสรณ์” ซึ่งในวาระทำบุญคล้ายวันเกิดทุกปี ท่านได้นำดอกผลมาเป็นทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรที่สอบนักธรรมและเปรียญธรรมได้ และยังแบ่งส่วนหนึ่งเป็นทุนสนับสนุนนักเรียนเยาวชนที่ศึกษาธรรมะสอบธรรมศึกษาได้อีกด้วย แต่ละปีเฉลี่ย ๑๐๐,๐๐๐ บาท และรับภาระเป็นประธานมูลนิธิการศึกษาอำเภอห้วยทับทันอีกด้วย

นอกจากจะตั้งมูลนิธิและมอบทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรเด็กและเยาวชน แล้ว ยังรับภาระเป็นองค์อุปถัมภ์ในการเปิดขยายห้องเรียนสาขาพุทธศาสตร์ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ห้องเรียนศรีสะเกษ เปิดสอนทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ณ วัดหลวงสุมังคลาราม

จากผลงานที่เป็นรูปธรรมแล้วด้านการบริหารพระภิกษุสามเณรในปกครอง ด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม งานช่วยเหลือสาธารณกุศลอื่นๆ หลวงพ่อได้ปฏิบัติให้การอุปถัมภ์และการสนับสนุนมาโดยตลอด คิดเป็นมูลค่าเงินประมาณ ๑๐ ล้าน ถึง ๑๓ ล้านของแต่ละปี จนได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์แต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอฝ่ายธรรมยุตปกครองพระภิกษุสามเณรในพื้นที่เขต อ.ห้วยทับทัน อ.อุทุมพรพิสัย อ.ปรางค์กู่ อ.ราษีไศล อ.เมืองจันทร์ อ.บึงบูรพ์ อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ และอ.ศิลาลาด เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๙

พ.ศ.๒๕๕๐ เนื่องจากหลวงพ่อได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธรรมยุต) จนมีอายุครบ ๘๐ ปีบริบูรณ์
แต่ยังมีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธรรมยุต) ต่อไปอีก เพราะยังมีสุขภาพแข็งแรง สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดได้อีกทั้งยังเป็นที่เคารพศรัทธาของคณะสงฆ์และประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ จึงได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปอีก ๓ ปีเฉพาะกรณี ตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๐ กๅตราตั้งที่ ๖/๒๕๕๐ แต่งตั้ง ณ วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐

จากปฏิปทาที่สมถะและผลงานทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมอันหลากหลาย หลวงพ่อได้รับการยกย่องเชิดชูจากคณะสงฆ์และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สูงขึ้น โดยลำดับ

◎ ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็น เจ้าอาวาสวัดประชารังสรรค์
พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็น พระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็น เจ้าคณะอำเภออุทุมพรพิสัย – ห้วยทับทัน – ปรางค์กู่ – ราษีไศล – บึงบูรพ์ – เมืองจันทร์ – โพธิ์ศรีสุวรรณ (ธ)
พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็น ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ)
พ.ศ. ๒๕๔๗ – ๒๕๕๓ เป็น เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ)
พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็น เจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม พระอารามหลวง
พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็น ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ)

◎ สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ ที่ พระครูวิจารณ์สมถกิจ
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระญาณวิเศษ
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระราชญาณโสภณ วิมลศาสนกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

หลวงปู่ห้วย เป็นพระเถระรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ที่มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ได้สร้างศรัทธาให้แก่หมู่ญาติโยม นำญาติโยมสร้างวัดประชารังสรรค์จากวัดเดิมที่เป็นเพียงสำนักสงฆ์มีกุฏิไม่กี่หลังให้เป็นวัดที่มีความสมบูรณ์ด้วยศาสนสมบัติที่สามารถใช้กิจทางพระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มที่ ยังความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนในเขตอำเภอห้วยทับทันเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนพ่อที่สร้างอำเภอห้วยทับทันมา

จากผลงานที่เป็นรูปธรรมแล้วด้านการบริหารพระภิกษุสามเณรในปกครอง ด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม งานช่วยเหลือสาธารณกุศลอื่นๆ หลวงพ่อได้ปฏิบัติให้การอุปถัมภ์และการสนับสนุนมาโดยตลอด

ปัจจุบัน พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดประชารังสรรค์ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๙๓ ปี พรรษา ๗๒ (พ.ศ.๒๕๖๓)

พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี)

◎ โอวาทธรรม พระราชญาณโสภณ (หลวงปู่ห้วย เขมจารี)

“..คนมีปัญญา
ถึงเผชิญอยู่กับความทุกข์
ก็ไม่ยอมสิ้นหวัง
ที่จะได้ประสบความสุข..”

โลภ โกรธ หลง
“..โลภโกรธหลง ปลงไม่ได้ ใครเคยคิด
มันมาติดที่หัวใจใครรู้บ้าง
เมื่อยามโลภอยากได้ใครจะวาง
กลับหาทางเอามันให้ทันใจ

ยามเจ้าโกรธพิโรธนักปักดวงจิต
เจ้าเฝ้าคิดทำลายให้ตายได้
คิดอิจฉาด่าทอขอให้ตาย
คิดทำลายแม้สมบัติอัศจรรย์

ยามเจ้าหลงคงคิดจิตยึดมั่น
หลงรักกันเป็นของข้าน่าขบขัน
ได้มาแล้วก็หวงแหนแสนรักมัน
ก็นับวันเป็นทุกข์ สุขไม่มี ฯ..”

ที่มา :ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ https://www.komchadluek.net/