ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล
วัดป่าดงชน
ต.ดงชน อ.เมือง จ.สกลนคร
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล พระอริยสงฆ์ผู้ทรงเมตตาธรรม
นามเดิมท่านชื่อ สัมมา นามสกุล มนต์ทิพย์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอ ณ บ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
บิดาท่านชื่อ นายเจียม มนต์ทิพย์ มารดาท่านชื่อ นางหลอย มนต์ทิพย์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๓ คน เป็นหญิง ๒ คน โดยหลวงปู่สัมมา เป็นบุตรชายคนสุดท้อง
ชีวิตในวัยเด็ก
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ในวัยเด็กท่านเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด สุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน โอบอ้อมอารี มีความเมตตามาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ดังนั้นท่านจึงเป็นที่รักของบิดามารดา ญาติพี่น้อง รวมทั้งมิตรสหายเพื่อนฝูงด้วยกัน
พออายุถึงเกณฑ์ศึกษา บิดามารดาได้ส่งท่านเข้ารับศึกษาที่โรงเรียนโคกศรีสุพรรณ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้น
ครั้นจบการศึกษาแล้ว ท่านได้ช่วยบิดามารดา ทำนาทำไร่ แบ่งเบาภาระของครอบครัว ช่วยเหลือการงานต่าง ๆ ทางบ้าน ทำอาชีพเกษตรกรรม โดยชาวอีสานส่วนใหญ่นั้นมีอาชีพทำนาทำสวน ทำนาข้าวเลี้ยงครอบครัว ทำนาข้าวเลี้ยงคนทั้งประเทศ ทำนาข้าวเลี้ยงคนทั้งโลก จึงถือว่าการทำนาเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติน่ายกย่อง คนทั้งโลกควรสำนึกบุญคุณของชาวนา เพราะความกตัญญูกตเวทีนั้น เป็นเครื่องหมายของคนดี
การบรรพชา
ในสมัยเด็ก หลวงปู่สัมมา ท่านเมตตาเล่าว่า “สมัยพ่อเป็นเด็ก หลวงปู่มั่น ท่านมาพักจำพรรษาที่วัดป่าบ้านนามน พ่อได้ใส่บาตรหลวงปู่มั่น กับตากับยายบ้าง กับพ่อกับแม่บ้าง รวมทั้งมีโอกาสไปถวายภัตตาหารหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าบ้านนามนอยู่เป็นประจำ”
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ท่านมีความเกี่ยวข้องผูกพันธ์กับวัดมาตั้งแต่ยังเด็ก มีอุปนิสัยฝักใฝ่ในทางธรรม เมื่อกลับจากโรงเรียน ช่วยงานทางบ้านของบิดามารดาแล้ว ท่านจะลงไปที่วัดช่วยพระภิกษุสามเณรทำความสะอาด ปัดกวาดลานวัด อุปัฏฐากครูบาอาจารย์พระเถระผู้หลักผู้ใหญ่ รวมทั้งได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ในองค์หลวงปู่มั่น และพระธุดงค์กรรมฐาน เป็นอันมาก คิดอยู่ในใจเสมอว่า “เมื่อโตขึ้นเราต้องบวชให้ได้”
พออายุ ๑๖ ปี ท่านกราบขออนุญาตบิดามารดาไปบวชเป็นผ้าขาวอยู่กับหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ บวชเป็นผ้าขาวอยู่ ๖ เดือน เพื่อให้ถึงทราบข้อวัตรปฏิบัติ รวมทั้งศึกษาศีลธรรม ท่องคำบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติ และศีลธรรมสมควรแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ จึงนำหลวปู่สัมมา ไปบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดป่าสุทธาวาส ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๔ โดยมีท่านพระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงพ่อมหาทองสุก สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้นบรรพชาแล้ว ท่านกลับมาพักปฏิบัติธรรมจำพรรษากับหลวงปู่กงมา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เช่นเดิม ซึ่งในสมัยนั้น มีครูบาอาจารย์ลูกศิษย์องค์สำคัญของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลายองค์มาพักจำพรรษาด้วย อาทิเช่น หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น
การอุปสมบท
อายุได้ ๒๑ ปีบริบูรณ์ หลวงปู่สัมมา ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ ณ พัทธสีมาวัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นประธานสงฆ์ พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงพ่อมหาทองสุก สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิบูลธรรมภาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ อภิวณฺโณ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาสมบูรณ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ขนานนามฉายาให้ว่า “ขนฺติปาโล” แปลว่า “ผู้มีขันติเป็นที่ตั้ง”
พออุปสมบทแล้วท่านกลับไปปฏิบัติธรรมจำพรรษา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เช่นเดิม
การปฏิบัติธรรม
หลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านได้พักปฏิบัติธรรม อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ครั้นรู้จักหลักพระธรรมวินัย ข้อวัตรปฏิบัติดีแล้ว ในบางปีพอออกพรรษา ท่านได้กราบลาหลวงปู่กงมา ออกเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาลำเนาไพร โดยเฉพาะในเขตเทือกเขาภูพานจังหวัดสกลนครท่านจะเดินธุดงค์ไปแทบทั้งหมด พอใกล้จะเข้าพรรษา ท่านก็กลับมาพักจำพรรษาที่วัดดอยธรรมเจดีย์
การเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล นั้นท่านจะสลับสับเปลี่ยนออกไปกับหลวงปู่แบน ธนากโร ในปีใดหลวงปู่แบน ท่านกราบลาไปธุดงค์แล้ว หลวงปู่สัมมา ท่านจะอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ถ้าหลวงปู่สัมมา ท่านลาออกไปธุดงค์แล้ว หลวงปู่แบนจะอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่กงมา หรือในปีใดมีพระภิกษุสามเณรมาก ท่านจะไปธุดงค์กับหลวงปู่แบน ธนากโร
ในสมัยนั้นครูบาอาจารย์ที่พักศึกษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ มีดังนี้
๑.หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
๒.หลวงพ่อแสน สุขกาโม วัดภูกะโล้น อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
๓.หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล วัดป่าดงชน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
๔.หลวงพ่ปู่อ้ม สุขกาโม วัดป่าภูผาผึ้ง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
๕.หลวงปู่อว้าน เขมโก วัดนาคนิมิตต์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
สร้างวัดป่าดงชน
วัดป่าดงชนแห่งนี้ เดิมนั้นเป็นที่พักภาวนาของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ คณะศรัทธาญาติโยมพุทธศาสนิกชนชาวบ้านดงชน ได้ไปนิมนต์พระจากวัดดอยธรรมเจดีย์ เพื่อลงมาโปรดญาติโยมชาวบ้าน เป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจ หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านจึงมอบหมายให้หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ลงมาโปรดคณะศรัทธาญาติโยมชาวบ้านดงชน
หลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านได้มาพักจำพรรษา และได้เริ่มสร้างวัดป่าดงชน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ เรื่อยมา รวมทั้งได้พัฒนาวัดป่าดงชนจนเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ ถูกต้องตามกฏหมาย มี ศาลาการเปรียญ อุโบสถ กุฏิพระสงฆ์ โรงฉันน้ำร้อน โรงครัว เป็นต้น
ส่วนข้อวัตรปฏิบัตินั้น ท่านถือการปฏิบัติตามปฏิปทาสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ดำเนินตามแบบฉบับของหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ผู้เป็นบุรพาจารย์
หน้าที่การงานทางพระศาสนา
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กอรปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม เป็นพระนักพัฒนา มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งพระภิกษุสามเณร และฆราวาส เป็นที่นับถือของบุคคลทั้งหลาย ดังนั้นท่านจึงมีหน้าการงานด้านพระศาสนาอยู่หน้าที่
วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
วันที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูต สายที่ ๕
วันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดงชน
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามที่ “พระครูขันติธรรมารักษ์”
นำธรรมสู่ใจมวลชน
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ท่านได้อบรมพุทธบริษัท ให้รู้จักหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้รู้จักศีลธรรม การปฏิบัติจิตภาวนา ในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านในแถบภาคอีสานส่วนใหญ่นิยมนับถือผี บวงสรวงศาลปู่ตา นับถือผีนาผีไร่ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยลง จะพากันล้มโคกระบือ ฆ่าเป็ดไก่สุกร เพื่อเลี้ยงเจ้าที่เจ้าทาง บนบานศาลกล่าว ไม่ให้ผีมารบกวนเบียดเบียน พากันไปทรงเจ้าเข้าผี ไหว้จอมปลวก ไหว้ต้นไม้ใหญ่ ไหว้ภูผาป่าเขาไปก็มีมาก เมื่อเทียบกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้วเป็นเรื่องที่ผิด
การที่ผู้ป่วยคนเดียวเจ็บไข้แล้วยังไม่พอ ยังมีจิตคิดไปเบียดเบียนสัตว์ต่างๆ นานาให้พลอยรับกรรมตามไปด้วย ไปฆ่าเขาถือเป็นความผิด ถ้าชีวิตเราเขามาฆ่า เราจะดีใจไหมลองพิจารณาดูให้ดี มนุษย์นั้นจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ ไม่เกี่ยวกับผี ไม่เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศอะไรเลย เป็นเพราะกรรมที่ทำลงไปทั้งสิ้น พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว”
หลวงปู่สัมมา ขนฺติปาโล ท่านได้นำหลักธรรมคำสอนต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนา มาแนะนำสั่งสอนให้ชาวบ้านเลิกนับถือผี ให้มายอมรับนับถือพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครั้นชาวบ้านเจ็บป่วยลง ท่านสอนให้สวดมนต์ทำสมาธิภาวนา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวร อย่าได้มีเวร อย่าได้มีภัย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้ไปไหว้เจ้าเข้าผีเหมือนเดิม สอนให้บริกรรมภาวนา “พุทโธ” “ธัมโม” “สังโฆ” เอาคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ที่กราบไว้ ที่บูชา ที่เคารพนับถือ
กิจวัตรประจำวัน
ในวันทุกวันพระหลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านเมตตาให้ชาวบ้านลงมารักษาศีลภาวนาอยู่ที่วัด พอถึงเวลาเย็น ท่านเป็นผู้นำหมู่คณะพระภิกษุสามเณร ฆราวาสญาติโยมที่ลงมารักษาศีลปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ จากนั้นท่านเทศนาธรรมอบรมจิตภาวนา จนถึงเวลาอันสมควรแล้วจึงเลิก พอถึงเวลา ๔ นาฬิกา สวดมนต์ทำวัตรเช้า เทศนาธรรม อบรมจิตภาวนา จากนั้นท่านจะเมตตานำพระภิกษุสามเณรทำกิจวัตรประจำวัน
ฤดูกาลเข้าพรรษาในวันพระ หลังจากที่ทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จ ท่านจะเมตตาเทศน์อบรมพระภิกษุสามเณร รวมทั้งฆราวาสที่มารักษาศีลปฏิบัติธรรม และนั่งสมาธิภาวนาไปจนถึงเวลา ๔ นาฬิกา จากนั้นสวดมนต์ทำวัตรเช้า ครั้นรุ่งอรุณวันใหม่ หลวงปู่สัมมา ท่านนำพระเณรทำกิจวัตรประจำวัน ทำความสะอาด ปัดกวาดลานวัด
เวลา ๐๖.๐๐ น. ออกรับบิณฑบาตโปรดศรัทธาญาติโยมในหมู่บ้านดงชน
เวลา ๐๘.๐๐ น. ฉันภัตตาหารเช้า ครั้นเสร็จภัตกิจ ท่านกลับกุฏิทำสมาธิภาวนา เดินจงกรม พักผ่อนอริยาบท
เวลา ๑๓.๐๐ น. ให้การต้อนรับพุทธศาสนิกชนที่มากราบนมัสการ หากวันไหนไม่มีใครมา ท่านก็จะทำความเพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา
เวลา ๑๕.๐๐ น. ทำความสะอาดกวาดลานวัด
เวลา ๑๘.๐๐ น. สรงน้ำ เมื่อสรงน้ำเสร็จ ฉันน้ำร้อนน้ำปานะ ให้อุบายธรรมแก่คณะศิษย์ และถวายการนวดองค์ท่าน
เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรสวดมนต์ อบรมจิตภาวนา
ในทุกๆ วัน เวลา ๐๓.๐๐ น. หลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านจะตื่นทำความเพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา สวดมนต์ทำวัตรเช้า จนถึงรุ่งอรุณวันใหม่ แล้วทำกิจวัตรส่วนรวม นี่คือข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาที่หลวงปู่สัมมา ท่านพาดำเนิน
การมรณภาพ
หลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบด้วยโรคหัวใจ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๗ เวลา ๐๑.๒๕ น. ณ วัดป่าดงชน ตำบลดงชน อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร นำความอาลัยยิ่งแก่คณะศิยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า สิริรวมอายุได้ ๕๙ ปี ๕ เดือน ๑๙ วัน รวมพรรษาได้ ๓๙ พรรษา
และได้รับพระราชทานเพลิงศพจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๓๗
ภายหลังจากเสร็จงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านเมตตาให้สร้างเจดีย์เจดีย์พิพิธภัณฑ์เพื่อบรรจุอัฐบริขาร และอัฐิธาตุ ของหลวงปู่สัมมา ขันติปาโล เป็นเจดีย์สถานให้พุทธศาสนิกชนมากราบไหว้สักการะบูชารำลึกถึงองค์ท่าน โดยมีหลวงพ่อแบน ธนากโร เป็นประธานอำนวยการก่อสร้าง และเป็นประธานเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์
หลวงปู่สัมมา ขันติปาโล ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ กรอปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ท่านเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งดำเนินตามปฏิปทาพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เจริญรอยตามหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ผู้เป็นบุรพาจารย์ จึงถือได้ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์สาวกผู้สืบทอดหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และควรค่าต่อการจดจารึก และสักการะบูชาอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ dhammajak