ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่สวาท ปญฺญาธโร
วัดโป่งจันทร์ อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี
พระครูกิตติปัญญาคุณ ( สวาท ) ฉายา ปญฺญาธโร อายุ ๗๕ ปี พรรษา ๕๕ วิทยฐานะ นักธรรมเอก
วุฒิทางโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สังกัด วัดโป่งจันทร์ ตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี
◉ ตำแหน่งปัจจุบัน
- เจ้าอาวาสวัดโป่งจันทร์
- ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอโป่งน้ำร้อน-เขาคิชฌกูฏ (ธ)
◉ ชาตภูมิ
นามเดิม สวาท นามสกุล ข้อตุ่ย เกิดวันที่ ๒๑ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ปีจอ ณ บ้านเลขที่ ๑๓๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรของ นายใบ ข้อตุ่ย และนางสาย ข้อตุ่ย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
◉ บรรพชา
เมื่อวันที่ ๒๗ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ปี มะโรง ณ วัดป่าสังเวชธรรมาราม ตำบลหนองบัวอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมี พระครูปัญญาวรากร วัดป่าสังเวชธรรมาราม ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เป็นพระอุปัชฌาย์
◉ อุปสมบท
เมื่อวันที่ ๖ เดือน กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ปี มะเส็ง ณ วัดมหาชัย ตำบลวังชัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยมี พระครูปัญญาวรากร วัดมหาชัย ตำบลวังชัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
◉ วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๕๐๖ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนสุขรัฐวิทยา ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๐๘ สอบไล่ได้ นักธรรม ตรี สำนักเรียน
วัดมหาชัย ตำบลวังชัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๐๙ สอบไล่ได้ นักธรรม โท สำนักเรียน
วัดมหาชัย ตำบลวังชัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๑๖ สอบไล่ได้ นักธรรม เอก สำนักเรียน
วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
◉ งานศึกษา
พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษา วัดโป่งจันทร์ อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี
พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นกรรมการกำกับห้องสอบธรรมสนามหลวง
ณ สนามสอบวัดจันทนาราม อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นกรรมการห้องสอบธรรมศึกษา
ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ณ สนามสอบ วัดป่าคลองกุ้ง อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
◉ สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูกิตติปัญญาคุณ
◉ ด้านการบำเพ็ญประโยชน์
พระครูกิตติปัญญาคุณ (หลวงปู่สวาท ปญฺญาธโร) เป็นพระเถระซึ่งมีพรรษายุกาล ทรงภูมิธรรม ด้านการปฏิบัติกรรมฐาน อีกทั้งท่านเป็นศิษย์ในองค์ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งด้านความประพฤติและการปฏิบัติ เป็นผู้มีศีลาจารวัตรงดงาม ในด้านการปฏิบัติ พระครูกิตติปัญญาคุณ ท่านได้อุทิศตนเพื่อวัด และพระศาสนา นับตั้งแต่บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ได้จาริกไปยังสถานที่ต่างๆ ในหลายภูมิภาค เพื่อมุ่งปฏิบัติขัดเกลากิเลสในใจตน เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้สั่งสอนอบรมพระภิกษุ สามเณร ให้เคร่งครัดในหลักศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อได้รับอาราธนาจากวัด องค์กร มูลนิธิ และหน่วยงานต่างๆ ไปแสดงธรรมในสถานที่ต่างๆ ท่านได้ถ่ายทอดหลักธรรมของพระพุทธองค์ด้วยความห้าวหาญ เสียงดัง จริงจัง โดยเฉพาะเรื่องของการภาวนาทางจิต
◉ พระสังฆาธิการ ภาค ๑๓ (ธ) ละสังขาร พระเถระศิษย์ในองค์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
พระครูกิตติปัญญาคุณ (หลวงปู่สวาท ปญฺญาธโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอโป่งน้ำร้อน-เขาคิชฌกูฏ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดโป่งจันทร์ ต.คลองพลู อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
ได้ละสังขาร วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๒๒ น. สิริอายุรวม ๗๕ ปี ๕๕ พรรษา ณ วัดศรีปทุมวนาราม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
หลวงปู่เกิด ๒๑ พ.ย. ๒๔๘๙
อุปสมบท ๖ ก.ค. ๒๕๐๘
ละสังขาร ๒๕ ก.ย. ๒๕๖๔
ปัจจุบันท่านมีลูกศิษย์ให้ความเลื่อมใสเป็นจำนวนมากทั่วภูมิภาคของประเทศไทย เป็นพระสุปฏิปันโน ซึ่งมีวิหารธรรม เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ อีกทั้งท่านยังได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อกิจการคณะสงฆ์ องค์กร หน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นการสูญเสียพระเถระรูปสำคัญของเมืองจันทบุรี
◉ โอวาทธรรม หลวงปู่สวาท ปญฺญาธโร
จำคำเตือนของหลวงปู่เอาไว้น่ะ !!
มีใครบ้างไม่ตายน่ะมีใครเป็นอมตะ ?
ในตัวเรามีพระไหม…..มี!!
เพราะเป็นองค์สมมุติทั้งนั้น เส้นผมก็พระเกศา
คิ้วก็พระขนง, ตาก็พระเนตร, หูก็พระกรรณ, จมูกก็พระนาสิก, ปากก็พระโอษฐ์, ฟันก็พระทนต์, ลิ้นก็พระชิวหา, ใบหน้าก็พระพักตร์, ศีรษะก็พระเศียร ในตัวเรานี้ คอก็พระศอ, หน้าอกก็พระอุระ, หัวใจก็พระหทัย, แขนก็พระกร, มือก็พระหัตถ์, จนถึงฝ่าเท้าก็ว่าพระบาท, รวมหมดในองค์พระอันเป็นกองสมบัติที่จะเป็นวิมุตินี่ เรียกว่า พระวรกาย
รู้ไหมว่าพ่อและแม่เรา คือ พระอรหันต์ ให้ของดีมาแล้ว ทุกสิ่งอย่างสมบัติอันล้นโลก ก็คือตัวตนสกลกายเรา
จะไปสวรรค์ชั้นไหนก็เป็นมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ หรืออยากจะไปนรกก็ทำได้ก็ทำเอาสิมนุษย์น่ะ
” ถ้าโง่ ! “
อยากจะไปพรหมโลกก็ทำเอาสิ
อยากจะเดินไปสู่มรรคนิพพานก็ทำเอาสิ อยู่ที่ตัวเราหมด อยู่ที่โลกอันนี้ โลกธาตุอันนี้ก็ คือ โลกธรรม โลกธรรมก็คือตัวธรรมชาติก็คือตัวนิพพานก็อยู่ที่นี้ สรณะก็อยู่ที่นี้..
“อย่าไปคิดว่าไม่มีใครรู้น่ะว่าเราคิดอะไร ทำอะไร”
มี.!!
เขาดูอยู่ เขาเห็นอยู่ เขารู้อยู่ แต่พวกเราเห็นเขาไหม พวกเราไม่เห็นเขาหรอก แต่เขาเห็นเราว่าเราทำอะไร ทำไมจึงเอาพระเหล่านี้ ตัวตนเรียกว่าพระวรกาย เป็นกายที่พ่อแม่ให้มา แทนที่จะมาปฏิบัติกายอันนี้ปฏิบัติภายในอันนี้ ปฏิบัติพระอันนี้ให้สมบูรณ์แบบให้บริสุทธิ์ ทำไมจึงเอาพระที่มีอยู่ในตัวตนโลกธาตุอันนี้ ไปทำให้เป็นมลทิน ทำทำไม
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมามองเห็นสิ่งเหล่านี้แหละ จึงบัญญัติศีล ๕, บัญญัติศีล ๘, บัญญัติศีล ๑๐, บัญัติศีล ๒๒๗, วันนี้เป็นวันมาฆบูชาพระพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นให้มนุษย์โลกรู้ตัวอยู่ให้มีสติปัญญาเกิดขึ้น อย่าพากันมืดอย่าพากันบอดสิ มีตาอยู่แล้วทำไมถึงไม่ดู ทำไมจึงทำเป็นคนตาบอด
ฟังให้ดีๆน่ะ!!
อย่าพากันมืดบอดด้วยกองอวิชชา ถ้าเราเอาพระเหล่านี้ไปทำให้เป็นมลทินล่ะ จะเป็นการบูชาสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไหม ถ้าเราทำในที่ไม่ดีล่ะ ทำให้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นมลทินทำไม เอาพระไปให้แปดเปื้อนทำให้เป็นมลทินทำไม นรกเขาเปิดคอยอยู่น่ะ บอกเอาไว้เตือนเอาไว้…
อย่าคิดว่าตัวเองนี้วิเศษวิโส…เปล่าเลย!
มีใครบ้างไม่ตายน่ะ มีใครเป็นอมตะ ทุกสิ่งอย่างล้วนอยู่ในหลักกฎเกณฑ์ของธรรมชาติทั้งนั้น อย่าไปเข้าใจว่าอันนี้ ขากู แขนกู ตัวกู สมบัติพัสถานก็ของกู องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ว่า ดูกรพุทธษัท ๔ ถึงจะเป็นคฤหบดี ผู้มีสมบัติอันมหาศาล จะสามารถทำกิจการได้เงินมามากมายก่ายกอง กองตั้งแต่พื้นแผ่นดินโลกอันนี้จนถึงโลกพระอาทิตย์ เราตถาคตตรัสว่า เศษขยะของโลก กองมูตรคูตของโลกเท่านั้น จำเอาไว้น่ะ!!
คำเตือนของพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ล้วนแต่เป็นกองมูตรคูตทั้งนั้น เป็นของเหม็นสาปสางทั้งนั้น มันเป็นของที่มีอยู่ในโลกอันนี้ วัน เดือน คืน หรือปี มีอยู่แล้วฉันใด อันเป็นเรื่องอจินไตย ทุกสิ่งอย่างมันก็อยู่ในหลักของธรรมชาติ ทุกสิ่งอย่างเลย ไม่มีใครแบกไปได้หรอก เห็นคนตายแล้วแบกไปได้ไหม
จำคำเตือนของหลวงปู่เอาไว้น่ะ หลวงปู่ไม่ค่อยจะพูดหรอกอยู่ที่นี้น่ะ…..ที่อื่นพูด!
พูดไม่เคยลดละ…ไปหาครูอาจารย์ที่หมดบุญไปแล้ว ให้ขึ้นไปแสดงธรรม ก็แสดงธรรมอันนี้ต้องการให้รู้ให้รักษาตัวเราว่า ตัวเราเป็นพระทั้งองค์ เอาพระไปทำลายทำไม ทำลายภพทำลายชาติตัวเอง เข้าใจไหม ภพชาติที่จะอุบัติขึ้นมาในวันข้างหน้าล่ะ…
โน้นมหาอเวจีโน้นเป็นที่เกิดน่ะ!
อย่าฝันเลยน่ะว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์!
ถ้าหากเรามีสติสัมปัญชัญญะฟังแล้วก็ให้รีบปฏิบัติตัวเองซะ กลับเถอะ กลับในสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้นมา ทวยเทพยังสรรเสริญน่ะ ผู้ที่กลับน่ะ แม้แต่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า : “ภิกษุพวกเธอทำผิดอย่างนี้น่ะ ต่อไปอย่ากระทำ ถ้าพวกเธอสำนึกแล้วเราอโหสิ ” จึงได้บัญญัติพระวินัยศีล ๒๒๗ ข้อขึ้น
จำเอาไว้น่ะ…..คำเตือน!!