ประวัติและปฏิปทา
พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงปู่รักษ์ เรวโต)
วัดศรีเมือง
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย
พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงปู่รักษ์ เรวโต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต), อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย และผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เป็นแห่งแรกของเมืองหนองคาย เป็นพระสังฆาธิการที่มีความเคร่งครัดในธรรมวินัยอย่างสูง แต่กอปรด้วยปฏิปทาและจริยวัตรอันงดงาม มีใจเอื้ออารีต่อคณะศิษยานุศิษย์และพุทธบริษัททั้งหลาย
พระธรรมไตรโลกาจารย์ มีนามเดิมว่า รักษ์ มีวรรณดิษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๕๐ ณ บ้านขุนตา ต.ศรีฐานเหนือ อ.เมือง จ.นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว (ในสมัยนั้น)
การศึกษาเบื้องต้น
เมื่ออายุได้ ๕ ขวบ ด.ช.รักษ์ ได้เรียนหนังสือไทยและหนังสือลาว ที่บ้านกับบิดา รวมทั้งได้เรียนหนังสือธรรม-หนังสือขอมเพิ่มเติม จึงมีความรู้เทียบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
ต่อมาได้เรียนภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนวัดจันทบุรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว (ในสมัยนั้น) อันเป็นโรงเรียนที่สอนเฉพาะพระภิกษุสามเณรเท่านั้น
การบรรพชาและอุปสมบท
แต่เรียนอยู่เพียง ๑ ปี มีเหตุขัดข้องบางประการต้องเลิกเรียน บิดาจึงนำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดขุนตา ต.ศรีฐานเหนือ อ.เมือง จ.นครเวียงจันทน์ โดยมีพระอธิการคำหล้า เป็นพระอุปัชฌาย์
สามเณรรักษ์มีโอกาสได้เรียนบาลีกับท่านอาจารย์มหาแก้ว ที่วัดจันทบุรี เป็นเวลา ๓ ปี
พ.ศ.๒๔๖๕ สามเณรรักษ์มีความประสงค์จะเข้าไปเรียนพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ ต้องเดินทางไปพร้อมคณะพ่อค้าเมืองหนองคายที่นำสิ่งของเข้าไปขายในเมืองหลวง
ครั้นเดินทางถึงเมืองบางกอก ได้กราบถวายตัวเป็นศิษย์กับ ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระธรรมธีรราชมหามุนี” เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวิหาร ก่อนขอทำญัตติกรรมเป็นธรรมยุต โดยมีท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.๒๔๖๘ สามเณรรักษ์ สอบได้นักธรรมชั้นตรีและเปรียญธรรม ๓ ประโยค
ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๐ ณ พัทธสีมาวัดบรมนิวาสราชวิหาร ต.ถนนรองเมือง อ.ปทุมวัน จ.พระนคร (ปัจจุบันคือ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร) โดยมี ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอมราภิรักขิต (ชัย ชิตมาโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระครูวินัยธร (ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และ เจ้าจอมมารดาทับทิม วังมหานาค (สะพานขาว) เป็นผู้ถวายความอุปถัมภ์ในการอุปสมบท
พระรักษ์ ได้ทำการศึกษาบาลีไวยากรณ์ และพระธรรมบทจนเชี่ยวชาญ ครั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ ท่านเดินทางมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บิดาที่ล่วงลับ ณ นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว
เมื่องานอุทิศส่วนกุศลแล้วเสร็จ เจ้าเมืองคำผา ญาติฝ่ายมารดา ได้ขอให้ท่านมาเป็นครูสอนบาลีอยู่ทางนครเวียงจันทน์ พระรักษ์ได้ขออนุญาตและกราบลาท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ก่อนเดินทางกลับถึงนครเวียงจันทน์ อยู่จำพรรษาที่วัดจันทบุรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครเวียงจันทน์ ๑ พรรษา
วิทยฐานะและงานการศึกษาพระปริยัติธรรม
ในปี พ.ศ.๒๔๗๔ พระรักษ์ได้รับการแต่งตั้งจาก พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พนฺธุโล) เจ้าคณะมณฑลอุดรธานี และเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ให้เป็นอาจารย์สอนบาลีไวยากรณ์ที่วัดโพธิสมภรณ์ เป็นเวลา ๒ ปี
ในปี พ.ศ.๒๔๗๖ พระครูศีลสารวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย ฝ่ายมหานิกาย ได้เดินทางไปยังวัดโพธิสมภรณ์ เพื่อขอให้พระรักษ์ไปทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนบาลีไวยากรณ์ ที่ จ.หนองคาย ประจำอยู่ที่วัดศรีเมือง หรือวัดเมืองหนอง ซึ่งเป็นวัดธรรมยุตแห่งแรกในจังหวัดหนองคาย
พระรักษ์ได้จัดตั้งโรงเรียนบาลีไวยากรณ์ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีพระภิกษุ-สามเณร เข้ามาศึกษาเล่าเรียนหลายรูป
พระธรรมไตรโลกาจารย์ มีความรู้พิเศษรอบด้าน อาทิ ภาษาฝรั่งเศส, วิชาการไฟฟ้า เครื่องจักรกล และก่อสร้าง เป็นต้น ส่วนวิทยฐานะในทางสงฆ์ อาทิ นักธรรมชั้นเอก, เปรียญธรรม ๔ ประโยค การเทศนาอบรมประชาชนในเรื่องศีลธรรม ความชำนาญการในการเป็นครูสอนบาลีไวยากรณ์กว่า ๓๐ ปี
ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.๒๔๙๐ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวิชัยมุนี
พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชบัณฑิต
พ.ศ.๒๕๑๐ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพบัณฑิต
พ.ศ.๒๕๒๑ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์
เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๑ ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต)
การมรณภาพ
ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ พระธรรมไตรโลกาจารย์ ได้ละสังขารลงอย่างสงบ สิริอายุรวมได้ ๙๘ พรรษา ๗๗ ท่ามกลางความเศร้าสลดและความอาลัยเป็นอย่างยิ่งของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ชาวจังหวัดหนองคายและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ทั้งนี้ ชาวจังหวัดหนองคายได้จัดพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติ เพื่อร่วมไว้อาลัยและรำลึกถึงคุณงามความดี