ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่พัน ฐานกโร
วัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม
หลวงปู่พัน ฐานกโร วัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม พระเถระที่จำพรรษาอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง รวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่เลื่อมใสศรัทธาต่อท่าน แวะเวียนไปกราบไหว้และไปทำบุญไม่ขาดสาย
ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่บุญมา สุชีโว พระป่าสายกัมมัฏฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
◎ ชาติภูมิ
หลวงปู่พัน ฐานกโร วัดโพธิ์ชัยมงคล นามเดิมชื่อ “พันธ์ศรี กันภัย” ชาติภูมิเดิม เกิดในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๑ ตรงกับวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๘ ตรงกับปีมะเส็ง บิดาชื่อ “นายสีคุณ” และมารดาชื่อ “นางหวัด กันภัย” เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร ๕ คน
ในช่วงวัยเยาว์ หลังจบชั้น ป.๔ ที่โรงเรียนในบ้านเกิด อ.คำเขื่อนแก้ว อายุ ๑๓ ปี ได้เข้าพิธีบรรพชา ๑ ปี ก่อนลาสิกขา
ครั้นย่างเข้าวัยหนุ่ม ถูกเกณฑ์ไปติดทหารรับใช้ชาติ สังกัดทหารบก ทำหน้าที่ยิงปืนใหญ่ ได้รับเงินเดือน ๒ บาท
◎ อุปสมบทครั้งแรก
กระทั่งปลดประจำการ ใช้ชีวิตฆราวาสสักระยะ ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อุปสมบทครั้งแรก เมื่ออายุ ๒๕ ปี ก่อนจะลาสิกขาในเวลาต่อมา
กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๒-๒๔๘๘ ยาวนาน ๖ ปี ช่วงนั้นท่านได้ถูกเกณฑ์ในฐานะทหารกองเกินไปรบที่ฝั่งลาว ในเมืองยอน–เมืองเงา
◎ อุปสมบทครั้งที่สอง
เมื่อสงครามสงบ จึงใช้ชีวิตเฉกเช่นปุถุชนทั่วไป ทำนาและรับจ้างตีเหล็กและตีมีดพร้า ผ่านการครองเรือนมีภรรยา จนเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก ก่อนกลับเข้าสู่ร่วมกาสาวพัสตร์อีกครั้ง เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๖ โดยมี พระครูรัตนคุณาวสัย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอินทร์ตา สุจิตโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมัคร วิสุทโธ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานกโร”
ภายหลังอุปสมบท ท่านอยู่จำพรรษาที่ วัดยอดแก้ว อ.นาทม จ.นครพนม ก่อนย้ายมาจำพรรษาที่ วัดโพธิ์ชัยมงคล ในปี พ.ศ.๒๕๔๕ สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้
ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัยมงคล
◎ ด้านวิทยาคม
หลวงปู่พัน ฐานกโร วัดโพธิ์ชัยมงคล ท่านเคยร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดท่าอุเทน จ.นครพนม พระเกจิชื่อดังผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน แต่ท่านไม่ค่อยคุยโอ้อวด ท่านยังได้เดินทางไปเรียนวิชากับหลายพระอาจารย์ ด้วยความเป็นพระที่ใฝ่หาความรู้วิชาอย่างจริงจัง
ต่อมา ฝึกฝนวิปัสสนากัมมัฏฐานควบคู่กับการศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมกับพระอาจารย์ที่เก่งในทางนี้ การศึกษาไม่มีที่สิ้นสุด ท่านยังได้ไปศึกษาเล่าเรียนวิชากับหลวงปู่บุญมา สุชีโว อีกด้วย
ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่พันอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยมงคล ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ด้วยความเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีพรรษาสูง ได้รับความเคารพจากพระลูกวัดทั่วไป ท่านจึงบริหารงานด้านจัดระเบียบการปกครองวัด งานศึกษาสงเคราะห์ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
หลวงปู่พันมีปฏิปทาที่มั่นคง สงเคราะห์ญาติโยมที่เดือดร้อนมา โดยตลอด เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีสัจบารมีแน่วแน่มั่นคง ปฏิบัติเกื้อกูลต่อพุทธศาสนิกชนที่มากราบนมัสการอย่างสม่ำเสมอกัน กอปรกับเป็นพระเกจิอาจารย์เข้มขลัง ทำให้เกิดศรัทธา อย่างแรงกล้าจากสาธุชนทั้งใกล้–ไกล หลั่งไหลมากราบนมัสการ เพื่อความเป็นสิริมงคลมิขาดสาย
อย่างไรก็ตาม ระยะหลัง เพราะท่านมีโรคประจำตัวหอบหืด รับนิมนต์บางครั้ง แต่ไปไม่ไกล ไม่เคยเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล มีแต่ไปรับยาพ่นหอบหืดเดือนละครั้ง
สาเหตุที่หลวงปู่อายุยืนยาว ท่านชอบฉันเนื้อปลา อาหาร พื้นบ้าน เช่น ลาบวัว แต่ฟันหมดปากแล้ว สูบยาเส้นเป็นบางครั้ง ผลไม้ชอบฉันทุเรียน พูดคุยสนุกสนานกับญาติโยม แต่หูซ้ายดับ มีเครื่องช่วยฟัง
หลวงปู่พัน เป็นพระดีมีวินัยเคร่งครัด มีหลายคนเดินทางไปที่ วัดของท่าน ปรากฏว่าท่านจะออกมาต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และเมื่อเอ่ยปากขอท่านถ่ายรูป ท่านก็จะรีบเดินไปห่มผ้า และมาให้ถ่ายในทันทีเช่นกัน
นี่คือภาพของพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา มีหัวใจแห่งการสงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบขอความเมตตาอย่างจริงใจ
อาจกล่าวได้ว่า เมืองนครพนม นับแต่สิ้น หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก, หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดท่าอุเทน ฯลฯ
ปัจจุบัน หลวงปู่พัน (พันธ์ศรี ฐานกโร) ท่านมีอายุ ๑๑๘ ปี พรรษา ๕๐ (พ.ศ.๒๕๖๖) เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัยมงคล อ.นาทม จ.นครพนม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแ ละน่ากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ