ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ
วัดป่าบ้านตาด
ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
หลวงปู่ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ ท่านเป็นศิษย์องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และเป็นสัทธิวิหาริกของสมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช องค์ท่านเป็นพระภิกษุชาวต่างชาติรูปแรกในประเทศไทยที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านมีจริยวัตรอันงดงามมีความเพียรเป็นเลิศ และเป็นผู้แปลหนังสือธรรมะพ่อแม่ครูอาจารย์เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดศรัทธาปสาทะมากมายจากต่างแดน เข้ามาศึกษาข้อวัตรปฏิปทาตามรอยอริยะเจ้าในประเทศไทย
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยกล่าวถึงท่านพระอาจารย์ปัญญาไว้ว่า…
“..ท่านปัญญาทำประโยชน์ให้วัดนี้มากมาย ท่านเรียนจบทางวิศวะ ถ้าไม่ถามเหมือนไม่รู้นะ ถามอะไรๆ ไม่มีติดข้อง ว่าทำได้ๆ เรื่อย จนกระทั่งจรวดดาวเทียมท่านก็ทำได้ แต่ว่างานอย่างนี้มันต้องเป็นจำนวนคนงานเท่านั้นๆ ท่านบอกไว้ สำหรับวิธีทำรู้แต่ทำคนเดียวไม่สำเร็จ แน่ะท่านก็มีเหตุผลของท่าน คนหนึ่งชำนาญทางหนึ่งๆ มาทำเครื่องมือชนิดนี้ เช่นพวกจรวดหรือดาวเทียมนี้ คนนั้นชำนาญทางนั้นทางนี้มารวมบวกความรู้ทั้งหลายที่จะทำจรวดนี้ รวมตัวกันแล้วเป็นจรวดขึ้นมา ทำคนเดียวไม่สำเร็จ มันมีหลายแง่หลายทาง
ท่านก็ดีนะ ทางด้านจิตตภาวนาท่านดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องศึกษาเรื่องจิตใจอะไรมากนักนะ ท่านฟังเทศน์เรา คือแต่ก่อนเราเทศน์สอนพระนี้อาทิตย์หนึ่งหรือว่าสิบวันเทศน์ทีหนึ่งอยู่บนศาลา แต่ก่อนเราก็ยังหนุ่มน้อย ภาระยังไม่มาก คนก็ยังไม่มาเกี่ยวข้องมาก การประชุมเทศน์สอนพระนี้เป็นประจำ อาทิตย์หนึ่งหรือสิบวันทีหนึ่งๆ เทศน์สอนพระ ทีนี้เวลาท่านฟังไปนานๆ แสดงว่าท่านเข้าใจทางภาคปฏิบัติ แหม ท่านอาจารย์เทศน์ดีมาก ท่านทำไมถึงรู้ว่าดีมาก เนื้ออรรถเนื้อธรรมสูงต่ำประการใดนี้เราแสดงไปท่านฟัง ดีมาก คือท่านเข้าใจเนื้ออรรถเนื้อธรรมที่เราแสดงไป..”
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ท่านพระอาจารย์ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ (Peter J. Morgan) ท่านเป็นชาวอังกฤษ นามเดิม ชื่อ ปีเตอร์ จอห์น นามสกุล มอร์แกน (PETER J. MORGAN) บิดา จอห์น วอตคิน นามสกุล มอร์แกน ( J. W. MORGAN ) มารดา ไวโอเลต แมรี่ นามสกุล มอร์แกน ( V. M. MORGAN )
◎ ชาติกาล
ท่านพระอาจารย์ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ ท่านถือกำเนิดตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๑๒ ปี ฉลู สถานที่เกิด ณ ประเทศอินเดีย ในเหมืองทองโคลาร์ รัฐไมซอร์ (ปัจจุบันเรียกว่า การ์นาตากะ) ภาคใต้ของอินเดีย
ที่อยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ที่ตำบล บริน อำเภอ แลนเนลี กรุงลอนดอน พี่น้อง ท่านมีพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกันทั้งหมด ๓ คน ชาย ๒ คน หญิง ๑ คน ท่านเป็นบุตรคนโต
◎ วิทยฐานะ
ท่านจบการศึกษาปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากฟาราเดย์เฮาส์ วิทยาลัยเทคนิค ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อาชีพ วิศวกรไฟฟ้า ท่านใช้ชีวิตเป็นฆราวาสอยู่ ๓๐ ปี โดยไม่ได้แต่งงาน
◎ บรรพชา
เมื่ออายุได้ ๓๐ ปี ท่านได้ตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๘ ณ พุทธวิหาร กรุงลอนดอน (ซึ่งรัฐบาลศรีลังกาสร้างไว้) โดยมีพระกปิลวัฑโฒภิกขุ (ซึ่งเป็นพระชาวศรีลังกา แต่บวชในประเทศไทย) เป็นพระอุปัชฌาย์
◎ อุปสมบท
ท่านอุปสมบท เมื่ออายุ ๓๑ ปี พระอุปัชฌายะได้พาท่านเข้ามาในประเทศไทย โดยได้อุปสมบทในคณะมหานิกาย เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๙ โดยมี พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ศึกษาวิชชาธรรมกายกับหลวงพ่อสดอยู่ระยะหนึ่งเดือนกรกฎาคมปีนั้นเอง ได้เดินทางกลับประเทศอังกฤษ พักจำพรรษาอยู่ที่พุทธวิหาร ในกรุงลอนดอน เป็นเวลากว่า ๕ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง โดยได้พำนักอยู่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ กรุงเทพมหานคร
◎ อยู่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๖ ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาข้อวัตรปฏิบัติในสำนักวัดป่าบ้านตาดครั้งแรก ในความดูแลของ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
◎ อุปสมบทครั้งที่ ๒
ท่านพระอาจารย์ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ เมื่อท่านมีอายุ ๓๙ ปี ท่านได้อุปสมบทซ้ำในฝ่ายธรรมยุตินิกาย (ทำพิธีบวชซ้ำอีกโดยมิได้ลาสิกขาบทไปเป็นฆราวาสก่อน) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๘ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ต.บางลำภู อ.พระนคร กรุงเทพมหานคร ได้รับนามฉายา ภาษามคธว่า “ปญฺญาวฑฺโฒ” แปลว่า ผู้เจริญด้วยปัญญา ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์ลูกหาทั่วไปจึงได้เรียกชื่อท่านสั้นๆ ว่า “ปัญญาๆ” ตั้งแต่นั้นมา (บวชพระพร้อมกันกับท่านพระอาจารย์เชอร์รี่ อภิเจโต วัดป่าบ้านตาด) พระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน (หรือพระสาสนโสภณ ราชทินนามในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ พระเทพญาณกวี พระอนุสาวนาจารย์ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
◎ มรณภาพ
เมื่อวันพุธที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๗ เวลา ๘.๓๐ น. ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีวอก ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ด้วยโรคมะเร็งที่ลำไส้ สิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ๑๐ เดือนพอดี นับเป็นวันได้ ๒๘,๗๙๑ วัน อุปสมบทได้ ๓๙ พรรษา รวมเวลาที่ได้อยู่ ณ วัดป่าบ้านตาด เป็นเวลา ๔๑ ปี (นับแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๖)
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวถึงท่านพระอาจารย์ปัญญา ไว้ว่า
“..ท่านสุขุมมากท่านปัญญา ไม่มีที่ต้องติ ตั้งแต่วันมาอยู่กับเราไม่เคยได้ดุเลยนะ ไม่มี เรียบ สุขุมมาโดยตลอด ฉลาดมาตลอด พวกชาวเมืองนอกมาก็อาศัยท่านชี้แนะๆ พอท่านเสียไปก็จะเสียประโยขน์ไปทางหนึ่งเหมือนกัน อายุท่าน ๗๙ เกือบ ๘๐ นะ..”
ผลงานด้านสิ่งก่อสร้างภายในวัดได้แก่ ศาลาใหญ่ด้านนอก ,ศาลาด้านใน (ยกศาลาและปูพื้น) ,ทางจงกรมหลวงตา ,ตำหนักที่ประทับเจ้าฟ้าหญิง ,เรือนที่พักข้าราชบริพาร ,กำแพงวัด ,ถังซีเมนต์เก็บน้ำใช้ภายในวัด ,กุฏิที่พักผู้มาปฏิบัติธรรม ,เมรุ และอื่นๆ มากมาย
◎ ผลงานด้านแปลหนังสือธรรมะ
๑. THE DHAMMA TEACHING OF ACARIYA MAHA BOOWA IN LONDON
แปลจาก ท่านอาจารย์พระมหาบัวฯ ในกรุงลอนดอน หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากที่หลวงตาไปเมตตาโปรดชาวอังกฤษ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๗ และ หลวงปู่ได้ติดตามไปเป็นล่าม เมื่อหลวงตาเทศน์เสร็จแล้วหลวงปู่จะเป็นผู้แปล
๒. WISDOM DEVELOPS SAMADHI
แปลจาก กัณฑ์เทศน์ของหลวงตา
๓. FOREST DHAMMA
แปลจาก กัณฑ์เทศน์ของหลวงตา
๔. PATIPADA OR THE MODE OF PRACTICE OF VENERABLE ACHARN MUN
แปลจาก ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น
๕. KHANDHAVIMUTTI SAMANGIDHAMMA
แปลจาก ขันธะวิมุติ สะมังคีธรรมะ
บทประพันธ์โดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
๖. VENERABLE ACARIYA KOW –A MEDITATION MASTER’S BIOGRAPHY
แปลจาก หนังสือประวัติหลวงปู่ขาว อนาลโย โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
(หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายที่หลวงปู่แปล ได้สั่งกำชับให้พระตรวจให้เสร็จก่อนที่ท่านจะเข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาล ดังนั้นเล่มนี้จึงยังไม่มีการตีพิมพ์)
โอวาทธรรมคำสอนท่านพระอาจารย์ปัญญา ปัญญาวัฑโฒ
“..ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า คนเราทุกคนมีกิเลส ซึ่งเป็นเหมือนแรงขับและกระตุ้น ให้เราทำสิ่งใด ๆ ก็ตามอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับลูกระเบิดที่ไม่สามารถจะพุ่งออกไปยังเป้าหมายได้ ถ้าหากปราศจากผู้ยิง และถ้าหากไม่มีผู้ยิงกระสุน ก็ไม่มีวันจะตรงออกไปข้างหน้าได้เอง ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกอย่างจึงมีสิ่งกระตุ้นเร้า ในตัวของตัวมันเอง..”
“..People should think about what their lives will be like if they don’t do meditation. They should consider what their lives will be like after 10, 20, 30 years if they decide to just follow the way of the world. What will their hearts be like then – what will they have of value in their hearts to bring true happiness into their daily lives and the lives of those around them. And what will they have developed in their hearts to carry on to the next life, because the next life is only as good as we make it in this life. If you don’t take advantage of your opportunity to do meditation in this life, why should you expect to get the same opportunity in the next life? You may not get such a good chance again..”
ที่มา : ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ ท่องถิ่นธรรม พระกรรมฐาน