ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ วัดป่าศิลาพร ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร
หลวงปู่บุญมี เกิดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ตรงกับแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีขาล ณ บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็น อ.เมือง จ.ยโสธร)
หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ ท่านอุปสมบท เมื่อวันปวารณาออกพรรษา ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ณ วัดสร่างโศก อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือ วัดศรีธรรมาราม อ. เมือง จ. ยโสธร) โดยมีพระครูพิศาลศีลคุณ (โฮม วิสาโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ปริปุณฺโณ” แปลว่า “ผู้เปี่ยมด้วยบุญ”
ในพรรษาที่ ๓ (ปี พ.ศ. ๒๔๙๒) หลวงปู่บุญมี ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองโดก (วัดป่าโสตถิผล) จ.สกลนคร และได้เข้ารับการอบรมธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จนหลวงปู่มั่นละสังขารลงในปีนั้น หลวงปู่บุญมีมีเพื่อนสหธรรมิกที่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเด็กและได้มีโอกาสออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมร่วมกัน คือหลวงปู่เพียร วิริโย แห่งวัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี
ในพรรษาที่ ๕ (ปี พ.ศ. ๒๔๙๔) หลวงปู่บุญมี ได้กลับไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ
ในพรรษาที่ ๖ (ปี พ.ศ. ๒๔๙๕) หลวงปู่บุญมี ได้ไปอยู่ศึกษาธรรมกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร จากนั้นจึงติดตามหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน มาสร้างวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๑ (ปี พ.ศ. ๒๕๐๐) และอยู่อบรมกรรมฐานกับพระหลวงตามหาบัว เรื่อยมาจนถึงพรรษาที่ ๓๐ (ปี พ.ศ. ๒๕๑๙)
สมัยที่อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่บุญมี ท่านจะมีเมตตาโอบอ้อมอารีกับพระภิกษุรุ่นน้อง คอยให้คำแนะนำเรื่องธรรมวินัย บางครั้งเมื่อหลวงตาท่านดุ และไล่พระที่ทำผิดออกจากวัด หลวงปู่บุญมี ก็จะออกรับแทนพระผู้น้อยขอโอกาสให้กับภิกษุนั้น ๆ ความอนุเคราะห์เหล่านี้ หลวงปู่บุญมี ท่านจึงเปรียบเหมือนพี่ชายใหญ่แห่งวัดป่าบ้านตาด กอปรกับท่านเป็นพระที่มีจริยาวัตรงดงาม ดังคำที่หลวงตามหาบัวเคยกล่าวไว้ “..ท่านเพียร-ท่านบุญมี เรียบร้อยเหมือนกันหมด ไม่มีด่างพร้อย เรียบร้อยในการปฏิบัติธรรมของท่าน ท่านเพียร ท่านบุญมี ท่านปฏิบัติเอาจริงเอาจังเหมือนกัน..”
จากนั้นหลวงปู่บุญมี ได้มาอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำยานาโพธิ์ (ภูลังกา) อ.บ้านแพง จ.นครพนม ตั้งแต่พรรษาที่ ๓๒-๔๒ (ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ – ๒๕๓๑) จากนั้นท่านจึงมาสร้างวัดป่านาคูณ บ้านนาคูณ ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี อยู่ตั้งแต่พรรษาที่ ๔๔-๖๘ (ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ – ๒๕๕๗)
และในพรรษาที่ ๖๙-๗๒ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๑)
หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ ได้มาจำพรรษา ณ วัดป่าศิลาพร อ.เมือง จ.ยโสธร
และได้มีการสร้างเจดีย์ผู้มีบุญขึ้นภายในวัดป่าศิลาพรแห่งนี้จนแล้วเสร็จเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ด้วยงบประมาณ ๓๐ ล้านบาท ซึ่งภายในเจดีย์ผู้มีบุญได้มีการบรรจุอัฐิธาตุของพระเกจิชื่อดังทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนได้ไปสักการะกราบไหว้
หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ ได้ละสังขารด้วยอาการสงบจากอาการปอดติดเชื้อฉับพลัน ที่กุฏิกลางน้ำ ภายในวัดป่าศิลาพร เมื่อเวลา ๐๐.๔๕ น. ของวันที่ ๑๒ ก.ค. พ.ศ.๒๕๖๑ สิริอายุได้ ๙๑ ปี พรรษา ๗๑
โดยก่อนหน้านี้ หลวงปู่บุญมี ท่านได้มีอาการอาพาธมาได้ประมาณ ๑ เดือน ด้วยโรคชราและต้องเข้ารับการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดแต่อาการไม่ดีขึ้น หลวงปู่บุญมี จึงขอกลับมาพักรักษาตัวเองที่ภายในกุฏิกลางน้ำวัดป่าศิลาพร และอาการทรุดหนักจนละสังขารลงในที่สุด ทั้งนี้ก่อนที่หลวงปู่บุญมีจะละสังขาร ได้สั่งเสียไว้กับพระอุปัฏฐากว่า ให้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสรีรสังขารของตนเองแบบเรียบง่าย โดยให้บำเพ็ญกุศลจำนวน ๗ วัน และทำพิธีถวายเพลิงสรีรสังขารเลย
โอวาทธรรม หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ
“…พระนิพพานมีอันเดียว รสเดียวอันเดียวบ่มีเจ็บมีไข้ บ่มีป่วย จึงเป็นบรมสุขใหญ…”
“…คนเราทุกวันนี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรม จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็เป็นธรรม แต่ถ้าเป็นคนไม่มีธรรม เอาเรื่องโลกมาคิด มาพูด มาทำ ก็มีแต่โลกทั้งนั้น ให้เราทั้งหลายช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เห็นการกระทำอะไรที่ไม่ดีให้ช่วยกันบอกสอนแก้ไขให้ถูกให้ควร อย่าปล่อยให้คนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่อาตมาพูดว่าดี ว่าถูก ว่าควรแล้ว ให้นำไปไตร่ตรองดูเสียก่อน หากพิจารณาว่าดี ว่าถูก ว่าควร แล้วจึงค่อยเชื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ พ่อแม่ครูจารย์ก็เคยเตือนให้พึง ระวังเรื่องอายตนะ ๖ กาย ใจ ตา หู จมูก และลิ้น ไม่ให้นำสิ่งไม่ดีเข้ามา ให้คะลำ ภาษาอีสาน คะลำ หมายถึง หลีกเลี่ยง อย่าเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในตัว หากรู้ว่าไม่ดีให้หลีกหนีให้ไกล…”
“..ผู้มีวาสนาเพิ่นว่าตกไปบ่อนได๋ กะดี เกิดมาหยังกะดี..””ผู้มีบาปไปเกิดไสกะบ่ดี ไปเกิดเป็นใหญ่เป็นโต กะไปหาความลำบากให้ผู้อื่น..”