ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ
วัดผาเทพนิมิต
อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร
หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ ท่านมีนามเดิมว่า บุญพิน เจริญชัย ถือกำเนิดเมื่อวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๖ ณ บ้านนาบ่อ หมู่ที่ ๖ ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร
ในช่วงวัยเยาว์ เรียนหนังสือจบชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนบ้านนาบ่อ หลังเรียนจบออกมาช่วยครอบครัวทำนา
ต่อมาย้ายไปอยู่กับพี่สาวที่บ้านนาทม จังหวัดนครพนม ช่วยค้าขายและเป็นช่างเย็บผ้า พอถึงฤดูกาลทำนา ก็กลับไปทำนา พอถึงหน้าแล้งก็ต้มเกลือใส่เรือกระแชงไปขาย หมดหน้าเกลือก็รับจ้างขนข้าวล่องเรือตามแม่น้ำโขงไปขายในตลาดนครพนม
ผ่านไป ๕ ปี เกิดความเบื่อหน่ายมีศรัทธาอยากบวชขึ้นมาอย่างแรงกล้า อายุครบ ๒๓ ปี ได้ตัดสินใจเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๘ ณ วัดป่าอิสระธรรม บ้าน วาใหญ่ ต.วาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร มี หลวงปู่สีลา อิสสโร วัดป่าอิสระธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงปู่อุ่น อุตตโม วัดอุดมรัตนาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป วัดปทีปปุญญาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ครั้นเมื่ออุปสมบทแล้ว ได้อยู่กับ หลวงปู่สีลา พระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกหัดนั่งสมาธิภาวนา เริ่มแรกหลวงปู่สีลา ให้ฝึกหัดทำสมาธิด้วยคำบริกรรมพุทโธ รวมทั้งได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดสุทธิมงคล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
เมื่อสอบนักธรรมเสร็จจึงได้กราบลากลับไปวัดป่าอิสระธรรม ในช่วงนั้น หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ กลับจากงานครบรอบ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าสุทธาวาส ได้มาพักที่วัดป่าอิสระธรรม หลวงปู่อ่อน ได้เทศนาธรรมให้พระภิกษุ-สามเณร และญาติโยมฟัง ครั้นได้ฟังเทศน์ของหลวงปู่อ่อน ทำให้พระอาจารย์บุญพินเกิดความอิ่มเอิบใจ จิตใจเกิดเป็นสมาธิ ได้รับรสแห่งความสงบ
ต่อมา พระอาจารย์บุญพิน ได้กราบลาหลวงปู่สีลาเพื่อออกธุดงควัตรกับหลวงปู่อ่อน ท่านได้จัดเตรียมอัฐบริขารเพื่อออกธุดงค์ จากนั้นได้ธุดงค์ไปที่ภูวัวพร้อมกับหลวงปู่อ่อน, หลวงปู่ผ่าน และสามเณร จนถึงวันมาฆบูชา หลวงปู่ผ่านได้กราบลาหลวงปู่อ่อนกลับวัด จึงเหลือแต่เพียงหลวงปู่บุญพินเท่านั้น
ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง หลวงปู่บุญพินได้อาพาธเป็นไข้ป่ามาลาเรียอย่างแรง วันหนึ่งขณะนอนเป็นไข้บนแคร่ หลวงปู่อ่อนเดินเข้ามาหาได้บอกให้หลวงปู่บุญพินลุกขึ้นนั่ง หลวงปู่อ่อนได้เทศนาให้ฟัง เสร็จแล้วให้สามเณรเอามุ้งกลดลงและให้นั่งภาวนา ขณะที่นั่งภาวนากำหนดจิตต่อสู้กับเวทนาจนจิตสงบเป็นสมาธิ พอจิตถอนจากสมาธิ ปรากฏว่าอาการไข้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
องค์หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ ท่านยังเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ขาว อนาลโย และ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ครั้งนึงเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๒ หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ สมัยยังเป็นพระหนุ่ม ๕ พรรษา ท่านธุดงค์ออกเดินทางตามหา หลวงปู่ชอบ ฐานสโม โดยตามไปที่วัดถ้ำผาบิ้ง ตำบลผาบิ้ง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย แต่ไม่เจอ จึงไปวัดถ้ำผาปู่เจอ หลวงปู่หลุย จันทสาโร กราบเรียนถามหลวงปู่หลุย พอดีหลวงปู่หลุยจะไปหาหลวงปู่ชอบที่ฝั่งลาว หลวงปู่บุญพินจึงได้ติดตามไปพร้อมกับหลวงปู่หลุย แล้วพบกับหลวงปู่ชอบที่เมืองลาว และตั้งใจจำพรรษาที่เมืองลาว
แต่ระยะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศลาวไม่สงบ ทหารลาวไม่ให้พัก หลวงปู่ชอบจึงให้ หลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ กับ พระอาจารย์บัวคำ มหาวีโร เดินธุดงค์มาพักที่บ้านนายาว หมู่บ้านนี้เป็นบ้านร้างมีอยู่ ๕ หลังคาเรือน ระหว่างพักที่บ้านนี้ช่วงกลางคืนจะมีฝูงช้างผ่านมาทุกคืน และมีเสือร้องอยู่ใกล้ที่พัก มีคืนหนึ่งช้างหลงฝูงเข้ามาที่พักตัวหนึ่งไม่ยอมไป พระอาจารย์บัวคำจึงได้ออกมาจุดไฟไล่ พอช้างได้กลิ่นควันไฟก็หนีไป หลวงปู่บุญพินพักที่บ้านนายาวนี้ประมาณ ๑ เดือน จึงได้กลับไปหาหลวงปู่หลุยกับหลวงปู่ชอบ จากนั้นหลวงปู่ชอบได้พาธุดงค์ขึ้นไปทางเหนือ ไปพักที่บ้านน้ำมี่ ถ้ำผาร่มพร้าว ในถ้ำนี้จะมีพระพุทธรูปโบราณมากมายจนหาที่นอนไม่ได้ เวลาจะนอนต้องใช้มือกวาดพระพุทธรูปออกก่อนแล้วจึงค่อยนอนได้ ขณะที่พักอยู่ในถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่บุญพินได้ทำข้อวัตรปฏิบัติและทำสมาธิภาวนาตลอดทั้งวันทั้งคืน
เช้าวันหนึ่งขณะนำน้ำล้างหน้าและยาสีฟันถวายหลวงปู่ชอบ ท่านได้ถามว่า
“เมื่อคืนนี้ท่านได้นิมิตอะไรไหม”
หลวงปู่บุญพินตอบว่า
“กระผมไม่ได้นิมิตอะไรเลยขอรับ กระผมก็เหมือนคนตาบอดนี่เอง”
หลวงปู่ชอบจึงพูดว่า
“เมื่อคืนนี้ได้นิมิตเห็นพญานาคสองผัวเมียลำตัวเท่าต้นมะพร้าว หัวพญานาคมาพาดที่ก้อนหินในถ้ำนี้ ส่วนหางนั้นอยู่ที่แม่น้ำโขง ตัวใหญ่มาก”
หลวงปู่บุญพินเลยถามหลวงปู่ชอบว่า
“หัวของพญานาค เหมือนที่เขาเขียนในรูปไหมขอรับ”
หลวงปู่ชอบตอบ “ก็เหมือนกับในรูปนั้นแหละ”
หลวงปู่บุญพินถาม “แล้วเขาขึ้นมาทำไมขอรับ”
หลวงปู่ชอบตอบ
“พญานาคขึ้นมากราบหลวงปู่เพราะมีความศรัทธาเลื่อมใส และได้เทศนาศีล ๕ ให้พญานาคฟัง”
จากนั้นหลวงปู่ชอบได้ถามพญานาคว่า “ในใต้บาดาลมีแสงอาทิตย์ไหม”
พญานาคตอบว่า “ในใต้บาดาลไม่มีแสงอาทิตย์ แต่มีแสงแก้วสว่างไสวตลอดทั้งกลางวันกลางคืน”
พอหลวงปู่ชอบถามเสร็จ พญานาคก็กราบลา เวลาพญานาคจะไปไม่เหมือนกับงู จะค่อยๆ ถอยหลังไหลลงแม่น้ำโขงแล้วหายไปเลย พอคืนต่อมา พญานาคได้ขึ้นมาหาหลวงปู่ชอบอีก ท่านได้เล่าให้หลวงปู่บุญพินฟังว่า เมื่อคืนนี้พญานาคขึ้นมาหาเหมือนคืนก่อน แต่คืนนี้เขาแปลงกายเป็นมนุษย์ผู้ชายกับผู้หญิง แต่งตัวเหมือนพระราชา ผู้ชายใช้ผ้าแดงคาดหัว ขึ้นมากราบหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบเลยถามว่า
“พวกท่านมาจากไหน”
พญานาคสองผัวเมียตอบว่า “คืนก่อนยังมากราบหลวงปู่เลย”
หลวงปู่ชอบถาม “แล้วคืนนี้ทำไมพวกท่านเป็นมนุษย์มา”
พญานาคตอบ “พวกกระผมเป็นพญานาคมีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้”
หลวงปู่ชอบถาม “สาเหตุที่ท่านเป็นพญานาคมาอาศัยอยู่ในบาดาลใต้ถ้ำนี้ เพราะเหตุอะไร”
พญานาคตอบ
“เมื่อชาติก่อนพวกกระผมมีบ้านอยู่ใกล้ถ้ำนี้ แล้วถ้ำนี้ก็เป็นวัด และได้นำเอาเสียม เอาจอบ เอามีดของวัดไปใช้แล้วไม่ได้ส่งคืน ถือเอาเป็นของเจ้าของ พอตายไปกรรมนั้นเลยให้ผลมาเกิดเป็นพญานาค เพื่อชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้ใต้บาดาลใต้แม่น้ำโขงนี้”
ต่อจากนั้นหลวงปู่ชอบได้เทศนาอบรมให้รักษาศีลให้ตั้งอยู่ในธรรม พอหลวงปู่ชอบเทศนาเสร็จ พญานาคได้กราบลาหลวงปู่ชอบกลับไป
มีวันหนึ่งหลวงปู่ชอบได้เตือนพระเณรว่า เวลาล้างบาตรอย่าเอาน้ำล้างบาตรสาดลงไปในฝั่งแม่น้ำ เช้าวันนั้นออกบิณฑบาตได้ข้าวปลาแห้งจำนวนมาก พอกลับถึงวัด หลวงปู่บุญพินให้เณรเอาไม้ไผ่มาหลาม คือเอาน้ำ ผัก ปลา ใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปตั้งไฟ พอเสร็จแล้วนำมาถวายหลวงปู่หลุยและหลวงปู่ชอบ พอฉันเสร็จหลวงปู่บุญพินได้นำบาตรไปล้างที่ท่าน้ำ และได้เห็นฝูงปลาเยอะแยะจึงพากันสาดข้าวให้ปลากิน พอล้างบาตรเสร็จกลับขึ้นมาในถ้ำ ขณะเช็ดบาตรได้ยินเสียงดังสนั่นในริมฝั่งน้ำ จากนั้นหลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ หลวงปู่บุญพิน พร้อมพระเณรได้ออกมาดู เห็นริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นชายหาดพังทลายลงเหมือนกับใช้รถดันชายฝั่งเสียงสนั่นหวั่นไหว
ขณะที่ยืนดูอยู่นั้นหลวงปู่ชอบได้กล่าวขึ้นว่า “ใครทำอะไรในท่าน้ำนั้น”
หลวงปู่บุญพินตอบ “พวกกระผมพระเณรได้ไปล้างบาตร ได้เห็นฝูงปลาก็เลยสาดข้าวก้นบาตรให้มันกิน”
หลวงปู่ชอบจึงกล่าวว่า “ในสถานที่นี้เป็นที่อาศัยของพญานาค แล้วพวกนี้ไม่ชอบสกปรก ในเมื่อพระเณรได้ทำสกปรกลงไปในน้ำ พวกเขาเลยโกรธ เขาเลยแสดงอภินิหารให้ดู”
จากนั้นหลวงปู่ชอบก็เดินไปริมฝั่งแม่น้ำโขง แล้วยืนกำหนดจิตชั่วระยะหนึ่งเหตุการณ์ก็สงบลงเป็นปกติ หลวงปู่ชอบก็บอกพระเณรให้เก็บบริขารเพื่อกลับมาวัดศรีพนมมาศ อำเภอเชียงคาน ออกจากอำเภอเชียงคานมาเมืองเลย หลวงปู่ชอบบอกให้หลวงปู่บุญพินไปพักที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย เพราะหลวงปู่ชอบ กับ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต จะไปโคราช ต่อมาหลวงปู่บุญพินได้จากวัดป่าอัมพวันไปพำนักจำพรรษาที่วัดป่าม่วงไข่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย ร่วมกับหลวงปู่ลี กุสลธโร
ในพรรษาที่ ๖ ปี พ.ศ.๒๕๐๓ ท่านจำพรรษาที่วัดโคกมนกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ในระหว่างพรรษา ได้ฟังธรรมจากหลวงปู่ชอบ และได้ตั้งใจทำสมาธิภาวนาตลอดพรรษา วันหนึ่งหลวงปู่ชอบกล่าวกับหลวงปู่บุญพินว่า ในคืนนั้นท่านได้นิมิตเห็นเทพทั้งหลายมากมายมาหาท่าน เทพทั้งหลายแบ่งเป็นชั้นๆ มีชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ หลวงปู่ชอบจึงกำหนดจิตถามเทพทั้งหลายว่า พวกท่านมาหาเราทำไม เทพได้ตอบหลวงปู่ชอบว่า พวกเราได้ลงมากราบหลวงปู่และอนุโมทนาในการสร้างวัดในครั้งนี้ แล้วก็จากไป ต่อจากนั้นหลวงปู่ชอบได้แก้นิมิตให้หลวงปู่ฟังว่า ต่อไปวัดบ้านโคกมนนี้จะมีความเจริญรุ่งเรือง และจะมีญาติโยมทั่วทุกสารทิศมาทำบุญ
ในพรรษาที่ ๗ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ ท่านจำพรรษาที่วัดนิโครธาราม อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี กับหลวงปู่อ่อน ในพรรษานี้หลวงปู่ได้ทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ คือ อดนอน ผ่อนอาหาร วันพระหลวงปู่จะอธิษฐานจิตนั่งสมาธิภาวนาเดินจงกรมตลอดทั้งวันทั้งคืน ตลอดพรรษานี้ได้ทำความเพียรเป็นที่พอใจของหลวงปู่มาก รับกฐินเสร็จ ได้กราบลาหลวงปู่อ่อนออกเที่ยวธุดงค์ไปวัดถ้ำกลองเพล พักอยู่ระยะหนึ่ง หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโตได้ชวนออกวิเวกไปทางอำเภอพรรณานิคม มาพักที่วัดโนนภู่ คืนหนึ่งหลวงปู่เดินจงกรมเสร็จ ขึ้นกุฏิทำวัตรสวดมนต์เสร็จ ได้ตั้งอธิษฐานจิตภาวนา ขณะจิตเป็นสมาธิ ได้นิมิตว่า มีชายคนหนึ่งลอยมาจากอากาศและตะโกนดังๆ ว่า ท่านๆ ท่านรู้ไหม ๓ ชาติที่ผ่านมา ท่านบวชแล้วตายในผ้าเหลือง ชาตินี้เป็นชาติที่ ๔ ขอให้ท่านประพฤติปฏิบัติพรหมจรรย์ตลอดไป เราขออนุโมทนากับท่านด้วย แล้วเสียงก็หายไป จิตได้ถอนขึ้นมา หลวงปู่พักอยู่วัดนี้ ๓ คืน จึงธุดงค์ต่อไปวัดถ้ำเจ้าผู้ข้า พักอยู่ระยะหนึ่ง ธุดงค์ต่อไปวัดภูริทัตตถิราวาส บ้านหนองผือแล้วต่อไปจนถึงวัดถ้ำพระนาใน ธุดงค์ต่อจนถึงถ้ำขามพักอยู่กับหลวงปู่ฝั้น ทุกคืนหลวงปู่ฝั้นจะแสดงธรรมให้พระเณรและญาติโยมได้ฟัง มีคืนหนึ่งขณะที่นั่งฟังเทศน์ จิตสงบขึ้นแสงสว่างพุ่งทะลุภูเขาออกไป พอจิตออกจากสมาธิ ได้ยินหลวงปู่ฝั้นเทศน์ในตอนนั้นว่า ขณะนั่งสมาธิมีแสงพุ่งออกไปข้างหน้า ไม่ต้องเอาจิตตามแสงนั้นไป ถ้าตามไปจะไม่มีที่สิ้นสุด ต้องกำหนดดูที่กายที่จิต หลวงปู่พักอยู่กับหลวงปู่ฝั้นประมาณ ๒ เดือน ตอนแรก ตั้งใจจะจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เพราะใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว พอดีท่านพระอาจารย์สุวัจน์ และ ลูกศิษย์ขึ้นมามาก หลวงปู่กับหลวงปู่บุญเพ็ง เห็นกุฏิที่อาศัยไม่เพียงพอต่อพระเณร จึงได้กราบลาหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เพื่อธุดงค์ไปวัดป่าแก้วชุมพล
ในพรรษาที่ ๘ ปี พ.ศ.๒๕๐๕ ท่านจำพรรษาที่วัดป่าแก้วชุมพล มีพระเณรจำพรรษา ๗ รูป พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่พร้อมกับหลวงปู่บุญเพ็ง ออกเดินธุดงค์ไปหาหลวงปู่ขาว ได้พบกับหลวงปู่จันทา ถาวโร แล้วได้ออกธุดงค์ร่วมกัน หลวงปู่ได้ชวนหลวงปู่จันทามาพักที่ดงเชียงเครือ เพื่อจะเยี่ยมโยมแม่ ที่บ้านนาบ่อ ขณะที่พักที่ป่าช้าบ้านดงเชียงเครือ มีญาติโยมบ้านนาบ่อ วาริชภูมิ บ้านไฮ่และบ้านใกล้เคียงได้พากันมาวัดฟังธรรมกับหลวงปู่ ตลอดเวลา ๑ เดือนที่พัก แล้วได้ลาโยมแม่ไปพักที่วัดสุขุมวารี พักอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้ลาญาติโยมกลับไปวัดถ้ำกลองเพล พักอยู่ระยะหนึ่งได้กราบลาหลวงปู่ขาว ไปหาหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ที่บ้านหนองแซง หลวงปู่ได้ปรารภกับหลวงปู่บัวว่าอยากจะเข้าไปจำพรรษากับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงปู่บัวจึงแนะนำข้อวัตรปฏิบัติให้แล้ว จึงเดินทางไปพร้อมกับสหธรรมิก
ในพรรษาที่ ๙ ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี กับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ตั้งใจศึกษาข้อวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีพระเณรจำพรรษา ๑๓ รูป ตลอดพรรษานี้ได้ธรรมปฏิบัติกับหลวงตามหาบัวมากและได้ทำความเพียร จนทำให้มีกำลังใจเพื่อต่อสู้ไปในภายภาคหน้า
ในพรรษาที่ ๑๒ ปี พ.ศ.๒๕๐๙ ท่านจำพรรษาที่วัดป่านิโครธาราม อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ พอออกพรรษาแล้วกราบลาหลวงปู่อ่อน ออกวิเวกธุดงค์ กับท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ ปุญญมากโร และสามเณรสีโห ไปพักที่บ้านหนองแซง จากนั้นออกธุดงค์ขึ้นไปเหนือ โยมซื้อตั๋วรถให้ นั่งรถ ไปถึงจังหวัดพิษณุโลก เหลือปัจจัยอยู่ ๑๐ บาท จ้างสามล้อให้ไปส่ง นอกเมือง แล้วพากันเดินธุดงค์ตามทางรถไฟไปถึงอุตรดิตถ์ พักอยู่ที่ กลางทุ่งนา จากพิษณุโลกไปแม่เมาะใช้เวลา ๑๐ คืน รองเท้าของหลวงปู่ และสามเณรขาดหมดพอดี เหลือแต่ของพระอาจารย์ประสิทธิ์ ต้องผลัด เปลี่ยนกันใส่ พอถึงแม่เมาะ ไปพักที่วัดอาจารย์สมประมาณ ๑ เดือน มีญาติโยมทำบุญได้ปัจจัยซื้อตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่ ไปพักที่วัดสันติธรรมกับหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ต่อมากราบลาหลวงปู่สิมออกธุดงค์ไปหา หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้ฟังเทศน์หลวงปู่ตื้อ แล้วพักอยู่ระยะหนึ่ง ได้กราบลาหลวงปู่ตื้อไปทางอำเภอพร้าว เจอหลวงปู่คำผอง แล้วชวนกัน ไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง ฟังเทศน์หลวงปู่แหวนพักอยู่ระยะหนึ่ง แล้วกราบลาหลวงปู่ออกธุดงค์ต่อไปบ้านมูเซอ พอถึงบ้านจีนฮ่อมีทหารตามไปส่งที่บ้านมูเซอ ระหว่างพักอยู่ที่บ้านมูเซอมีตัวขุ้นกัดหลวงปู่ตามตัวเต็มไปหมด หลวงปู่จึงชวนกันไปพักที่ธาตุแม่โถน ลาพระอาจารย์ประสิทธิ์ ที่แม่ริม แล้วไปที่บ้านยาง ผาแด่น
ในพรรษาที่ ๑๓ ปี พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านจำพรรษาที่วัดป่าผาแด่น อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ มีพระเณรจำพรรษา ๔ องค์ มีพระอาจารย์คำผอง กุสลธโร, หลวงปู่บุญพิน พระม่อยและสามเณร พรรษานี้อาหารบิณฑบาตไม่สัปปายะ อดมื้อฉันมื้อ พอได้ประทังชีวิต
หลวงปู่บุญพิน ท่านได้ออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ มากมายหลายแห่ง และในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านจำพรรษาที่ภูทอกกับ หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ตลอดพรรษาได้ ทำบันไดขึ้นภูทอก ในระหว่างพรรษามีคืนหนึ่งขณะที่ทำสมาธิภาวนา จิตสงบ เกิดนิมิตก้อนหินตรงกุฏิที่หลวงปู่พักอยู่ลอยไปลอยมาจากนั้น จิตได้ถอนออกจากสมาธิเป็นปกติ พอออกพรรษา บันไดที่ทำขึ้นภูทอก ยังไม่เสร็จ หลวงปู่จวนได้พาญาติโยมเวียนเทียนในวันออกพรรษา พอรับกฐินเสร็จ ได้กราบลาหลวงปู่จวนไปหาอาจารย์ศรีนวล ที่วัดรัตนนิมิต จังหวัดอุดรธานี
ในปี พ.ศ.๒๕๒๖ หลวงปู่บุญพิน ได้รับโยมแม่จันทีเข้ามาบวชเป็นชีถือศีล ๘ ปฏิบัติธรรมจนท่านสิ้นอายุขัยในปี พ.ศ.๒๕๓๖ รวมอายุ ๙๖ ปี
ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลวาริชภูมิ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
ในปี พ.ศ.๒๕๓๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้บรรพชาอุปสมบทให้กุลบุตรผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระธรรมวินัยและข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆเพื่อชำระจิตใจให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ มีความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เบาบางหรือหมดสิ้นไป พระเณรที่หลวงปู่ได้บวชและยังได้ประพฤติพรหมจรรย์จนถึงทุกวันนี้ยังเหลืออยู่หลายองค
เหตุการณ์พบสถานที่ปฏิบัติธรรม สร้างวัดผาเทพนิมิต
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๓ หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ กับสามเณรได้ออกวิเวกปักกลดในเทือกเขาภูพาน ในวันหนึ่งพอตกกลางคืนหลวงปู่ได้นิมิตว่าทางทิศตะวันตกได้เกิดแสงสว่างไสวพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พอจิตถอนออกจากนิมิต ท่านได้พิจารณาในสถานที่เกิดนิมิตนั้นคงจะเป็นสถานที่ที่เป็นมงคล ถ้าได้สร้างเป็นวัด วัดนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองมากในภายภาคหน้า พอรุ่งเช้าหลวงปู่และสามเณรพร้อมญาติโยมออกหาสถานที่ที่เห็นในนิมิตนั้นพอดีมาเจอหน้าผาก็ระลึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ตรงกับนิมิต แล้วหลวงปู่จึงได้พาญาติโยมสร้างเป็นที่พักสงฆ์เล็กๆ ขึ้นมาในระหว่าง ช่วงนั้นใกล้จะเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่เป็นห่วงโยมแม่ จึงได้กลับไป จำพรรษาที่วัดดงเชียงเครือ แล้วได้จัดพระ ๓ รูป สามเณร ๑ รูป มาจำพรรษาแทน
ในช่วงพรรษาที่ ๓๗ ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๓๔ หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ ท่านได้มาจำพรรษาที่ที่พักสงฆ์ผาเทพนิมิตไตรเขตภูพาน บ้านดงสว่าง อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร และต่อมาได้มีการยกฐานะเป็นวัดผาเทพนิมิต พร้อมทั้งสร้างเสนาสนะเพื่อใช้เป็นที่รองรับในการอบรมสั่งสอนพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสญาติโยมจากทั่วสารทิศทั้งทางใกล้และทางไกลมาพักรักษาศีลปฏิบัติธรรม แสวงหาความสงบทางจิตใจมากขึ้น เพราะเป็นสถานที่เหมาะในการบำเพ็ญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานในระหว่างหลวงปู่จำพรรษาที่วัดผาเทพนิมิต
หลวงปู่บุญพิน กตปุญฺโญ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนาม พระครูสุวิมลบุญญากร ผู้ที่มีโอกาสเดินทางไปที่วัดผาเทพนิมิต จะพบหลวงปู่บุญพิน ออกมาคอยต้อนรับปฏิสันถารอย่างเป็นกันเอง
ราวปี พ.ศ.๒๕๕๗ หลวงปู่บุญพิน ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ดอยผาเทพนิมิต ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่บนยอดเขาบรรยากาศดีมองเห็นเมืองป่าตองและทะเลออกไปได้กว้างไกล ท่านจึงมีดำริมนการจัดสร้างพระเจดีย์พุทธนิมิตเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระทันตธาตุ อัฐิธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งมีพิธียกฉัตรเจดีย์ทองคำและพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐาน และพิธีบรรจุพระทันตธาตุอัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในวันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๐
ปัจจุบัน หลวงปู่บุญพิน กตฺปุญโญ ครบรอบ ๘๘ ปี พรรษา ๖๖
ท่านจำพรรษา ณ สำนักสงฆ์ดอยเทพนิมิต ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต