ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ
วัดหนองบัวคำแสน
อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
◎ ชาติภูมิ
หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ นามเดิมชื่อ คำแปลง จ้อยจีด เกิดวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๘๒ ณ บ้านเลขที่ ๑๔ หมู่ ๙ บ้านท่าสะอาด ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บิดาชื่อ นายผิว จ้อยจีด และมารดาชื่อ นางคำแหง สุทธิประภา บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านท่าสะอาด เป็นผู้มีอัทธยาศัยดี ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเป็นผู้ใหญ่บ้านที่อุปถัมภ์ช่วยงานวัดวาอารามต่างๆ บิดามารดาของ หลวงปู่เป็นผู้มีเมตตามาก ถ้าใครไม่มีนา ไม่มีข้าวกินก็ให้มารับจ้างทำนา รับรับจ้างทั่วไป แล้วก็ให้ข้าวไปซึ่งบิดา มารดา ของหลวงปู่เป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตาของบุคคลทั่วไปในสมัยนั้น จนทุกคนรู้จักผู้ใหญผิว หลวงปู่มีพี่น้องทั้งหมด ๘ คน คือ
๑. นางจอมแพง จ้อยจีด (เสียชีวิตแล้ว)
๒. หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ
๓. นางบุญตา เสียชีวิตแล้ว
๔. นายคำสาง จ้อยจีด
๕. นายทองหลาง จ้อยจีด (เสียชีวิตแล้ว)
๖. นางบุญมา ป่าจันทร์
๗. นางโสภา พวกพิทักษ์
๘. นายอนันต์ จ่อยจีด
◎ ชีวิตในวัยเยาว์และการศึกษา
หลวงปู่คำแปลง ท่านจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ๔ จากโรงเรียนบ้านท่าสะอาด ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังจากจบการศึกษาหลวงปู่คำแปลง ก็ได้ออกมาประกอบอาชีพช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาตาประสาเด็กชนบททั่วไป ซึ่งบิดามารดาหลวงปู่คำแปลง มีไร่มีนาเยอะในสมัยนั้น จนสามารถให้คนที่เขาฐานะยากจนในแถบนั้นมาทำนาแล้วเอาข้าวไปไว้ทานได้โดยไม่ต้องเช่านาทำมาหากิน นอกจากมีไร่มีนาเยอะแล้วยังมีควายเยอะมาก ในช่วงหลังจบป.๔ หลวงปู่คำแปลงได้ช่วยงานบิดามารดาอย่างเต็มที่และยังมีหน้าที่ในการควบคุมคนงาน นำข้าวใส่เกวียนเอาไปขายในตลาอ.สว่างแดนดิน ช่วงแรกก็ไปกับบิดา แต่หลังจากนั้น หลวงปู่คำแปลงก็ไปเองกับลูกน้อง ร้านรับซื้อข้าวกับรู้จักและยอมรับในตัวหลวงปู่ว่าสามารถทำหน้าที่แทนบิดาได้
◎ ชีวิตก่อนบรรพชา
หลังจากจบการศึกษาแล้ว หลวงปู่คำแปลง ก็ช่วยงานบิดามารดา จนถึงอายุ ๑๗ ปี ก็ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินเสร็จเรียบร้อย หลวงปู่คำแปลง ก็ออกจากบ้าน ไปรับจ้างเป็นลูกเรือแบกน้ำมัน ขนของส่งตามแม่น้ำโขง ไปส่งของ ตามเมืองต่างๆ จนถึงส่งของในเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว เมื่อขนของเสร็จอาหารที่ชอบทานและทานบ่อยช่วงเป็นลูกเรือ คือ ได้ทานแต่เฝ๋อ (ก๋วยเตี๋ยว) ของประเทศลาว ของประเทศไทยบ้าง และช่วงทำงานได้เดินทางล่องตามแม่น้ำโขง จากแขวงสะหวันนะเขต มาจนถึงนครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว
◎ ติดคุกที่ประเทศลาว
ในช่วงเป็นลูกเรืออยู่นั้น มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นช่วงขนของในลาว คือ ตำรวจประเทศลาว มาตรวจและจับลูกเรือไทย ๘ คน รวมหลวงปู่คำแปลงด้วยโดยตำรวจประเทศลาว ว่ามีคนไทยไปอาศัยในเรือประเทศลาว เรือชื่อ “ศรีปากเซ ๓” ในครั้งนั้น หลวงปู่คำแปลงติดคุกอยู่ในคุกลาวตั่งแต่ ๐๙.๐๐ น.จนถึง ๑๕.๐๐ น. จึงได้มีนายเรือชื่อ เฮียเล็ก มาประกันตัวออกจากคุกประเทศลาว
หลังจากนั้นหลวงปู่คำแปลง ก็กลับไปทำงานเป็นลูกเรือและเดินทางส่งของไปเรื่อยๆ จนถึงแขวงสะหวันนะเขต ของประเทศลาว ในช่วงไปรับจ้างขนของในเรือนั้นโยมพ่อของหลวงปู่คำแปลงได้ ไปตามหาและจะเยี่ยมหลวงปู่คำแปลง
◎ ปฐมเหตุแห่งการบวช
โดยในครั้งนั้นโยมพ่อของหลวงปู่คำแปลง ได้ไปหาหลวงปู่คำแปลงที่บ้านของนายเวส สุทธิประภา ซึ่งเป็นญาติทางโยมแม่ของหลวงปู่ ที่บ้านสมสะอาด อ.บ้านว่าน จ.มุกดาหาร (สมัยนั้นเป็นอำเภอมุกดาหาร) เมื่อไปถึงปรากฏว่าไม่เจอหลวงปู่ เนื่องจากหลวงปู่ลงเรือไปรับจ้างขนของที่ สะหวันนะเขต โยมพ่อจึงได้ฝากข้อความถึงหลวงปู่ให้ทราบว่าให้กลับบ้านเกิด เพื่อมาบวชในงานทำบุญอุทิศส่วนกุศล (บุญแจกข้าว) ให้กับปู่ของหลวงปู่
เมื่อหลวงปู่ได้ทราบข่าวว่าโยมพ่อมาหาที่มุกดาหาร ก็ได้เบิกค่าแรงจากนายจ้างได้ค่าแรงทั้งหมด ๓,๘๐๐ บาท และได้เดินทางกลับมาที่ บ้านเกิด จ.สกลนคร ในช่วงทำงานเป็นลูกเรือทั้งหมด ๒ ปี ด้วยความอดทนและประหยัดของหลวงปู่ หลวงปู่สามารถมีเงินเก็บถึง ๓,๘๐๐ บาท ( ในสมัยนั้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๑ ถือว่าเยอะมากๆ เพราะสมัยนั้นหาเงินยากมาก) เมื่อกลับถึงบ้านเกิด หลวงปู่มอบเงิน
ให้โยมพ่อ ๓,๔๐๐ บาทเพื่อให้พ่อไปซื้อวัวใหญ่ ๒ ตัว (๑ คู่) ชื่อว่าวัวบักเขียวใหญ่ พร้อมกับล้อเกวียน หลังจากกลับถึงบ้านเกิดได้ ๒-๓ วัน โยมพ่อก็ได้นำหลวงปู่เข้านาค เพื่อเตรียมตัวในการบวช
◎ บรรพชา
หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๑ อายุได้ ๑๙ ปี ณ วัดตาลนิมิต บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูอดุลย์สังฆกิจ (หลวงปู่มหาเถื่อน อุชุกโร) หลังจากบรรพชา หลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติศีลาจารวัตรโดยเคร่งครัดและปรนนิบัติ พระอุปัชฌาย์ และครูบาอาจารย์อย่างเต็มที่ อาทิเช่น หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ , หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม (สมัยอยู่วัดตาลนิมิตร) ในช่วงบรรพชาเป็นสามเณร นอกจากได้ศึกษา ทางปฏิบัติจากพ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานแล้ว ยังได้เรียนนักธรรมตรี ที่สำนักเรียนวัดสีชมพู บ้านบึงโน กับ หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม ตลอดจนเข้าพรรษาและได้จำพรรษาและปรนนิบัติพระอาจารย์ต่างๆ หลายรูป อาทิเช่น พระอาจารย์สมภาร ปญฺญาวโร , พระอาจารย์อุดม ญาณรโต เมื่อถึงเวลาสอบนักธรรมตรีจะต้องเดินทางด้วยการเดินเท้าไปสอบที่สำนักสอบวัดกุดเรือคำ บ้านกุดเรือคำ ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี
◎ อุปสมบท
หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ ได้อุปสมบท เมื่ออายุ ๒๐ ปี วันที่ ๒๐ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๑๑.๔๕ ณ วัดสีชมพู ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีท่านพระครูพุฒิวราคม (พระอธิการพุฒิ ยโส) แห่งวัดคามวาสี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ลี ฐิตธมฺโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระอาจารย์สุภาพ ธัมมปญฺโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ปุณฺณชิ” แปลว่า ผู้เต็มบริบูรณ์ (ปุณ ธาตุ ในความเต็ม,บริบูรณ์)
หลังจากอุปสมบทแล้วก็ได้ศึกษาข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทั้งต่อพระธรรมและวินัย ต่อเพื่อนพระสงฆ์ ต่อครูบาอาจารย์ อีกทั้งได้ศึกษานักธรรมโท ที่สำนักเรียนวัดศรีชมพู บ้านบึงโน อ.สว่างแดนดินจ.สกลนคร จนสอบได้นักธรรมโท จนกระทั้งได้รับความไว้วางใจจาก หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม วัดเหวลึก ให้เป็นครูสอนนักธรรมตรี ในพรรษานั้นด้วย
◎ ลำดับการจำพรรษาของหลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ
พ.ศ. ๒๕๐๑ ขณะเป็นสามเณร ( ๑ ปี ) วัดสีชมพู ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
พรรษาที่ ๑ พ.ศ.๒๕๐๒ วัดสีชมพู ต.โคกสี อ.สว่างแดน จ.สกลนคร
พรรษาที่ ๒ พ.ศ.๒๔๐๓ วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
พรรษาที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๐๔ วัดมหาวัน บ.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
พรรษาที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๐๕ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ
พรรษาที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๐๖ วัดวชิราลงกรณ์ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พรรษาที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๐๗ วัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๗ พ.ศ. ๒๕๐๘ วัดป่าห้วยน้ำริน ต.ขี่เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๘ พ.ศ. ๒๕๐๙ วัดป่าบ้านช่องแล จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๑๐ บ้านยาง แม่หลอด ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๑ สำนักสงฆ์ดอยปุย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๑๒ วัดเขาตานก ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
พรรษาที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๑๓ วัดอ่าวหมู (ชัยมงคล) ต.อ่าวหมู อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี
พรรษาที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๑๔ วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๑๔ พ.ศ. ๒๕๑๕ วัดผาจรุย ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด จ.เชียงราย
พรรษาที่ ๑๕ พ.ศ. ๒๕๑๖ หมู่บ้านชาวอีก้อ จ.เชียงใหม่
พรรษาที่ ๑๖ พ.ศ. ๒๕๑๗ วัดถ้ำบูชา อ.เซกา จ.หนองคาย
พรรษาที่ ๑๗ พ.ศ. ๒๕๑๘ วัดป่าสานตม อ.ภูเรือ จ.เลย
พรรษาที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๑๙ วัดป่าโป่งลิง อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
พรรษาที่ ๑๙ พ.ศ. ๒๕๒๐ วัดป่าโป่งลิง อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
พรรษาที่ ๒๐ พ.ศ. ๒๕๒๑ วัดถ้ำผาสิงห์ อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๒๑ พ.ศ. ๒๕๒๒ วัดถ้ำผาสิงห์ อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๓ วัดสิริปุญญาราม อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๒๓ พ.ศ. ๒๕๒๔ ป่าสักบ้านดงน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๒๔ พ.ศ. ๒๕๒๕ ป่าสักบ้านดงน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๒๕-๓๖ พ.ศ. ๒๕๒๖-๒๕๓๗ วัดถ้ำผาหมากฮ้อ อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๓๗ พ.ศ. ๒๕๓๘ วัดถ้ำพญาช้างเผือก อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
พรรษาที่ ๓๘-๔๗ พ.ศ. ๒๕๓๙-๒๕๔๘ วัดถ้ำผาหมากฮ้อ อ.วังสะพุง จ.เลย
พรรษาที่ ๔๘-๕๐ พ.ศ.๒๕๔๙-๒๕๕๑ วัดป่าพรไพรวัลย์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
พรรษาที่ ๕๑ พ.ศ.๒๕๕๒ วัดเขาท่ากระดาน อ.สวี จ.ชุมพร
พรรษาที่ ๕๒-๕๙ พ.ศ.๒๕๕๓-๒๕๖๒ วัดป่าพรไพรวัลย์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
พรรษาที่ ๖๐ พ.ศ.๒๕๖๒ (๑๔ ก.ค.๖๒) – ปัจจุบัน อยู่จำพรรษา วัดหนองบัวคำแสน อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู
◎ ปฏิปทาและคำสอนของหลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ
หลวงปู่คำแปลง ท่านเป็นพระที่เรียบง่าย มีความเด็ดขาดในตัว เคร่งครัดในพระธรรมวินัย หลวงปู่ท่านจะตื่นแต่เช้า มืดขึ้นมา ท่องทบทวนบทสวดปาฏิโมกข์อยู่เป็น ประจำก่อนที่ท่านจะออกรับบิณฑบาตร ท่านมัก จะสอนลูกศิษย์อยู่เสมอว่า
“..เป็นชาวพุทธอย่าขี่เกียจสวดมนต์ไหว้พระ
มันสู้สัตว์เดรัจฉานบางประเภทไม่ได้
อย่านอนฟรีๆ..”
“..ให้หมั่นสวดภาวนาอิติปิโส ( พุทธคุณ
ธรรมคุณ สังฆคุณ ) อยู่เป็นประจำ เพราะ
เป็นของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกๆ
พระองค์ ต้องมาสวดบทนี้..”
“..อธิฐานถึงบุญที่เราได้ทำแล้ว มาใช้ในยามเกิด
อุปสรรคในชีวิตหรือตามความต้องการของเรา
เพราะบุญที่เราทำแล้วมันเป็นสมบัติทิพย์
ในโลกทิพย์ ถ้าหากเรายังไม่ตาย เรายัง
ไม่ถึงโลกทิพย์ เราก็อาราธนามาใช้ใน
เมืองมนุษย์..”
“..การทำความดี ต้องทำตอนเป็นมนุษย์
นรกมีจริง บาปบุญมีจริง..”
“..อธิษฐานศีลก่อนนอน สำหรับคนที่ไม่สามารถ
รักษาศีลได้ตลอดทั้งวัน..”
◎ หลวงปู่ชอบแจกพระ
ท่านชอบแจกวัตถุมงคล แก่ผู้ที่มากราบไหว้ หรือทำบุญกับท่าน หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้แอดมิน ฟังว่า มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ท่านหนึ่งเป็นชาว กรุงเทพฯ ฐานะมีอันจะกิน มาทำบุญกับหลวงปู่ประจำ เพื่อนของลูกศิษย์ท่านนั้น ได้มาสอบถามว่า มีพระดีๆ ที่ไหนแนะนำให้ไปกราบไหว้ทำบุญบ้าง ลูกศิษย์ท่านนั้นจึงตอบเพื่อนของเขาไปว่า หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ จ.หนองบัวลำภู เพื่อนของเขาจึงได้พิมพ์ชื่อหลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ ค้นหาใน goolgle เพื่อค้นหาประวัติ แต่เขาไปเจอโพสท์ขายพระเครื่อง วัตถุมงคล ของหลวงปู่คำแปลง จึงได้มาบอกกับลูกศิษย์หลวงปู่ ผู้ที่แนะนำว่า “ไม่ไปหาแล้วพระองค์นี้ ขายพระ” ท่านได้เล่าให้ฟังแบบขำๆ ท่านบอกว่า..
ตั้งแต่บวชมา จนอายุได้ ๘๐ ปี เฮาบ่เคยขายพระจักเทือ มีแต่แจกอย่างเดียว พูดเสร็จท่านก็หัวเราะ จึงขอจบชีวประวัติและปฏิปทาคำสอนของ หลวงปู่คำแปลง (แบบย่อ) ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ
ปัจจุบัน หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ ท่านจำพรรษา ณ วัดหนองบัวคำแสน ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ท่านมีอายุ ๘๑ ปี พรรษา ๖๑ (๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒)
ที่มา : คัดลอกข้อมูลบางส่วนจากหนังสือชีวประวัติ หลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ
และเพจ : ปฏิปทาคำสอนหลวงปู่คำแปลง ปุณฺณชิ