ประวัติและปฏิปทา
พระอาจารย์ชาคำแดง ยานวุดโท
สปป.ลาว
พระอาจารย์ชาคำแดง ยานวุดโท หรือ พระชาคำแดง ท่านเป็นพระเกจิลาวที่ผู้คนชาวลาวและไทยให้ความศรัทธาสูงมาก ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ สายวิปัสนากัมมัฏฐาน ปฏิบัติฌานเตโชธาตุ และมีความเชี่ยวชาญทางด้านอาคมเป็นอย่างมาก ตามประวัติท่านพระอาจารย์ชาคำแดง ท่านถือกำเนิด ณ เมืองโขง แขวงจำปาสัก ทางภาคใต้ของประเทศลาวในปัจจุบัน ในวัยเด็กท่านเป็นคนมีนิสัยชอบเรียนรู้ และเรียนรู้ได้ไว มีความจดจำดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน นิสัยของอาจารย์เป็นพระที่พูดน้อย ปฎิบัติ วิปัสนามาก ได้มีการเล่าขานว่าท่านสำเร็จเตโชธาตุ สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หายตัว แปลงกาย เสกหิน เสกดินเป็นทองคำได้ดั่งใจนึก มีเมตตาต่อญาติโยม มีคนนับหน้าถือตาท่าน หมู่บ้านใดเป็นโรคห่าลงท่านก็สามารถรักษาได้ทันท่วงทีบ้านใดเกิดภัยแล้งท่านมีความสามารถเรียกฟ้าเรียกฝนได้ดั่งใจนึก ความรู้ความสามารถ ปัญญาของท่านมีมาก จึงทำให้ประชาชนในแขวงจำปาสัก มีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก
สมัยที่ท่านเป็นพระหนุ่ม ท่านได้มาศึกษาวิปัสนากัมมัฎฐาน ที่สำนักวัดพุทธวงศาป่าหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ กับพระเดชพระคุณญาท่านมหาปาน อานันโท ซึ่งญาท่านมหาปาน อานันโท ท่านถือเป็นต้นกำเนิดพระวิปัสนาแห่งราชอาณาจักรลาว องค์แรกในยุกนั้น ระหว่างนั้นพระอาจารย์ซาคำแดง ยานวุดโท ได้พักอยู่ที่วัดพระธาตุหลวงเหนือ กับมหาสมเด็จอัครมหาบัณฑิต ลูกแก้ว (คูณ มณีวงศ์) พระสังฆนายก แห่งอาณาจักรลาว เมือศึกษาจนเป็นที่พอใจแล้ว เพื่อต้องการความก้าวหน้าหลังจากนั้น ท่านได้ออกปลีกวิเวก ปฏิบัติวิปัสนากัมมัฏฐาน ที่ภูเขาควายและได้สำเร็จฌานขั้นหนึ่งที่นั้น หลังจากนั้นได้ลงไปอยู่ที่บ้านท่าหมากเห็บ เมืองนาคะบุรี แขวงสีทันดอน (แขวงจำปาสักทางภาคใต้ของประเทศลาวปัจจุบัน) ได้สร้างวัดที่นั้น และได้ออกออกเดินธุดงค์แสวงธรรม ที่ถ้ำแก้วธรรมฤทธิ์ ณ ภูสาระแพดอนแห่ และได้สำเร็จธรรมขั้นสูงอยู่ที่นั่น นอกจากท่านพระอาจารย์ชาคำแดง จะเชี่ยวชาญในด้านกัมมัฏฐานแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญในด้านยาสมุนไพร รักษาโรค แตกฉานในวิชาอาคม มีอภิญญาขั้นสูง อาจารย์ของท่านอีกคนไม่ที่กล่าวถึงไม่ได้นั่นคือ พระอาจารย์ซาดำ ท่านผู้นี้เป็นเกจิอาจารย์เขมรเป็นพระนิยมไพร ชอบปลีกวิเวกเพียงลำพังอยู่ในป่า เชี่ยวชาญในด้านไสยเวทย์ คาถาอาคมทุกแขนง
กล่าวกันว่าฌานที่ท่านสำเร็จนั้น มีชื่อว่าเตโชธาตุ คือสามารถแปลงกาย หายตัวได้ เป็นผู้มีฤทธิ์ และตอนนั้นแหละที่ท่านมีชื่อเสียงสมณะศักดิ์ ตอนนั้นแค่เพียงซา คนจึงเรียกท่านว่าพระอาจารย์ซาคำแดง แต่ความจริงหลังจากนั้นเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นพระครู แต่คนก็ยังเรียกท่านอยู่อย่างนั้น ท่านได้เปิดสำนักวิปัสนากัมมัฏฐาน ที่วัดท่านหมากเห็บ (ວັດທ່າໝາກເຫັບ) มีพระสงฆ์สามเณร ประชาชน ญาติโยมไม่เว้นระดับเจ้านาย ไปปฏิบัติอยู่กับท่านมากมาย หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดแก้งกุ่ม (ວັດແກ້ງກຸ່ມ) ซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเกาะดอนโขง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว
ศิษย์ของท่านมีหลายแต่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เช่น
- พระอาจารย์ซาใส สึกเมื่อปี พ.ศ.2525
- พระอาจารย์ซาสุด บ้านดอนส้มโฮง ยังมีชีวิตอยู่ สึกเมื่อปี พ.ศ.2519 (ปัจจุบันเป็นฆราวาสที่มีชื่อเสียงมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชาวไทยและและลาว)
- พระอาจารย์ซาโงน พระครูอะนาวิโร (บุนทอง วิประไซ) (มรณะภาพแล้วเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ.2555)
ในสมัยที่พระอาจารย์ชาคำแดง จำพรรษาอยู่ ณ วัดแก้งกุ่ม เมืองโขง (แถวๆ หลี่ผี) ปรากฏว่าท่านมีชื่อเสียงขึ้นมากเพราะว่าได้ช่วยเหลือคนทั้งหมู่บ้านจนปลอดภัยจากโรคระบาด ด้วยการทำพิธีสูตรสวดปัดเป่าให้ชาวบ้าน บางปีฝนแล้งท่านก็ขอฝนให้ ไม่เพียงแค่นั้น คราวหนึ่งมีรถยนต์โดยสารมีคนเต็มรถประสบอุบัติเหตุจะพลิกคว่ำตกจากถนน
ท่านก็รับเอารถยนต์โดยสารนั้นไว้ไม่ให้ตกจากถนนได้
เหตุที่ท่านอยู่เมืองลาวไม่ได้ ก็ด้วยท่านไปฝักไฝ่ช่วยเหลือฝ่ายรัฐบาล เป็นเหตุให้ฝ่ายล้มล้างรัฐบาลต้องคิดหาวิธีกำจัดท่าน ว่ากันว่านิมนต์ท่านไปที่บ้านห้วยแม่สัง แล้วลงมือสังหารท่านที่นั่น ที่บ้านห้วยแม่สังก็มีธาตุเจดีย์ (หลุมฝังศพ) ของท่านอยู่ด้วย แต่ที่ฝังไว้กลับเป็นเพียงต้นกล้วย คนที่เอาศพท่านไปฝังก็ไม่ทราบว่ากำลังฝังต้นกล้วย นี่ก็เกิดขึ้นด้วยอภินิหารของท่าน ความจริงเป็นเช่นใดไม่มีใครทราบ เป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมา
บั้นปลายแห่งชีวิตของพระอาจารย์ชาคำแดง ยานวุดโท ได้ลาสิกขาจากสมณเพศแล้วมาห่มขาว เป็นตาผ้าขาวชาคำแดง ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งลมหายใจ
ท่านพระอาจารย์ซาคำแดง ท่านเป็นพระหนุ่มๆ มีชื่อเสียงจนคนนับถือเป็นวงกว้างทั่วเมืองลาว และมรณภาพไปขณะที่อายุยังน้อย
เหตุประวัติของท่านพระอาจารย์ชาคำแดง ที่เป็นที่คลุมเคลือไม่ชัดเจนนั้น แม้ลูกศิษย์ลูกหาของท่านบางคนที่ยังมีชิวิตอยู่ก็ไม่สามารถนำมาเล่าสู่คนรุ่นหลังฟังได้ เพราะมันเป็นสิ่งต้องห้าม
หลายคนที่ยังสับสนว่าพระอาจารย์ชาคำแดง ที่ลาวกับเขมรองค์เดียวกันหรือไม่นั้น เรื่องนี้ท่านพระอาจารย์ใหญ่บุนเนืองพิลัก โชติทอน อดีตเจ้าอาวาสวัดเวียงเจริญ นครหลวงเวียงจันทน์ได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์ขณะที่ท่านยังมีชิวิตอยู่ และยืนยันว่าเป็นคนละคนกัน โดยช่วงวัยอายุก็ต่างกัน ลักษณะตำหนิทางร่างกายก็ต่างกัน
หมายเหตุ : ภาษาลาวออกเสียงตัว ช เป็นเสียง ซ ดังนั้น คำว่า”ชา”จึงอ่านว่า”ซา”
◉ ในด้านวัตถุมงคล เหรียญท่านพระอาจารย์ชาคำแดง มีเพียงรุ่นแรกและรุ่นเดียว
นั่นก็คือ เหรียญพระชาคำแดง รุ่นแรก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1970 ตรงกับ พ.ศ. 2513 ลักษณะเหรียญกลม
ด้านหน้าเหรียญ ลักษณะเป็นเส้นวงกลมล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง มีอักขระล้อมรอบตามขอบเหรียญ ภายในวงกลมด้านใน มีรูปพระอาจารย์ชาคำแดง นั่งเต็มองค์ ในอิริยาบทมือขวาถือประคำ มือซ้ายขัดสมาธิ ด้านขวาของเหรียญระบุเป็นปี ค.ศ.1970 ด้านซ้ายของเหรียญเป็น พ.ศ.2513 โดยเขียนเป็นตัวอักษรและตัวเลขลาว
ด้านหลังเหรียญ มีอักขระโค้งตามขอบเหรียญ ด้านในเป็นพระพุทธเจ้าแปดพระองค์เป็นวงกลม
สำหรับเหรียญที่พบมีเพียงเนื้อทองแดงเท่านั้น เนื้ออื่นยังไม่ปรากฎ ที่พบ เช่น ทองแดงกะไหล่ทอง กะหลั่ยเงิน ทองแดงรมดำ รมน้ำตาล และทองแดงผิวไฟ เหรียญรุ่นนี้ว่ากันว่า เป็นหนึ่งในผลงานของนายช่างเกษม มงคลเจริญ ช่างผู้แกะบล็อกแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นช่างแกะพระฝีมือดีมีชื่อเสียงมากและงานมากในขณะนั้น (ยุคปี พ.ศ.2513)
เหรียญพระอาจารย์ชาคำแดง นั้นมีเพียงรุ่นนี้รุ่นเดียวที่ทันท่านพระอาจารย์ชาคำแดง นอกเหนือจากนี้ อาทิ รูปหล่อ นั่งนับประคำ เหรียญหล่อเนื้อปีกเครื่องบิน หลังจาร เหรียญหล่อครึ่งองค์ทั้งหลายแหล่ เป็นพระอุปโลกสร้างขึ้นมาในภายหลัง และที่สำคัญเหรียญพระอาจารย์ชาคำแดง มีของเก๊ระบาดหนักเล่นหาต้องระวังครับ
📌📌 และหากท่านใดที่ต้องการปล่อย เหรียญพระชาคำแดง พระซาคำแดง สปป.ลาว
✅ ต้องการปล่อยให้เช่า | ส่งรูปมาที่👇 ข้อความทางอินบ็อก หรือ ☎️ 0867890968
➖➖➖➖➖➖➖
🤔 https://line.me/ti/p/AHATGMfaA5
☎ 0867890968 (ยินดีรับเช่าพระ รับเช็คพระฟรี)
🆔 Line : notsosweets