ประวัติและปฏิปทา
พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย)
วัดท่าดอกแก้วเหนือ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) อดีตเจ้าคณะตำบลท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วเหนือ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลังรูปหนึ่งของ จ.นครพนม เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม เป็นลูกศิษย์สืบสายธรรมจากหลวงปู่สีทัตถ์ อดีตพระเกจิสองฝั่งโขงที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ
◎ ชาติภูมิ
พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) นามเดิมชื่อ “สนธิ์ คงเหลา” เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๒๒ ที่บ้านท่าดอกแก้วเหนือ ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม บิดาชื่อ “นายแสง” และมารดาชื่อ “นางทุม คงเหลา” เป็นบุตรคนที่ ๒ โดยมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๖ คน คือ
๑. นางผา คงเหลา
๒. นายสนธิ์ คงเหลา (พระครูสันธานพนมเขต)
๓. นายแสน คงเหลา
๔. นางน้อย คงเหลา
๕. นางพุฒ คงเหลา
๖. นายกา คงเหลา
◎ ปฐมวัย
ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยดีจากบิดามารดา จนกระทั่งอายุได้ ๑๔ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท่าดอกแก้วใต้ (วัดโสดาประดิษฐ์ในปัจจุบัน ) โดยมี พระอาจารย์นนท์ เป็นพระอุปัชฌายะ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๖ เมื่อบรรพชาแล้วก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนอักษรธรรม (ไทยน้อย) ลาว ขอม และสวดมนต์สูตรต่างๆ อยู่ในสำนักของท่านอาจารย์นนท์ จนมีวิชาความรู้ตามสมควรแก่ภาวะการศึกษาอยู่ในสมัยนั้น ตลอดเวลาที่สามเณรสนธิ์ ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักนี้ สามเณรสนธิ์ก็เป็นที่รักใคร่และไว้วางใจของท่านอาจารย์เป็นอันมาก
◎ อุปสมบท
พอสามเณรสนธิ์อายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดท่าดอกแก้วใต้ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๒ โดยมี พระอาจารย์ภูมี เป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์นนท์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์สม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุรชโย”
ครั้นอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย มีความรู้พอสมควร เท่าที่จะสามารถจะศึกษาได้ในสมัยนั้นโดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านพระอาจารย์สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดพระธาตุท่าอุเทน จ.นครพนม ศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ที่วัดป่าอรัญญคามวาสี (วัดพระธาตุท่าอุเทนปัจจุบัน) ศึกษาอยู่ได้ ๑ พรรษา จนนับได้ว่าเป็นศิษย์ผู้มีความรู้ความสามารถองค์หนึ่งของพระอาจารย์
หลังจากนั้นก็อำลาพระอาจารย์ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยออน แขวงเมืองบ่อสะแทน ประเทศลาว อยู่กับพระอาจารย์โสดา ซึ่งเป็นลุงของท่านเป็นเวลา ๓ ปี แล้วจึงได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดท่าดอกแก้ว ซึ่งเป็นสำนักเดิมของท่าน โดยการอาราธนาของอุบาสกอุบาสิกาบ้านท่าดอกแก้ว
ต่อมาเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วถึงแก่มรณภาพลง ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๒ ในระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่นี้ ก็พยายามปฏิบัติศาสนกิจในหน้าที่ด้วยดี
◎ โดยมีตำแหน่งหน้าที่และสมณศักดิ์ที่ได้รับดังนี้ คือ
ในปี พ.ศ.๒๔๗๓ ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็น เจ้าคณะตำบลท่าจำปา
ในปี พ.ศ.๒๔๗๙ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌายะ ประจำเขตตำบลท่าจำปา
ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสอบธรรมและตรวจธรรมสนามหลวงมาโดยตลอด
ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ ได้รับพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามว่า “พระครูสันธานพนมเขต”
◎ การก่อสร้าง
- ได้เป็นผู้ช่วยเหลือท่านอาจารย์สีทัต ก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทน
- ได้ชักชวนญาติโยมจัดสร้างกุฏิตึก ๒ ชั้น ที่วัดท่าดอกแก้ว
- ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง โดยความร่วมมือของทายกทายิกา ชาวบ้านท่าดอกแก้วและหมู่บ้านใกล้เคียง
- ได้ชักชวนญาติโยมสร้างกุฏิไม้ขึ้นอีก ๓ หลัง ที่วัดท่าดอกแก้ว
- ระหว่าง พ.ศ.๒๔๙๔ ได้สร้างพระอุโบสถขึ้น ๑ หลัง ที่วัดท่าดอกแก้วแล้วเสร็จพร้องทั้งการฉลองใน พ.ศ.๒๔๙๘
ลักษณะนิสัยทั่วไป พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) ปรกติเป็นผู้ร่าเริงอยู่เสมอ มีเมตตาจิตอยู่เป็นประจำ ฉะนั้น จึงทำให้ประชาชนทั้งหลายเคารพนับถือท่านมากทั้งใกล้และไกล ตั้งอยู่ในฐานะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของศิษยานุศิษย์ทุกคน จนพากันเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” อย่างสนิทปากสนิทใจทุกคำไป
เมื่ออายุเข้าวัยชราโรคภัยไข้เจ็บเข้าเบียดเบียนสังขารร่างกายของท่าน บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างก็ได้พยายามเอาใจใส่ดูแล ถวายการรักษาพยาบาลเรื่อยมา

◎ มรณภาพ
ครั้นถึงวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านหลวงพ่อพระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) ก็ได้ล้มป่วยลง บรรดาศิษย์ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันนำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลเมืองนครพนม คณะนายแพทย์และพยาบาล ก็ได้ถวายการรักษาด้วยดี จนอาการดีขึ้น ก็นำท่านไปพักผ่อนที่วัด ในระยะ ๒ เดือน หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อาการป่วยของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด
จนล่วงมาถึงวันที่ ๑๒-๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ อาการป่วยของ หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้วเหนือ ก็ยิ่งเพิ่มหนักขึ้นเป็นทวีคูณ และแล้วครั้นเมื่อถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ เวลา ๑๕.๓๐ น. หลวงปู่พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) ก็ได้แก่ถึงมรณภาพลง ณ วัดท่าดอกแก้ว ด้วยอาการสงบ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก นับอายุโดยปีได้ ๘๘ ปี โดยพรรษาได้ ๗๔ พรรษา หากนับตั้งแต่เณร เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลังรูปหนึ่งของ จ.นครพนม หลวงปู่สนธิ์ มีความเชี่ยวชาญด้านปริยัติธรรมและวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีชื่อเสียงในด้านขับไล่ภูตผีปีศาจและคุณไสย โดยเฉพาะผ้ายันต์ลงคาถาเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ได้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบ ๑๐๘ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศ
หลวงพ่อพระครูสันธานพนมเขต (พระอาจารย์สนธิ์) เป็นผู้ชำนาญทั้งทางปริยัติและวิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นผู้ทรงคุณอันสูงในทางไสยศาสตร์ ในระหว่างที่ยังมีชีวิตได้บำเพ็ญสมณธรรมช่วยเหลือเกื้อกูลแก่บุคคลโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ใครมานิมนต์ไปไหนไม่ขัดข้อง เป็นที่เคารพในหมู่ประชาชนทั้งสองฝั่งโขงไทยลาว
หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย มีชื่อเสียงทางขับไล่ภูตผีปีศาจและคุณไสย และทุกๆ วันจะมีผู้เดินทางมาขอพระเครื่อง และเครื่องรางของขลังนานาชนิดจากท่านไม่ขาด ในคราวกรณีพิพาทอินโดจีน ผ้ายันต์แคล้วคลาดของท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ทหาร ตำรวจ หลั่งไหลไปขอแน่นขนัดวัด ท่านก็แจกคาถาและผ้ายันต์ให้อย่างทั่วถึง ในบริเวณวัดท่าดอกแก้ว จะมีผู้คนมานั่งเฝ้ารอพบท่านอยู่มากมายไม่ขาดสาย ทุกคนมาที่นี่เพื่อกราบท่าน และขอของดีกันทั่วหน้า
◎ ด้านวัตถุมงคล
ก่อนที่ หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้วเหนือ จะมรณภาพได้ ๒ ปี นายชวน กิติศรีวรพันธ์ อดีต ส.ส.นครพนม ลูกศิษย์ได้จัดสร้างวัตถุมงคล เป็นเหรียญหลวงปู่สนธิ์ รุ่น ๑ พ.ศ.๒๕๐๘ ไว้แจกจ่ายให้เฉพาะทหารหาญ มีเนื้อทองเหลืองกะไหล่ทอง เนื้อทองเหลือง และเนื้อทองเหลืองรมดำ ไม่ทราบจำนวนที่จัดสร้างแน่ชัด แต่มีจำนวนการสร้างน้อย
เหรียญรุ่นแรก พระครูสันธานพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย) วัดท่าดอกแก้วเหนือ พ.ศ.๒๕๐๘ เป็นเหรียญกลม มีหูห่วง สันขอบเหรียญนูน

○ ด้านหน้าเหรียญ มีรูปหลวงปู่สนธิ์ ครึ่งองค์ ใต้ฐานขอบโค้งด้านล่าง สลักตัวหนังสือนูนคำว่า “พระครูสันธานพนมเขต (อาจารย์สนธิ์)”
○ ด้านหลังเหรียญ แบนราบ ไม่มีขอบ สลักเป็นยันต์อักขระยันต์เกาะเพชร ซึ่งเป็นยันต์ที่ลงด้วยพุทธคุณ อิติปิโส ๘ ทิศ แล้วชักตารางจากตัว “อิ” ไปเป็นเส้นม้าหมากรุก
เหรียญรุ่นดังกล่าว หลวงปู่สนธิ์ ประกอบพิธีนั่งภาวนาจิตปลุกเสกภายในกุฏิตลอดพรรษา ทำให้พุทธคุณของเหรียญรุ่นนี้เข้มขลังยิ่ง โดดเด่นด้านคุ้มครองแคล้วคลาดภยันตรายทั้งปวง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=31045